ปีนี้ ฝนตกหนัก-น้ำมาก ไทยอากาศหนาวนาน แต่ค่าฝุ่น PM2.5 จะรุนแรงขึ้น

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sonthi Kotchawat ระบุ  "ฝนตกมาก น้ำมาก อากาศจะหนาวนาน และ ฝุ่นPM2.5 จะรุนแรงมากขึ้น"

โดยฤดูหนาวจะเริ่มต้นประมาณกลางเดือนตุลาคมของปีนี้ หากอุณหภูมิต่ำกว่า 23 องศาเซลเซียสถือว่าเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ขณะนี้มวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นได้เริ่มพัดแผ่ลงมาจากปร เทศจีนลงมาสู่ประเทศไทยทางภาคเหนือตอนบน , ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเริ่มลงมาสู่ภาคกลางแล้ว ความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจะมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศร้อนจึงกดทับลงมาและปกคลุมใกล้พื้นดินทำให้มีอากาศเย็นลง ขณะที่ปีนี้ฝนตกมาก มีน้ำมากจึงทำให้ในอากาศมีความชื้นมากด้วย หรือมีความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูง แต่มวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นโดยทั่วไปจะอุ้มไอน้ำได้น้อยกว่ามวลความกดอากาศต่ำหรืออากาศร้อน ดังนั้นเมื่อความชื้นในอากาศได้รับอากาศเย็นจึงถูกกลั่นตัวกลายเป็นไอหมอก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดในตอนเช้า ทำให้ช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งความชื้นและหมอกจะทำให้ประเทศไทยมีอากาศเย็นขึ้นมากกว่าปีก่อน

ทั้งนี้มวลอากาศเย็นหรือมวลความกดอากาศสูงซึ่งมีความหนาแน่นมากกว่าอากาศร้อนและหมอกจะกดลงมาใกล้พื้นดินทำให้การระบายอากาศต่าง ๆ บนพื้นโลกในแนวดิ่งเกิดขึ้นไม่ดี หากลมซึ่งพัดในแนวราบไม่แรงมากนัก จะทำให้มลพิษต่างๆระบายออกสู่บรรยากาศได้น้อยลงและจะปกคลุมพื้นดินส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนมากขึ้น

ดังนั้นปีนี้ ฝนตกมาก น้ำมาก อาจหนาวนานขึ้น ความชื้นในอากาศและความกดอากาศสูงจะทำให้ฝุน PM2.5 ฟุ้งกระจายในแนวดิ่งได้น้อยลง จึงเป็นไปได้ที่ค่าฝุ่น PM 2.5 อาจมีค่าสูงเกินค่ามาตรฐานเป็นเวลานานขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนมากขึ้นทั้งในเขตเมืองและเขตชนบท

สำหรับแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ที่สำคัญในเขตเมืองคือรถเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งปล่อยควันดำและฝุ่นขนาดเล็กจำนวนมาก ยิ่งเก่าขาดการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ที่ดี หรือวิ่งในช่วงที่มีการจราจรติดขัด ยิ่งปล่อยฝุ่น PM 2.5 มากขึ้น โดยมีข้อมูลในปี 2566 มีรถเครื่องยนต์ดีเซลจดทะเบียนถึง1 2.625 ล้านคัน (ข้อมูล 30กย.66) ส่วนในเขตชนบทและภูมิภาค แหล่งกำเนิดมาจากการเผาตอซังฟางข้าวช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เป็นต้นไป  นอกจากนี้ยังอาจเกิดไฟไหม้ป่าไม้ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงหน้าแล้งด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตดอยต่าง ๆ ในภาคเหนือ

ข้อมูลและภาพ : เฟซบุ๊ก ดร.สนธิ คชวัฒน์ , FB : Sonthi Kotchawat