
บุหรี่ไฟฟ้า ใช้กลยุทธ์การตลาดล่าเหยื่อ สื่อสารจิตวิทยาที่ซับซ้อน-บิดข้อมูลให้ชวนเชื่อ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือบุหรี่ เป็นอันตรายต่อตัวผู้สูบและคนรอบข้าง ก่อให้เกิดโรคที่คุกคามชีวิต ประชากรไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนที่เจ็บป่วยเรื้อรังจากพิษภัยของบุหรี่
ประเทศไทยมีความพยายามควบคุมการบริโภคยาสูบมาเป็นระยะเวลายาวนาน และทำมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่า ไทยมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่อยู่ในระดับดีมากประเทศหนึ่ง
แม้บ้านเราจะมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่เข้มข้น แต่จำนวนผู้บริโภคยาสูบไม่ได้ลดลงเลย กลับเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซ้ำยังเกิดนักสูบหน้าใหม่ที่มีอายุเฉลี่ยน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่อุตสาหกรรมยาสูบก็ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ให้มีกลิ่น รสที่เป็นแฟชั่น เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังได้รับความนิยมและแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่น โดยการเลือกใช้กลยุทธ์การทำตลาดล่าเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดีย และอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer)
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบได้ดี แต่ยังไม่สามารถประสบผลสำเร็จควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการแทรกแซงนโยบายของบริษัทบุหรี่เกิดขึ้น
เรื่องนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ชัดว่า การขัดขวาง แทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบของบริษัทบุหรี่เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดของการควบคุมยาสูบในระดับประเทศ และระดับโลก
รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ให้เห็นต้นตอว่า ทำไมเรายังเห็นคนสูบบุหรี่ และเรายังเห็นบุหรี่รุ่นใหม่ๆ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า เพราะกลุ่มธุรกิจยาสูบยังคงแทรกแซงในทุกกระบวนการ ทั้งวิ่งเต้นนักการเมือง ทำ CSR สร้างภาพลักษณ์ คัดค้านกฎหมาย และเป็นคนอยู่เบื้องหลังบุหรี่เถื่อน อย่างเช่น บุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายนั้น มีความพยายามทำทุกวิถีทางให้ถูกกฎหมายให้ได้
“การพยายามวิ่งเต้นของธุรกิจบุหรี่จะไม่ได้ออกมาพูดด้วยตัวเอง แต่เราจะเห็นองค์กรบังหน้าออกมาเคลื่อนไหว ลอบบี้การเมือง บิดเบือนข้อมูล ว่า บุหรี่ไฟฟ้าดี ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน ไม่เสพติด สารพิษน้อยกว่า ไม่เหม็น ไม่มีนิโคติน ไม่อันตรายต่อคนรอบข้าง ช่วยเลิกบุหรี่มวนได้ และสนับสนุนงานวิจัยเพื่อโปรโมทบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งถ้าใครค้านก็จะถูกข่มขู่ ดิสเครดิต”รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ระบุชัด

สรุปข่าว
บุหรี่ไฟฟ้า ใช้กลยุทธ์การตลาดล่าเหยื่อ สื่อสารจิตวิทยาที่ซับซ้อน-บิดข้อมูลให้ชวนเชื่อ
