การบินไทย แจ้งผู้โดยสารห้ามใช้ หรือ ชาร์จ "พาวเวอร์แบงค์" บนเครื่อง เริ่ม 15 มี.ค.นี้

เพจเฟซบุ๊ก “Thai Airways" ของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โพสต์แจ้งผู้โดยสารงดใช้ชาร์จพาวเวอร์แบงค์ ตลอดการเดินทาง

โดยระบุว่า เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของผู้โดยสาร ขอแจ้งให้ทราบว่าผู้โดยสารไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ หรือ ชาร์จพาวเวอร์แบงค์ (แบตเตอรี่สำรอง) ตลอดระยะเวลาการเดินทาง

การบินไทย แจ้งผู้โดยสารห้ามใช้ หรือ ชาร์จ "พาวเวอร์แบงค์" บนเครื่อง เริ่ม 15 มี.ค.นี้

สรุปข่าว

การบินไทย ประกาศแจ้งผู้โดยสารงดใช้ "ชาร์จพาวเวอร์แบงค์ Power Bank" ตลอดการเดินทาง เริ่ม 15 มี.ค. นี้ เช็กหลักเกณฑ์การนำแบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ขึ้นเครื่องบิน ได้ที่นี่

ทั้งนี้ กฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป ขอขอบพระคุณในความร่วมมือของท่าน

หลักเกณฑ์การนำแบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ขึ้นเครื่องบิน

แบตเตอรี่สำรองหรือ Power Bank ไม่สามารถนำไปในรูปแบบสัมภาระลงทะเบียน (Checked Baggage) เพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้ เนื่องจากในระหว่างการเดินทาง แบตเตอรี่สำรอง ซึ่งมีส่วนประกอบจากลิเธียม (Lithium) อาจเกิดความร้อนสะสมจนก่อให้เกิดเพลิงไหม้หรือระเบิดได้ ซึ่งหากเกิดเพลิงลุกไหม้ในพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ท้องเครื่องบิน จะทำให้ยากต่อการควบคุมเหตุการณ์ ทั้งนี้ หากพกพาแบตเตอรี่สำรองขึ้นในห้องโดยสาร เมื่อเกิดเพลิงไหม้แบตเตอรี่สำรอง ลูกเรือที่ได้รับการฝึกฝนตามมาตรฐานที่กำหนด จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

ผู้โดยสารจะต้องนำแบตเตอรี่สำรองไปในรูปแบบสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่อง (Carry On Baggage) โดยองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (International Air Transport Association: IATA) ได้กำหนดขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองที่นำติดตัวขึ้นเครื่องได้ คือ

- หากแบตเตอรี่สำรองมีขนาดความจุ ไม่เกิน 100 Wh (Watt-Hour) หรือ 20,000 mAh (milli ampere-hour) ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 20 ชิ้น
- หากขนาดความจุเกิน 100 Wh (Watt-Hour) หรือ 20,000 mAh แต่ไม่เกิน 160 Wh (Watt-Hour) หรือ 32,000 ผู้โดยสารสามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น
- แต่ถ้าขนาดความจุเกิน 160 Wh (Watt-Hour) หรือ 32,000 mAh จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ในทุกกรณี

ปัจจุบันมีเหตุการณ์แบตเตอรี่สำรองลุกไหม้บนห้องโดยสาร เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้สายการบินบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออกกฎระเบียบเพิ่มเติม เช่น การห้ามชาร์จแบตเตอรี่บนเครื่องบิน และไม่ให้เก็บแบตเตอรี่สำรองบนพื้นที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ

อย่างไรก็ตาม CAAT และสายการบินของไทย ยังใช้หลักเกณฑ์ตามมาตรฐานและคำแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ(ICAO) ทั้งนี้ CAAT แนะนำให้ผู้โดยสารตรวจสอบขนาดความจุของแบตเตอรี่สำรองและสภาพของแบตเตอรี่สำรองให้เป็นไปตามมาตรฐานก่อนการเดินทาง เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยทุกเที่ยวบิน

ที่มาข้อมูล : Thai Airways/สำนักงานการบินพลเรือนฯ

ที่มารูปภาพ : Getty Images