สดร. เปิดปฏิทินล่าทางช้างเผือก มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าตลอดปี

สดร. เปิดปฏิทินล่าทางช้างเผือก มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าตลอดปี

สรุปข่าว

สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ  เปิดปฏิทินชมทางช้างเผือกในปี 2567 โดยในหนึ่งปีจะมีช่วงเวลาที่สามารถสังเกตเห็นแนวใจกลางทางช้างเผือกได้ไม่ครบทุกเดือน เนื่องจากช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในบริเวณใจกลางทางช้างเผือก ทำให้ไม่สามารถสังเกตเห็นใจกลางทางช้างเผือกได้


ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นช่วงเปิดฤดูกาล ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือตั้งแต่วันที่ 20 - 22 กุมภาพันธ์ 2567 ในช่วงรุ่งเช้า แนวใจกลางทางช้างเผือก จะเริ่มปรากฏบริเวณขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ขนานกับเส้นขอบฟ้า สังเกตได้ตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. จนถึงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น 


อีกช่วงคือ 8 - 22 มีนาคม 2567 (หลังจากนั้นจะมีแสงสว่างจากดวงจันทร์รบกวน) ตำแหน่งใจกลางทางช้างเผือก จะอยู่ขนานกับขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น. จนถึงก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น หมายความว่าจะมีเวลาให้เราเก็บภาพทางช้างเผือกประมาณไม่เกิน 3  ชั่วโมง ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น ถือเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาลออกล่าทางช้างเผือกยามเช้า และนอกจากใจกลางทางช้างเผือกที่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีดาวเคราะห์ให้ชมอีก 2 ดวง ได้แก่ ดาวอังคาร และดาวศุกร์ ปรากฏในช่วงรุ่งเช้าทางทิศตะวันออกอีกด้วย


ช่วงปลายเมษายน แนวใจกลางทางช้างเผือกจะค่อยๆ เปลี่ยนทิศทางเป็นแนวพาดบริเวณกลางฟ้า ช่วงนี้จะสังเกตเห็นได้ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป สามารถชื่นชมความสวยงามและบันทึกภาพทางช้างเผือกได้ยาวนานขึ้น


ช่วงเวลาที่ทางช้างเผือกปรากฏบนท้องฟ้าสวยงามที่สุดคือ ปลายเมษายน - ต้นตุลาคม จะสังเกตเห็นใจกลางทางช้างเผือกบริเวณกลุ่มดาวแมงป่อง และคนยิงธนูได้ง่าย ทางช้างเผือกบริเวณนี้จะสว่างและสวยงามกว่าบริเวณอื่นๆ และอยู่ในตำแหน่งกลางท้องฟ้าเกือบตลอดทั้งคืน แต่เนื่องด้วยประเทศไทยเป็นช่วงฤดูฝน จึงมักมีอุปสรรคเรื่องเมฆและฝนตก  หากท้องฟ้าเปิดไม่มีเมฆฝนก็จะถือเป็นโอกาสดีที่สุดของการถ่ายภาพทางช้างเผือกในรอบปี 


หลังจากนั้นในช่วงตุลาคม - พฤศจิกายน เป็นช่วงต้นฤดูหนาว อุปสรรคเรื่องเมฆฝนจะเริ่มน้อยลง ทางช้างเผือกจะปรากฏและสังเกตเห็นได้ในช่วงหัวค่ำ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้


ปกติแล้วเราสามารถสังเกตเห็นทางช้างเผือกได้เกือบตลอดทั้งปี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ คือ สภาพท้องฟ้า หากท้องฟ้าปลอดโปร่ง มีทัศนวิสัยของท้องฟ้าดี ไม่มีแสงรบกวนทั้งแสงจากดวงจันทร์ แสงไฟจากเมือง ก็จะสังเกตเห็นทางช้างเผือกได้อย่างชัดเจน แต่คนในเมืองส่วนใหญ่มักไม่มีโอกาสได้ชมทางช้างเผือก เนื่องจากตัวเมืองมีแสงไฟ ฝุ่นละอองและควัน เป็นจำนวนมาก ทัศนวิสัยของฟ้าในเขตเมืองจึงไม่เอื้อต่อการสังเกตเห็นทางช้างเผือก หากต้องการสัมผัสทางช้างเผือกอาจจะต้องเดินทางต้องไปยังสถานที่ที่ห่างจากตัวเมืองอย่างน้อยประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่อหลีกหนีจากมลภาวะทางแสงและฝุ่นละอองต่าง ๆ


ทั้งนี้ทางช้างเผือก เป็นวัตถุท้องฟ้าขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อมองจากโลก มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นแถบสว่างพาดเป็นแนวยาวกลางฟ้า ตั้งแต่ทิศเหนือจรดทิศใต้  บริเวณที่สวยงามที่สุด คือ บริเวณใจกลางทางช้างเผือก (Galactic Center) เป็นส่วนที่สว่างที่สุดของทางช้างเผือก จะมีลักษณะเป็นแนวฝุ่นหนาทึบ เห็นได้อย่างชัดเจน ประกอบด้วยวัตถุท้องฟ้ามากมาย อาทิ ดาวฤกษ์ กระจุกดาว เนบิวลา เป็นต้น 


แนวใจกลางทางช้างเผือกอยู่ระหว่างกลุ่มดาวแมงป่องและกลุ่มดาวคนยิงธนู ปรากฏบนท้องฟ้าในตำแหน่งที่เฉียงไปทางใต้ และเนื่องจากใจกลางทางช้างเผือกอยู่ในบริเวณกลุ่มดาวทางซีกฟ้าใต้ ทางตอนใต้ของไทยจึงมองเห็นแนวใจกลางทางช้างเผือกอยู่สูงจากขอบฟ้ามากกว่าภูมิภาคอื่น ชาวใต้จึงมีโอกาสสังเกตเห็นทางช้างเผือกได้ชัดเจนมาก


ข้อมูลจาก: สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

ภาพจากAFP 


ที่มาข้อมูล : -

ที่มารูปภาพ :

avatar

TNNThailand

แท็กบทความ

ปฏิทินล่าทางช้างเผือก
ปฏิทินทางช้างเผือก
ดูดาว
ดาราศาสตร์
วัตถุท้องฟ้า
ดาวฤกษ์
เนบิวลา