
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้า ในประเทศไทย เตรียมนำผลการศึกษา 3 แนวทางหลักให้รัฐบาลพิจารณาเลือกแนวทางที่เหมาะสม เครือข่ายภาคประชาชน และเครือข่ายครอบครัว จึงขอร่วมเสนอความคิดเห็น และเสียงสะท้อนจากกลุ่มต่างๆ และการสำรวจล่าสุดในกลุ่มครอบครัวไทย พบว่าร้อยละ 96 มีความกังวลว่าบุตรหลานจะได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า หนุนรัฐปราบปรามให้สิ้นซาก ป้องกันการสูญเสียงบประมาณ ในการรักษาพยาบาลและการเสียเวลาของบุคลากรการแพทย์

ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศ ไทย เตรียมนำผลการศึกษา 3 แนวทางหลักคือ 1) การคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ (Total Ban)
2) การอนุญาตเฉพาะผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) และ 3) การทำให้ บุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบถูกกฎหมาย (Full Legalization) เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรประมาณเดือน มีนาคมนี้ ทั้งนี้เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายสุขภาพ และเครือข่ายครอบครัว ได้มีการศึกษาข้อมูล ความคิดเห็นมาอย่างต่อเนื่อง ได้ผลสำรวจตรงกันว่าต้องการให้รัฐบาลคงมาตรการห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย บุหรี่ไฟฟ้า และ เร่งปราบปราบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายทั้งหน้าร้าน และออนไลน์ ดังนั้นจึงอยากให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง เพื่อนำไป ประกอบการพิจารณา

สรุปข่าว
คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้า ในประเทศไทย เตรียมนำผลการศึกษา 3 แนวทางหลักให้รัฐบาลพิจารณาเลือกแนวทางที่เหมาะสม เครือข่ายภาคประชาชน และเครือข่ายครอบครัว จึงขอร่วมเสนอความคิดเห็น และเสียงสะท้อนจากกลุ่มต่างๆ และการสำรวจล่าสุดในกลุ่มครอบครัวไทย พบว่าร้อยละ 96 มีความกังวลว่าบุตรหลานจะได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า หนุนรัฐปราบปรามให้สิ้นซาก ป้องกันการสูญเสียงบประมาณ ในการรักษาพยาบาลและการเสียเวลาของบุคลากรการแพทย์

ผศ.ดร.ลักขณา เติมศิริกุลชัย ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาศักยภาพกำลังคนด้านการควบคุมยาสูบ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษากฎหมายและมาตรการควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศ ไทย เตรียมนำผลการศึกษา 3 แนวทางหลักคือ 1) การคงการแบนบุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบ (Total Ban)
2) การอนุญาตเฉพาะผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน (Heated Tobacco Products) และ 3) การทำให้ บุหรี่ไฟฟ้าทุกรูปแบบถูกกฎหมาย (Full Legalization) เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรประมาณเดือน มีนาคมนี้ ทั้งนี้เครือข่ายภาคประชาชน เครือข่ายสุขภาพ และเครือข่ายครอบครัว ได้มีการศึกษาข้อมูล ความคิดเห็นมาอย่างต่อเนื่อง ได้ผลสำรวจตรงกันว่าต้องการให้รัฐบาลคงมาตรการห้ามนำเข้า ห้ามจำหน่าย บุหรี่ไฟฟ้า และ เร่งปราบปราบบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายทั้งหน้าร้าน และออนไลน์ ดังนั้นจึงอยากให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง เพื่อนำไป ประกอบการพิจารณา

นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ประธานเครือข่ายครอบครัวปลอดบุหรี่ระบุว่าได้ร่วมกับสมาคมเครือข่าย พัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ สำรวจความเห็น “ครอบครัวไทยคิดอย่างไรต่อบุหรี่ไฟฟ้า” ระหว่างวันที่ 4 – 11 มกราคม 2568 ผ่านทางอินเตอร์เน็ต มีผู้ตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 3,428 คนคิดเป็นร้อยละ 79 เป็นเพศหญิงร้อยละ 80 อยู่ในวัยทำงาน อายุ 31-60 ปี ร้อยละ 10 ที่เหลือเป็นผู้สูงอายุและเด็ก กระจายตัวทุกภูมิภาคทั่วประเทศใกล้เคียงกัน

ความคิดเห็นครอบครัวไทย “คิดอย่างไรกับบุหรี่ไฟฟ้า” ผลการสำรวจพบว่าครอบครัวส่วนใหญ่ร้อยละ 79 มีความกังวลมากต่อการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ในเด็กและเยาวชนไทย รองลงมาร้อยละ 17 มีความกังวลระดับปานกลาง และมีเพียงร้อยละ 4 ที่ตอบว่ากังวลน้อย นั้นคือร้อยละ 96 ของครอบครัวมีความกังวลว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะแพร่ระบาดมาถึงลูกหลานตน และร้อยละ 33 คิดว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะเจาะเข้าถึงบุตรหลานของตนอย่างแน่นอน ร้อยละ 40 คิดว่ามี
โอกาสครึ่งต่อครึ่ง ขณะที่ ร้อยละ 19 คิดว่ามีโอกาสไม่เกินร้อยละ 10 ที่บุหรี่ไฟฟ้าจะเข้าถึงบุตรหลานของตน
เมื่อถามว่าวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้เด็กเยาวชนปลอดภัยจากบุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร? ครอบครัวส่วนใหญ่ ร้อยละ 74 เห็นว่า ต้องปราบปรามกระบวนการขายให้สิ้นซาก ร้อยละ 22 คิดว่าต้องฉีดวัคซีนความรู้ให้แก่เด็ก เยาวชนให้ทั่วถึง มีครอบครัวเพียงร้อยละ 4 ที่เสนอว่าให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ฉะนั้น โดยรวมแล้ว ร้อยละ 96 ของครอบครัวไม่ต้องการให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย และ “ขอให้รัฐบาลขจัดให้สิ้นซาก”
นางฐาณิชชา ยังระบุว่า เมื่อถามว่าครอบครัวอยากส่งเสียงถึงรัฐบาลอย่างไร ผลการประมวลข้อมูล ออกมาว่า ครอบครัวไทยเป็นห่วงและกังวลอย่างมาก และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะก่อให้เกิดโทษต่อเยาวชน และมีผลกระทบทางสังคมอย่างมาก บุคลากรทางการแพทย์ต้องเสียเวลา และงบประมาณในการรักษาผู้ป่วยจากบุหรี่ไฟฟ้า การทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายจะเป็นการทำลายลูกหลาน และเท่ากับรัฐบาลกำลัง
มอมเมาประชาชน และเยาวชน ทำลายอนาคตของชาติ
ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจิราภรณ์ อรุณากูร หัวหน้าสาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอก เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ระบุว่า การทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จะทำให้เกิด ปัญหาการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าที่มากขึ้นของเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายหรือมาตรการ ของรัฐที่ไม่ได้ตั้งใจป้องกัน ช่วยเหลือ แก้ไขหรือเยียวยาเด็กและเยาวชนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ข้อมูลจาก ผลสำรวจความ
คิดเห็น เป็นข้อเท็จจริงที่ครอบครัวมีความกังวลเป็นอย่างมาก และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะ ทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย เพราะขนาดไม่ถูกกฎหมาย กฎหมายยังไม่สามารถบังคับใช้ได้อย่างจริงจัง
“หากรัฐบาลจริงใจในการแก้ไขปัญหาสิ่งเสพติด โดยเฉพาะบุหรี่ไฟฟ้าสำหรับเยาวชน การพิจารณา อย่างถี่ถ้วนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเยาวชนในการผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นหน้าที่ของผู้แทนประชาชน ที่จะแสดงความจริงใจในการปกป้องสิ่งที่มีคุณค่าและมีมูลค่าที่สุดในการพัฒนาประเทศ นั่นคือเยาวชนของเรา”
นางสาวณัฐนพิน บุญจริง หนึ่งในผู้ปกครองที่มีลูกใช้บุหรี่ไฟฟ้า ระบุว่า วัยรุ่นมีความคิดเป็นของตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเอง แต่วุฒิภาวะ และการตัดสินใจยังมีน้อย ไม่คิดถึงผลกระทบที่จะตามมา ตอนนี้สุขภาพของลูก ไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน ภูมิคุ้มกันลดลง ป่วยง่าย แทนที่เมื่อลูกเติบโต จะแข็งแรง กลับตรงกันข้าม บางครั้ง หยิบยืมเงินแม่ เนื่องจากเงินไม่พอใช้ สิ่งที่แม่พยายามทำเพื่อช่วยลูก คือการพยายามทำความเข้าใจ สื่อสาร บอกถึงอันตรายที่ มีต่อสุขภาพ แสดงความเป็นห่วง แม่รู้ ว่าคนสูบบุหรี่ไม่ได้เป็นคนชั่วร้าย
- เครือข่ายเยาวชนยื่น 4 ข้อเสนอถึงนายกฯ หนุนสู้บุหรี่ไฟฟ้าต่อเนื่อง
- บุหรี่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากกว่า 8 ล้านคนต่อปี ขณะที่ภาคใต้ไทยยังครองแชมป์สิงห์อมควันมากสุด
- "กรมศุลกากร"ปราบปราม"สินค้าผิดกฎหมาย" มูลค่ากว่า 12.56 ล้านบาท
- สธ.จัดกิจกรรมวันงดสูบบุหรี่โลก ชูประเด็น “นิโคตินเสพติด จน ตาย”
- เปิดเทอม ปิดบุหรี่ไฟฟ้า หนุนรัฐเร่งปกป้องเยาวชน
- “บุหรี่ไฟฟ้า Gen6” ลวงตา–ล้ำรูปแบบ เส้นทางลักลอบจากชายแดนถึงมือเยาวชน
- เตือนภัย “พอดจมูก” บุหรี่ไฟฟ้า Gen6 สูบจมูก เสี่ยงติดนิโคติน
TNNThailand