กลยุทธ์อยู่รอดในตลาดแข่งขันสูง บทเรียนจากเอิร์ธ ประเทศไทย

กลยุทธ์อยู่รอดในตลาดแข่งขันสูง บทเรียนจากเอิร์ธ ประเทศไทย

กลยุทธ์อยู่รอดในตลาดแข่งขันสูง บทเรียนจากผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์แมลงและอากาศ

ในแวดวงผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคของไทยที่เต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่จากทั้งในและต่างประเทศ การจะครองพื้นที่ตลาดได้อย่างยั่งยืนตลอดหลายทศวรรษถือเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่ “บริษัท เอิร์ธ (ประเทศไทย) จำกัด” กลับทำได้อย่างมั่นคงและมีพัฒนาการที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านกรอบของกลยุทธ์องค์กรที่เรียกว่า “Challenge & Change”

การยืนระยะอย่างมั่นคงตลอด 45 ปีของบริษัทนี้ ไม่ได้เป็นผลจากการทำตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการวางกลยุทธ์ที่ผสานการเข้าใจผู้บริโภคในประเทศกับการพัฒนาองค์กรให้พร้อมลุยในเวทีระดับภูมิภาคและโลก

จาก “ARS” ถึง “Mondahmin” การเติบโตที่ไม่หยุดนิ่ง

บริษัทเอิร์ธฯ เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงที่ชื่อ “ARS” ซึ่งฝังรากอยู่ในครัวเรือนไทยมานาน แต่ในวันนี้ พอร์ตโฟลิโอของบริษัทขยายตัวครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศ “OASIS”, “เดลี่เฟรช”, น้ำยาบ้วนปาก “Mondahmin” ไปจนถึงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง “จอยเพ็ท”

แม้จะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ แต่ด้วยการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เอิร์ธสามารถแทรกตัวเข้าสู่ตลาดที่มีการแข่งขันสูง เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ที่แบรนด์ญี่ปุ่นรายนี้สามารถขึ้นเป็นอันดับ 3 ได้ ทั้งที่ตลาดนี้มีผู้เล่นระดับโลกครองพื้นที่อยู่ก่อน

สรุปข่าว

เอิร์ธ ประเทศไทย อยู่รอดและเติบโตในตลาดแข่งขันสูงด้วยกลยุทธ์ Challenge & Change ที่เน้นปรับตัวเร็ว เข้าใจผู้บริโภค และสร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบยืดหยุ่น พร้อมขยายสู่ตลาดภูมิภาคอย่างมีทิศทาง

กลยุทธ์อยู่รอดในตลาดแข่งขันสูง บทเรียนจากผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์แมลงและอากาศ

ในแวดวงผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคของไทยที่เต็มไปด้วยผู้เล่นรายใหญ่จากทั้งในและต่างประเทศ การจะครองพื้นที่ตลาดได้อย่างยั่งยืนตลอดหลายทศวรรษถือเป็นเรื่องไม่ง่าย แต่ “บริษัท เอิร์ธ (ประเทศไทย) จำกัด” กลับทำได้อย่างมั่นคงและมีพัฒนาการที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านกรอบของกลยุทธ์องค์กรที่เรียกว่า “Challenge & Change”

การยืนระยะอย่างมั่นคงตลอด 45 ปีของบริษัทนี้ ไม่ได้เป็นผลจากการทำตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการวางกลยุทธ์ที่ผสานการเข้าใจผู้บริโภคในประเทศกับการพัฒนาองค์กรให้พร้อมลุยในเวทีระดับภูมิภาคและโลก

จาก “ARS” ถึง “Mondahmin” การเติบโตที่ไม่หยุดนิ่ง

บริษัทเอิร์ธฯ เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงที่ชื่อ “ARS” ซึ่งฝังรากอยู่ในครัวเรือนไทยมานาน แต่ในวันนี้ พอร์ตโฟลิโอของบริษัทขยายตัวครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ปรับอากาศ “OASIS”, “เดลี่เฟรช”, น้ำยาบ้วนปาก “Mondahmin” ไปจนถึงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง “จอยเพ็ท”

แม้จะเริ่มจากจุดเล็ก ๆ แต่ด้วยการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เอิร์ธสามารถแทรกตัวเข้าสู่ตลาดที่มีการแข่งขันสูง เช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ที่แบรนด์ญี่ปุ่นรายนี้สามารถขึ้นเป็นอันดับ 3 ได้ ทั้งที่ตลาดนี้มีผู้เล่นระดับโลกครองพื้นที่อยู่ก่อน