เป็นที่ทราบกันดีว่า ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือบุหรี่ เป็นอันตรายต่อตัวผู้สูบและคนรอบข้าง ก่อให้เกิดโรคที่คุกคามชีวิต ประชากรไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านคนที่เจ็บป่วยเรื้อรังจากพิษภัยของบุหรี่
ประเทศไทยมีความพยายามควบคุมการบริโภคยาสูบมาเป็นระยะเวลายาวนาน และทำมาอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่า ไทยมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่อยู่ในระดับดีมากประเทศหนึ่ง
แม้บ้านเราจะมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่เข้มข้น แต่จำนวนผู้บริโภคยาสูบไม่ได้ลดลงเลย กลับเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซ้ำยังเกิดนักสูบหน้าใหม่ที่มีอายุเฉลี่ยน้อยลงเรื่อยๆ ขณะที่อุตสาหกรรมยาสูบก็ปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ให้มีกลิ่น รสที่เป็นแฟชั่น เช่น บุหรี่ไฟฟ้า ที่กำลังได้รับความนิยมและแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่น โดยการเลือกใช้กลยุทธ์การทำตลาดล่าเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดีย และอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer)
นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศมีมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบได้ดี แต่ยังไม่สามารถประสบผลสำเร็จควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีการแทรกแซงนโยบายของบริษัทบุหรี่เกิดขึ้น
เรื่องนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ชัดว่า การขัดขวาง แทรกแซงนโยบายควบคุมยาสูบของบริษัทบุหรี่เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดของการควบคุมยาสูบในระดับประเทศ และระดับโลก
รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้ให้เห็นต้นตอว่า ทำไมเรายังเห็นคนสูบบุหรี่ และเรายังเห็นบุหรี่รุ่นใหม่ๆ เช่น บุหรี่ไฟฟ้า เพราะกลุ่มธุรกิจยาสูบยังคงแทรกแซงในทุกกระบวนการ ทั้งวิ่งเต้นนักการเมือง ทำ CSR สร้างภาพลักษณ์ คัดค้านกฎหมาย และเป็นคนอยู่เบื้องหลังบุหรี่เถื่อน อย่างเช่น บุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายนั้น มีความพยายามทำทุกวิถีทางให้ถูกกฎหมายให้ได้
“การพยายามวิ่งเต้นของธุรกิจบุหรี่จะไม่ได้ออกมาพูดด้วยตัวเอง แต่เราจะเห็นองค์กรบังหน้าออกมาเคลื่อนไหว ลอบบี้การเมือง บิดเบือนข้อมูล ว่า บุหรี่ไฟฟ้าดี ปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน ไม่เสพติด สารพิษน้อยกว่า ไม่เหม็น ไม่มีนิโคติน ไม่อันตรายต่อคนรอบข้าง ช่วยเลิกบุหรี่มวนได้ และสนับสนุนงานวิจัยเพื่อโปรโมทบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งถ้าใครค้านก็จะถูกข่มขู่ ดิสเครดิต”รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ระบุชัด

ทำไมจึงต้องรู้เท่าทันธุรกิจยาสูบ
การทำให้ผู้คนตระหนักรู้กลยุทธ์ของอุตสาหกรรมยาสูบ จะช่วยให้การควบคุมยาสูบบ้านเราเข้มแข็งมากขึ้น และไม่ตกเป็นเหยื่อธุรกิจยาสูบ แต่ถ้าผู้คนยังรับรู้น้อยก็จะกลายเป็น “เหยื่อ” ถูกหลอกให้เชื่อว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่า และสามารถทำให้เลิกบุหรี่มวนได้ และไม่ทำร้ายสุขภาพ
วันนี้ภาคธุรกิจยาสูบรุกหนัก โดยเฉพาะการแทรกแซงเชิงนโยบายระดับชาติ ที่หากจัดการนโยบายหรือกฎหมายได้ ทุกอย่างคือจบ นี่คือหัวใจหลักที่ธุรกิจยาสูบต้องดีลให้ได้ ให้จบ
ประเทศไทยเข้าร่วมกรอบอนุสัญญาขององค์การอนามัยโลกว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (WHO Framework Convention on Tobacco Control) หรือ FCTC ซึ่งเป็นกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อคุ้มครองสุขภาพของประชาชนด้วยการออกมาตรการควบคุมยาสูบ โดยเฉพาะมาตรา 5.3
หลักการสำคัญ FCTC 5.3 ประกอบด้วย 1.ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมยาสูบกับประโยชน์ที่เกิดจากนโยบายสาธารณะสุขเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันและไม่อาจประนีประนอมได้ 2.กรณีหน่วยรัฐไปเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยาสูบต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ 3.หน่วยงานรัฐกำหนดให้อุตสาหกรรมยาสูบดำเนินกิจการอย่างโปร่งใส และ 4.หน่วยงานรัฐไม่ควรให้การสนับสนุนใดๆ ที่จะเอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของอุตสาหกรรมยาสูบ
ฉะนั้น หน่วยงานรัฐทุกระดับจึงต้องทำตาม FCTC 5.3 และไม่ควรมีปฏิสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมยาสูบใดๆ เลย ยกเว้นประโยชน์จาการบังคับกฎหมายเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทยยังมีการขัด FCTC 5.3 เพราะยังไม่สามารถออกเป็นกฎหมายระดับประเทศได้ มีแค่แนวปฏิบัติจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น นี่คือ ปัญหาของประเทศไทย ที่ทำให้ธุรกิจยาสูบยังคุกคามชีวิตคนไทยมาต่อเนื่อง
ขณะที่ “บุหรี่ไฟฟ้า” ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ที่แพร่หลาย พิษภัยตัวใหม่ที่ผลิตขึ้น มาพร้อมกับการแทรกแซงเชิงลึกด้วยกลยุทธ์ใหม่อย่างที่คาดไม่ถึง แทรกซึมจนคนมอง บุหรี่ไฟฟ้า เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ใช่สิ่งผิดปกติในสังคมไทย
บุหรี่ไฟฟ้าใช้การสื่อสารทางจิตวิทยาที่ซับซ้อน
ผศ.ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ย้ำชัดถึงเบื้องหลังควัน คือ กลยุทธ์แทรกแซงด้วยการสื่อสารเชิงจิตวิทยาที่ซับซ้อน พร้อมทั้งอธิบายให้เห็นภาพ

บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งเสพติด ผิดกฎหมาย ธุรกิจยาสูบจะใช้กลวิธีการสื่อสาร โฆษณาที่ให้คนมองว่า บุหรี่ไฟฟ้านั้นสวยงาม ด้วย 5 วิธีการ
1.Symbolic Communication ปรุงภาพให้หลง ทำให้บุหรี่ไฟฟ้านั้น ดูเท่ห์ ภาพลักษณ์ดี ดูสวย ท้าทาย อิสระ หรูหรา มีความสุข ไม่มีความทุกข์ เพื่อให้คนเชื่อมโยงเอาเอง
2.Distraction Technique ทำให้งงเพื่อเบี่ยงความสนใจ ทำให้เข้าใจว่า นี่คือเทคโนโลยีง่ายๆเพื่อเลิกบุหรี่มวน ไม่เสียสุขภาพ ใช้งานง่าย เหมาะกับสายปาร์ตี้ และเป็น Every Day Item เพิ่มสีสันให้ชีวิต
3.Social Proof บอกว่า มวลชนยอมรับว่า ปลอดภัย ทุกคนยอมรับแล้ว
4.Influencer ชักชวนคนดังผู้นำทางความคิดยิ่งพูดมา พลังมาก ยิ่งสื่อสารมาก ยิ่งทำให้เกิดการยอมรับมากขึ้น
และ 5.Freedom Framing ไม่ใช่ใคร คุณต้องลองเอง เสรีภาพในการเลือกอยู่ที่ตัวเองว่า นี่คือสิ่งไม่อันตราย ทำให้คนรู้สึกว่า รัฐที่เข้าไปควบคุมกำลังก้าวก่ายเสรีภาพของคุณ ดังนั้นเราต้องท้าทาย ต้องไม่ถูกควบคุม
“การสื่อสารแบบนี้ไม่ใช่การสื่อสารธรรมดา เพราะเป็นการขายเสพติด แต่เป็นการชวนเชื่ออย่างแนบเนียนและทำเป็นอย่างระบบ ต่อเนื่อง ทำมานานตอกย้ำประเด็นเดิมๆ ซ้ำๆ จนคนจำได้ ผ่านทุกแพลตฟอร์มที่ไม่มีการควบคุมอย่างเข้มข้น คนเห็นจนชินเป็นเรื่องปกติ” ผศ.ดร.ศรีรัช อธิบาย และเห็นว่า นี่คือ สิ่งที่บุหรี่ไฟฟ้าต้องการ คือ ทำให้เรื่องไม่ปกติ มันปกติ สำคัญที่สุด แพลตฟอร์มออนไลน์ ไปมีส่วนช่วยทำให้การสื่อสารจิตวิทยาแทรกแซงในประเทศไทย ทำได้ง่ายขึ้น
“การแทรกแซงทางจิตวิทยาที่ทำอย่างไรให้เขาเชื่อว่า ไม่ได้ถูกแทรกแซงเลย แต่เลือก เพราะเขาเลือกเอง เป็นภัยเงียบที่เราอาจจะไม่รู้เลย วันนี้เราจึงเห็นสถิติเด็กไทยมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 5 เท่า แล้ววิกฤติขั้นที่ว่า มีเด็ก ป.3 สูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเสียชีวิตมาแล้ว”ผศ.ดร.ศรีรัช ทิ้งท้าย
การป้องกันการแทรกแซงจากธุรกิจยาสูบ คือ เกราะป้องกันประชากรไทยให้พ้นจาก “บุหรี่” ซึ่งถือ เป็นอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ
นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข บอกว่า อยากให้สังคมไทยเราเข้าใจตรงกันว่า ธุรกิจยาสูบกับการควบคุมยาสูบไปด้วยกันไม่ได้ ไม่สามารถจะมีการเจรดจา หรืออะลุ่มอล่วยกันได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทำไมถึงจะต้องป้องกันการแทรกแซงนโยบายจากธุรกิจยาสูบ
“เราพูดๆ กัน ว่า ไม่ให้มาแทรกแซง แต่ความจริงบ้านเรายังถูกแทรกแซงตั้งแต่ระดับการเมือง เวลาจะออกกฎหมาย ก็ถูกคัดค้าน ทำให้กฎหมายอ่อนลง และบางอย่างจะต้องเห็นชอบจาก ครม. ก็จะโดนชาวไร่ซึ่งเป็นเครื่องมือของธุรกิจยาสูบมาเบรก พอยื่นหนังสือคัดค้าน ฝั่งนั้นก็จะมีตัวแทนมายื่นหนังสือคัดค้านเช่นกัน มากดดันรัฐบาลออกทางสื่อสาธารณะ”
หรือแม้แต่ ช่วงออก พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฯ มีความพยายามสอดแทรก FCTC 5.3 เข้าไป ตอนร่างกฎหมายผลักดัน แต่ก็ถูกดึงออก เป็นต้น
ทั้งหมดคือภาพของความพยายามแทรกแซงนโยบายการควบคุมยาสูบ ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง หลายยุค หลายสมัย กลุ่มธุรกิจยาสูบใช้หลากหลายวิธี และพัฒนากลวิธีอยู่ตลอดเวลา…



- บุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มความเสี่ยงหัวใจขาดเลือด อันตรายถึงชีวิต วิจัยชี้
- วิจัยเผยสูบบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มความเสี่ยง โรคหลอดเลือดสมอง อัมพาตเฉียบพลัน
- รัฐโชว์ 5 เดือน จับคดีบุหรี่ไฟฟ้าทะลุ 3 พัน ยึดของกลาง 3 ล้านชิ้น
- เปิดตัว “No E-cig Home” บ้านปลอดภัย ครอบครัวปลอดบุหรี่ไฟฟ้า
- ประเทศไหนมีเด็กเยอะที่สุด แล้วไทยมีเด็กกี่คน ในยุคใกล้สังคมสูงวัย
