นายกฯ สั่งด่วน ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทะลักชายแดน ผ่อนปรนแรงงานกัมพูชาอยู่ไทย

นายกฯ สั่งด่วน ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทะลักชายแดน  ผ่อนปรนแรงงานกัมพูชาอยู่ไทย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทุกหน่วยเร่งแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร บริเวณชายแดน ทำให้ราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยตกต่ำลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมสั่งผ่อนปรนแรงงานกัมพูชาในไทยทำงานในไทย


 ในส่วนมาตรการป้องกัน และปราบปรามการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้


1.1. สั่งการให้กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง สั่งการกำชับด่านศุลกากรทุกแห่งทั่วประเทศให้ยกระดับมาตรฐานการควบคุม และดำเนินการป้องกัน และปราบปรามการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการเชิงรุก รวมถึงกำชับเจ้าหน้าที่ทุกท่านให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดให้เป็นไปตามกฎหมาย ให้ลาดตระเวนในเขตพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการปราบปรามโดยเฉพาะสถานที่ ที่อาจจะเป็นที่จัดเก็บสินค้าเกษตรเถื่อนหรือโกดังต่าง ๆ ที่มีการนำเข้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน


1.2. สั่งการให้กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม จัดตั้งกลไกในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การนำเข้า การส่งออก และการนำผ่านแดน เพื่อแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานราชการอื่น ๆ รวมทั้งสมาคมการเกษตร หรือกลุ่มผู้ผลิตและส่งออก พืชเกษตรต่าง ๆ เพื่อให้สามารถจัดการการป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


1.3. สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ ประสานความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ในการกำหนดโควตาในการนำเข้าสินค้าเกษตร เพื่อป้องกันราคาสินค้าเกษตรในประเทศให้สัมฤทธิผล


1.4. สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งพัฒนาวิจัยพันธุ์พืช หรือสินค้าทางการเกษตรให้มีคุณภาพปราศจากโรค หรือทำแผนในการจัดหาต้นกล้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ

สรุปข่าว

นายกฯ สั่งด่วน ปราบสินค้าเกษตรเถื่อนทะลักชายแดน ผ่อนปรนแรงงานกัมพูชาอยู่ไทย

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ทุกหน่วยเร่งแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตร บริเวณชายแดน ทำให้ราคาสินค้าพืชผลทางการเกษตรในประเทศไทยตกต่ำลง เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาสินค้าเกษตรภายในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม พร้อมสั่งผ่อนปรนแรงงานกัมพูชาในไทยทำงานในไทย


 ในส่วนมาตรการป้องกัน และปราบปรามการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้


1.1. สั่งการให้กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง สั่งการกำชับด่านศุลกากรทุกแห่งทั่วประเทศให้ยกระดับมาตรฐานการควบคุม และดำเนินการป้องกัน และปราบปรามการนำเข้าสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการเชิงรุก รวมถึงกำชับเจ้าหน้าที่ทุกท่านให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดให้เป็นไปตามกฎหมาย ให้ลาดตระเวนในเขตพื้นที่รับผิดชอบดำเนินการปราบปรามโดยเฉพาะสถานที่ ที่อาจจะเป็นที่จัดเก็บสินค้าเกษตรเถื่อนหรือโกดังต่าง ๆ ที่มีการนำเข้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน


1.2. สั่งการให้กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม จัดตั้งกลไกในการแลกเปลี่ยนข้อมูล การนำเข้า การส่งออก และการนำผ่านแดน เพื่อแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด ระหว่างกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ หน่วยงานราชการอื่น ๆ รวมทั้งสมาคมการเกษตร หรือกลุ่มผู้ผลิตและส่งออก พืชเกษตรต่าง ๆ เพื่อให้สามารถจัดการการป้องกันและปราบปรามสินค้าเกษตรที่ผิดกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


1.3. สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ ประสานความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าว รวมทั้งดำเนินการร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ในการกำหนดโควตาในการนำเข้าสินค้าเกษตร เพื่อป้องกันราคาสินค้าเกษตรในประเทศให้สัมฤทธิผล


1.4. สั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งพัฒนาวิจัยพันธุ์พืช หรือสินค้าทางการเกษตรให้มีคุณภาพปราศจากโรค หรือทำแผนในการจัดหาต้นกล้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ

สำหรับมาตรการผ่อนผันแรงงานชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงสถานการณ์พิเศษ เพื่อรักษาเสถียรภาพด้านแรงงานในพื้นที่ชายแดน มิให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจระดับฐานราก ความมั่นคงของรัฐ และหลักมนุษยธรรม อันเนื่องมาจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินข้างเข้า-ออกของแรงงานสัญชาติกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในลักษณะไป-กลับ หรือเป็นการจ้างงานตามฤดูกาล ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้


2.1. สั่งการให้กระทรวงแรงงาน เร่งรัดการจัดประชุมคณะกรรมการบริหารการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว เพื่อพิจารณาแนวทาง และมาตรการผ่อนผันการทำงานของแรงงานสัญชาติกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน ภายใต้อำนาจตามมาตรา 64 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ เพื่อให้สามารถดำเนินมาตรการได้ โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ


2.2. สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย อาศัยอำนาจตามมาตรา 17 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ เร่งรัดการยกร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เพื่อรองรับการดำเนินมาตรการผ่อนผันดังกล่าว โดยพิจารณาถึงความเหมาะสม พร้อมทั้งให้มีความสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรม และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยขอให้ทั้งสองหน่วยงานเร่งดำเนินการดังกล่าวเพื่อนำกลับมาเสนอต่อครม. โดยเร็ว

ที่มาข้อมูล : รัฐบาลไทย

ที่มารูปภาพ : รัฐบาลไทย