
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุมตัว นางสาวเบ็ญจมาศฯ อายุ 23 ปี สัญชาติไทย ผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนกว่า 22.4 ล้านบาท
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกเหยื่อผ่าน เฟซบุ๊กปลอม โดยแอบอ้างชักชวนให้ลงทุนผ่านแอปปลอมชื่อ “Tidex” ซึ่งเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีม้าหลายบัญชี หนึ่งในนั้นคือบัญชีที่ผู้ต้องหาเป็นเจ้าของ
หลังร่วมขบวนการ ผู้ต้องหาเคยถูกล่อลวงให้ข้ามไปทำงานฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และอ้างว่าถูกบังคับ แต่จากข้อมูลการสืบสวนพบว่าภายหลังยังสมัครใจกลับไปทำงานกับหลายแก๊งอีกหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุด หลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ตามรอยจับกุมได้ที่ จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีในข้อหา ร้ายแรงหลายกระทง ได้แก่ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ สมคบและร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
ตามกฎหมาย ความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชี หรือให้ผู้อื่นใช้บัญชี อาจถูกดำเนินคดีเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงฝากเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อคำชวนเปิดบัญชี หรือโฆษณาลงทุนผ่านโซเชียลที่ดูดีเกินจริง เพราะนอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังอาจต้องติดคุกโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป โดยขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหากพบข้อมูลต้องสงสัย
สรุปข่าว
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมทีมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุมตัว นางสาวเบ็ญจมาศฯ อายุ 23 ปี สัญชาติไทย ผู้ต้องหาเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สร้างความเสียหายต่อประชาชนกว่า 22.4 ล้านบาท
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกเหยื่อผ่าน เฟซบุ๊กปลอม โดยแอบอ้างชักชวนให้ลงทุนผ่านแอปปลอมชื่อ “Tidex” ซึ่งเหยื่อหลงเชื่อและโอนเงินเข้าบัญชีม้าหลายบัญชี หนึ่งในนั้นคือบัญชีที่ผู้ต้องหาเป็นเจ้าของ
หลังร่วมขบวนการ ผู้ต้องหาเคยถูกล่อลวงให้ข้ามไปทำงานฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และอ้างว่าถูกบังคับ แต่จากข้อมูลการสืบสวนพบว่าภายหลังยังสมัครใจกลับไปทำงานกับหลายแก๊งอีกหลายครั้ง จนกระทั่งล่าสุด หลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย โดยเจ้าหน้าที่ตามรอยจับกุมได้ที่ จังหวัดนครราชสีมา
ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีในข้อหา ร้ายแรงหลายกระทง ได้แก่ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ สมคบและร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
ตามกฎหมาย ความผิดฐานฟอกเงิน มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชี หรือให้ผู้อื่นใช้บัญชี อาจถูกดำเนินคดีเช่นกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงฝากเตือนประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อคำชวนเปิดบัญชี หรือโฆษณาลงทุนผ่านโซเชียลที่ดูดีเกินจริง เพราะนอกจากจะเสียเงินแล้ว ยังอาจต้องติดคุกโดยไม่รู้ตัว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเร่งขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการรายอื่นต่อไป โดยขอให้ประชาชนแจ้งเบาะแสผ่านช่องทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติหากพบข้อมูลต้องสงสัย
- เขมรนิยมไทย แต่ทำไมชอบเคลมวัฒนธรรม รู้จัก พระแก้ว-พระโค นิทานชาตินิยมกัมพูชา
- กัมพูชาแทรกแซงไทยหรือไม่ ? กรณี “ฮุน เซน” ปล่อยข้อมูลลับ บั่นทอนเสถียรภาพไทย
- กระทรวงการต่างประเทศชี้ การแสดงความคิดเห็นของผู้นำกัมพูชา แทรกแซงกิจการภายในของไทย
- นายกฯ สั่งด่วน ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทะลักชายแดน ผ่อนปรนแรงงานกัมพูชาอยู่ไทย
- กองกำลังบูรพาเตือน ข่าวผ่อนผันคนไทยกลับกัมพูชาไม่จริง
- "ฮุน มาเนต" เผยได้รับหนังสือประสานขอเปิดด่านจากไทย ยืนยันพร้อมเปิดด่าน หากไทยกลับไปเปิดทุกด่านเหมือนก่อน 7 มิ.ย. 68
- "งานสายดำ" ถึง "กระโดดตึกหนี" เปิดใจเหยื่อค้ามนุษย์ ถูกหลอกเป็นคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา
ที่มาข้อมูล : กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
ที่มารูปภาพ : กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