“Challenge & Change” เมื่อวัฒนธรรมองค์กรเป็นเครื่องมือแข่งขัน

กลยุทธ์หลักของเอิร์ธในระยะหลัง คือการใช้แนวคิด “Challenge & Change” ซึ่งหมายถึงการกล้าตั้งเป้าที่ท้าทายและพร้อมเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานอยู่เสมอ ไม่ยึดติดกับความสำเร็จเดิม ๆ

ในกรณีของประเทศไทย เอิร์ธต้องแข่งขันกับบริษัทที่มีงบโฆษณาและช่องทางการจัดจำหน่ายขนาดใหญ่ โดยมีส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลแมลงอยู่ที่เพียง 11% ขณะที่ในญี่ปุ่น บริษัทครองส่วนแบ่งสูงถึง 58% ดังนั้นการบุกตลาดไทยจึงไม่ใช่แค่ “ทำเหมือนญี่ปุ่น” แต่คือการออกแบบใหม่ตั้งแต่แนวคิดการตลาดไปจนถึงวัฒนธรรมภายในองค์กร

R&D และ Local Adaptation ไม่ใช่คำหรู แต่คืออาวุธ

สิ่งที่น่าสนใจคือ บริษัทไม่ได้เพียงนำสินค้าเดิมจากญี่ปุ่นมาวางขายในไทย แต่ลงทุนใน การวิจัยและพัฒนาที่ปรับตามพฤติกรรมผู้บริโภคท้องถิ่น อย่างน้ำยาบ้วนปาก “Mondahmin” ที่มีการปรับสูตรให้เข้ากับรสนิยมคนไทย และกำลังขยายไปยังตลาดเวียดนามและจีนโดยใช้สูตรที่ปรับเฉพาะประเทศเป้าหมาย

ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แมลง “Skin Oasis” ซึ่งเป็นสเปรย์กันยุงจากธรรมชาติสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการออกแบบสินค้าจากความเข้าใจผู้บริโภค ไม่ใช่แค่จากห้องแลปญี่ปุ่น แต่จากพฤติกรรมของครอบครัวไทยจริง ๆ

การตลาดแบบ Emotional Targeting และ Influencer อย่างมีกลยุทธ์

การเลือกพรีเซนเตอร์ “ซี–นุนิว” สำหรับ Mondahmin ไม่ใช่แค่การขายผ่านดารา แต่คือกลยุทธ์ขยายฐานแบรนด์ไปยังกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพช่องปาก ผ่านการใช้โซเชียลมีเดียและอีเวนต์อย่างมีทแอนด์กรี๊ด ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผล

ยิ่งไปกว่านั้น แฟนคลับของทั้งคู่ยังมีฐานอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนามและจีน จึงทำให้เกิดแรงส่งเชิงการตลาดข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องใช้สื่อดั้งเดิมเลยด้วยซ้ำ

สู่ผู้นำระดับภูมิภาค ไม่ใช่แค่การส่งออก แต่คือการส่งวัฒนธรรมองค์กร

การขยายไปยังตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ใช่แค่การกระจายสินค้า แต่คือการส่งออกวัฒนธรรม “คิดให้เร็ว ทำให้เร็ว” ซึ่งฝังอยู่ในแนวทาง Challenge & Change ที่พนักงานทุกระดับต้องเข้าใจและลงมือจริง

ความเข้าใจนี้นำไปสู่การปรับวิธีคิดจาก “ทำให้ได้เหมือนในญี่ปุ่น” มาเป็น “ทำให้เหมาะกับที่นี่” — องค์กรที่ปรับแนวคิดได้แบบนี้จึงอยู่รอดในตลาดแข่งขันสูงได้อย่างแท้จริง

ในโลกที่ผลิตภัณฑ์ถูกเลียนแบบได้ง่าย ความได้เปรียบที่แท้จริงคือ การสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่น เรียนรู้เร็ว และคิดแบบท้องถิ่น ดังเช่นที่เอิร์ธ ประเทศไทยทำมาตลอด 45 ปี

การตลาดไม่ใช่แค่การโฆษณา แต่คือการเข้าใจและตอบสนองผู้บริโภคให้ได้ก่อนคู่แข่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีวัฒนธรรมองค์กรที่กล้าเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : TNN