

สรุปข่าว
วันนี้( 27 ต.ค.62) หลังจากสภากาชาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข ประกาศเชิญชวนให้คนไทยร่วมบริจาคโลหิต โดยแจ้งว่าช่วงนี้ โลหิตสำรองคงคลังมีไม่เพียงพอจ่ายให้โรงพยาบาลทำให้ผู้ป่วยหลายรายต้องเลื่อนการผ่าตัด ปรากฎว่า มีประชาชนจำนวนมากพากันไปบริจาคโลหิตกันอย่างต่อเนื่อง
โดยสถานการณ์ความต้องการเลือดตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. จนถึงปัจจุบันพบว่า ปริมาณเลือดสำรองในคลังของศูนย์บริการโลหิตมีแนวโน้มลดลงเนื่องจากมีผู้บริจาคโลหิตลดน้อยลง จากปกติซึ่งจะต้องได้รับโลหิตบริจาคตามเป้าหมาย
คือ 2,000-2,500ยูนิตต่อวัน แต่ได้รับโลหิตบริจาคเฉลี่ย1,500-1,700 ยูนิตต่อวัน ทำให้เกิดการขาดแคลนสะสม จนถึงขณะนี้เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆทำให้ต้องเลื่อนการผ่าตัดผู้ป่วยบางรายออกไปก่อน
ขณะที่นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รณรงค์ขอประชาชนบริจาคโลหิตอย่างสม่ำเสมอทุก 3 เดือน หรือปีละ 4 ครั้ง เพื่อให้มีปริมาณโลหิตสำรองคงคลังอย่างน้อย 3,000 ยูนิตต่อวัน เพียงพอนำไปใช้รักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ โดยเฉพาะกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินและวิกฤต หรือสถานการณ์ต่างๆ อาทิ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ เทศกาลต่างๆ ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งจะมีความต้องการใช้โลหิตเพิ่มมากขึ้น
โดยการบริจาคโลหิต 1 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 20 กว่านาที ได้เลือด 1 ถุง ประมาณ 350-450 มิลลิลิตร หรือ ซีซี ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้บริจาค สามารถนำไปช่วยผู้ป่วยที่ต้องการเลือดได้ถึง 3 ชีวิต
ผู้ที่สามารถบริจาคโลหิตได้จะต้องมีอายุระหว่าง 17 - 70 ปีบริบูรณ์ (ผู้ที่มีอายุ 17 ปีต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง) น้ำหนักตัว 45 กิโลกรัมขึ้นไป และมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก่อนวันบริจาคโลหิต และไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นอันตราย เพราะเป็นการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายยังไม่จำเป็นต้องใช้ เมื่อบริจาคโลหิตออกไปไขกระดูกจะสร้างเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทนให้มีปริมาณโลหิตในร่างกายเท่าเดิม แต่หากไม่บริจาคเมื่อเม็ดโลหิตอายุประมาณ 3 เดือนก็จะหมดอายุและสลายตัว ขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ
Cr.pic : ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
เกาะติดข่าวที่นี่
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -