
สรุปข่าว
วันนี้ (24พ.ค.63) เพจเฟซบุ๊กนักสังคมสงเคราะห์เล่าเรื่อง โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีน้อง "อมยิ้ม" ที่เสียชีวิต โดยมีแม่เป็นผู้ต้องสงสัย แต่ยังมาเปิดรับบริจาคจนได้เงินหลายล้านบาท เพจนี้ได้เชิญชวนให้ทุกคนหยุด บริจาคผ่านบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก โดยบอกว่า
ใครได้ทราบข่าวกรณีน้อง "อมยิ้ม" ที่เสียชีวิต โดยทีมแพทย์ได้วินิจฉัยทราบว่าน้องได้รับสารกัดกร่อนเข้าไปทำอันตรายอวัยวะภายในจนเสียชีวิต และผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์นี้ก็มี "แม่" ที่เปิดรับบริจาคผ่านการบอกเล่าเรื่องราวของน้องผ่านเฟซบุ๊dถึงอาการเจ็บป่วย จนมีผู้บริจาคให้ร่วมกันหลายล้านแล้วยังคะ
จริงๆ ในกรณีแบบนี้แอดมินเองอยากจะพูดมาหลายครั้งแต่ด้วยความกลัวชาวเน็ตจวก ก็เลยไม่พูดดีกว่า จนมาถึงวันนี้ วันที่มีเด็กเสียชีวิตไปแล้วหนึ่งคน และอีกคนเกือบเสียชีวิตเพื่อเซ่นความใจบุญ และการแสวงประโยชน์จากความใจดีของคนไทย
แอดมินจึงอยากเชิญชวนค่ะ ให้เราหยุด "บริจาค" ผ่านบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก เราต้องหยุด หยุดโดยมีชีวิตคนอื่นกั้น เพราะเราคงไม่อยากร้องกรี๊ดกับเหตุการณ์แบบนี้อีกใช่มั้ยคะ
เราต้องนึกถึงอันตรายที่จะมีต่อเด็ก ต่อคนแก่ หรือคนอื่นๆ ที่อาจตกอยู่ในอันตราย ต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือในการถูกจองจำในสภาวะยากลำบากเพื่อให้เราได้มีโอกาส ทำบุญผ่านมนุษย์ผู้ตกยาก (รวมถึงการสนับสนุนสถานสงเคราะห์ที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ก็กรณีเดียวกันค่ะ)
ในกรณีนี้และหลายกรณีเช่นในสถานสงเคราะห์เองเด็กจะถูกทารุณกรรมช้าๆ ซ้ำๆ ให้มีอาการที่แย่ลงเรื่อยๆ หรือดีขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในสภาพที่แย่ น่าสงสารเพื่อเรียกร้องความสงสารจากผู้ใจดีให้โอนเงินมาให้
น้องอมยิ้มเองก็ถูกปฏิบัติเช่นนั้น แม่ทั้งถ่ายวีดีโอตอนน้องอ้วกเป็นเลือดมาให้ทุกท่านดู update ความย่ำแย่ของลูกให้ได้รับชม คนดูพอดูแล้วมืออ่อนเลยค่ะ โอนทันที
เวลาเจอกรณีแบบนี้จำไว้เสมอนะคะเมืองไทยมีสิทธิ 30 บาท ถ้าค่าใช้จ่ายไม่พอจริงๆ เคสในลักษณะนี้จะถูกส่งต่อพบนักสังคมสงเคราะห์เพื่อประเมินวินิจฉัยปัญหาทางสังคมต่อไปค่ะ (เดี๋ยวเราค่อยพูดถึงช่องวางปัญหาของเคสนี้ในระบบการดูแลต่อ) แต่ในเบื้องต้นถ้าพบเคส แบบนี้แนะนำเลยค่ะ ให้เข้าพบนักสังคมสงเคราะห์ที่โรงพยาบาลเลย ถ้าครอบครัวไหน หรือใครมาขอรับบริจาคปุ๊บให้ "เอ๊ะ" ไว้ก่อนค่ะ "เอ๊ะ" รอไว้ก่อน แล้วทำตามอีก step ด้านล่างคือ
ถ้าเจอใครตกทุกข์ได้ยากอยู่วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้องคือการหยิบโทรศัพท์โทรหา 1300 ไม่ต้องโอนเงินค่ะ ท่องพร้อมกันค่ะ 1300 กดเลยค่ะ
จำไว้เสมอว่าการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนเป็นหน้าที่ของ "รัฐ" การบริจาคกันเองมีความเสี่ยงมาก หลายคนเมื่อเคสถูกโพสต์ลง Facebook ก็รวยกันชั่วข้ามคืน
และที่สำคัญเวลาเราบริจาคกันเข้าบัญชีส่วนตัวของใครก็แล้วแต่ นั่นคือเรากำลังถอยห่างให้รัฐที่ควรรับผิดชอบ ออกจากสมการนี้ไปค่ะ
ทางที่ดีท่องไว้ว่าโทร 1300 ให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือ ถ้าอยากบริจาคแนะนำบริจาคผ่านองค์กรสาธารณประโยชน์ต่างๆ ดีกว่าค่ะ
เบื้องต้นเท่านี้ก่อนนะคะ หยุด บริจาคเป็นนางใจดี นามสกุลโอนไวก่อน เพราะเราสามารถสร้างผลทางบวกได้ด้วยวิธีอื่นค่ะ
เดี๋ยวแอดมินจะมาเขียนว่าเรื่องนี้สะท้อนปัญหาอะไรบ้างที่เราเห็นอีกครั้งในโพสต์ถัดไปนะคะ
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
- โควิด-19 วิกฤตอีกครั้ง ป่วยเพิ่มสัปดาห์ละ 50,000 เดือนเดียวป่วย 1.4 แสน วัยทำงานและเด็กเล็กเสี่ยงหนัก?
- ปี 2567 เด็กจมน้ำเสียชีวิตถึง 173 ราย เฉลี่ยวันละเกือบ 2 ราย
- Gen Alpha กับชีวิตใต้ PM2.5 เด็กเล็ก 325 ล้าน ต้องอาศัยอยู่กับฝุ่นพิษ
- 12 ปี “สภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์” นายกสภาฯ ประกาศก้าวสู่ยุคใหม่ Digital Transformation”
- 30% ของเด็กไทยอ้วน เตือนพ่อแม่ต้องระวังโรค NCDs
- สำเร็จแล้ว !! ทารกคนแรกที่เกิดโดยวิธี Fertilo
- บริษัทสมาชิกหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand