ประวัติ นูโน่ เมนเดส

นูโน่ อเลซานเดร ตาบาเรส เมนเดส เกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2002 ณ เมืองซินตรา ที่ตั้งห่างจากกรุงลิสบอน เมืองหลวงของ โปรตุเกส ด้วยระยะเวลาเดินทางด้วยรถยนต์ไม่ถึง 1 ชั่วโมง

เมืองซินตรา คือเขตเทศบาลที่ตั้งของชุมชนผู้อพยพลี้ภัยจากสงคราม ซึ่งครอบครัวของ นูโน่ เมนเดส เป็นชาวอพยพมาจากประเทศแองโกลา ที่เคยเป็นอาณานิคมในทวีปแอฟริกาของประเทศโปรตุเกส 

การเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่จำกัด ทำให้เรื่องเดียวที่เด็กๆในชุมชนผู้อพยพมีเหนือกว่าเด็กทั่วไปคือสภาพจิตใจที่เกินร้อย กลายเป็นสิ่งที่เขาใช้ต่อสู้กับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่าจะเจอกับปัญหาอะไรก็ตามที่หนักหนาสาหัส แม้จะมีบางครั้งที่ท้อแต่พวกเขาก็ไม่เคยถอย

แม้ว่าเด็กชายเมนเดส จะใช้ชีวิตในที่ที่จำกัด แต่มันก็ปิดกันได้แค่เพียงแค่ร่างกายหาใช่ความฝัน เขาวาดภาพของตัวเองในอนาคตว่าอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพให้ได้ เพื่อที่จะพาครอบครัวไปอยู่ในจุดที่ดีกว่า

ความลำบากทำให้เขาไม่สามารถมีช่วงเวลาสนุกในวัยเด็ก ทุกสิ่งที่เขาทำต้องจริงจังเพราะข้อจำกัดหลายๆอย่าง เขาพยายามผลักดันตัวเองเพื่อไล่ล่าตามความฝัน ก่อนจะได้โอกาสเข้าร่วมทีมฟุตบอลท้องถิ่นในวันแค่ 9 ขวบ กับทีมสมัครเล่นอย่าง เดสเปอร์ตาร์

นูโน่ เมนเดส ย้ายไปร่วมทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน

เพียงแค่ปีเดียว ฟอร์มของ เมนเดส ก็ไปเข้าตาแมวมอง สปอร์ติ้ง ลิสบอน ทีมยักษ์ใหญ่ของโปรตเกส ทาบทามให้ไปเข้าร่วมอคาเดมี เพื่อฝึกศาสตร์ลูกหนังปูทางสู่ความเป็นมืออาชีพ ซึ่งแน่นอนว่าเขาเลือกที่จะตอบรับข้อเสนอทันที แม้จะต้องห่างจากพ่อ-แม่ ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 10 ขวบก็ตาม

ในช่วงเริ่มต้น เมนเดส ติดทีมอคาเดมีในตำแหน่งปีกซ้าย แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานทีมโค้ชของสโมสรก็มองว่าเขาเหมาะที่จะเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้ายมากกว่า ด้วยทักษะการไปกับบอลที่อาจจะไม่ได้หวือหวา แต่เด็กคนนี้มีสภาพร่างกายที่แข็งแกร่งและเป็นนักเตะที่มีความเร็ว ซึ่งการเปลี่ยนมาเล่นในตำแหน่งนี้ ทำให้เขาเจอสิ่งที่ใช่สำหรับตัวเอง และเริ่มฉายแววออกมาเรื่อยๆ

เมนเดส เป็นเด็กที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจด้วยปณิธานอันแน่วแน่ เขาทุ่มเททุกสิ่งไปกับฟุตบอลอย่างเต็มที่ มีวินัยกับตัวเองทั้งในและนอกสนาม กิน-นอน-เล่น เป็นเวลา แถมยังคอยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกายเป็นประจำด้วยการเข้าฟิตเนสอย่างเหมาะสม จุดนี้ยิ่งช่วยส่งให้เขาเติบโตขึ้นไปเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม 

นูโน่ เมนเดส ลงสนามนัดแรกกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน

12 มิถุนายน ค.ศ. 2020 คือวันที่ นูโน่ เมนเดส ได้โอกาสลงสนามครั้งแรกกับทีมชุดใหญ่ ในเกมที่ต้นสังกัดเอาชนะ ทอนเดล่า 1-0 และสร้างสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของสโมสรที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริงด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปี นับตั้งแต่ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงระดับตำนานเคยทำเอาไว้ ซึ่งเกมนั้นเขาได้โอกาสลงสนามแบบเต็ม 90 นาที

ในช่วงเวลาที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ห่างหายกับความสำเร็จในลีกมายาวนาน สโมสรแต่งตั้งโค้ชหนุ่มไฟแรงที่ชื่อ รูเบน อโมริม เข้ามาคุมทัพ เข้าสู่ฤดูกาล 2020-21 อโมริม ตัดสินใจล้างไพ่ใหม่ทั้งหมด ด้วยการปล่อยนักเตะเก่าออกจากทีมไปถึง 23 ราย และเสริมทัพแข้งใหม่เข้ามา 19 ราย

ส่วน เมนเดส ถูกใช้งานในตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งซ้าย ด้วยแผนการเล่น 3-4-2-1 (ที่แฟนๆแมนฯยูฯคุ้นเคย) และด้วยระบบที่วิงแบ็กต้องมีภาระวิ่ง-ขึ้นลงตลอดทั้งเกม สิ่งที่ เมนเดส สะสมมาก็ถูกนำออกมาใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็น 1 ใน 11 คนแรกของสโมสรมาโดยตลอดในตำแหน่งวิงแบ็กซ้าย 

บทสรุปสุดท้ายฤดูกาลนั้น สปอร์ติ้ง ลิสบอน กลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการคว้าแชมป์ลีกโปรตเกสได้ในรอบ 19 ปี และแน่นอนว่าผลงานของ เมนเดส ถือเป็นส่วนสำคัญกับความสำเร็จของสโมสร ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้โอกาสติดทีมชาติโปรตุเกส ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในวัย 18 ปี

นูโน่ เมนเดส ย้ายร่วมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง

เข้าสู่เดือนสิงหาคม 2021 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลายเป็นเสือปืนไวที่มากระชากตัวแข้งรายนี้ไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว ก่อนจะจ่ายค่าฉีกสัญญาด้วยจำนวน 38 ล้านยูโร คว้าตัวไปร่วมทีมแบบถาวรในเดือนมิถุนายน 2022

ในช่วงแรกกับเปแอสเช ผลงานของ เมนเดส ยังไม่เจิดจรัส และมีความผิดพลาดบ่อยครั้ง โดยเฉพาะกับการเล่นในเวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และแม้จะถูกคำสบประมาทจากแฟนบอล แต่ เมนเดส ก็พยายามพัฒนาตัวเองเรื่อยๆโดยไม่สนเสียงวิจารณ์ จนกระทั่งการมาของโค้ขที่ชื่อ หลุยส์ เอ็นริเก้ ในฤดูกาล 2023/24

โค้ชชาวสเปนผู้นี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสโมสรเปแอสเช ให้เล่นด้วยสปิริต สู้เพื่อสโมสร มากกว่าเพื่อตัวเอง แม้ทีมจะต้องเสียซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 อย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แต่ก็แลกมาด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกันในสโมสร ทุกคนพร้อมทุ่มเทเต็มที่เพื่อเป้าหมายเดียวกัน

เมนเดส กลายเป็นนักเตะคนสำคัญในแผนงานของ เอ็นริเก้ ด้วยคุณสมบัติที่พร้อมจะเรียนรู้ทุกสิ่งที่โค้ชบอก และความเป็นเลือดนักสู้ที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก บวกกับความมีวินัย มันยิ่งส่งให้เขายกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด และแน่นอนว่าบรรดาเพื่อนร่วมทีมรอบตัวของเขาต่างก็เค้นศักยภาพที่ดีที่สุดออกมาพร้อมๆกัน

สโมสรเองก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนกับการคว้าแชมป์ยุโรป และเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 กับการคุมทัพของ เอ็นริเก้ สิ่งที่เขาปรุงแต่งเริ่มสุกงอม ปารีส แซงต์ แชร์กแมง กลายเป็นทีมไร้เทียมทาน นักเตะทุกคนเล่นเพื่อตราสโมสร ไม่มีใครเห็นแก่ตัวเอง และแล้วทีมทีมนี้ก็พุ่งชนความสำเร็จกับการคว้า 3 แชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

สิ่งที่น่าสนใจจากนี้คือเส้นทางอนาคตของ นูโน่ เมนเดส ที่ปัจจุบันเพิ่งจะอายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น เขากลายเป็นของรักของหวงของเปแอสเช ที่พร้อมจะไล่ล่าความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า นับจากนี้เป็นต้นไปเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือหนึ่งในแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดของโลกฟุตบอล

อ่านเรื่องราวอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ประวัติ ลูก้า โมดริช ปิดฉาก 13 ปี กับ เรอัล มาดริด

ประวัติ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ผู้พา สเปอร์ ได้แชมป์รอบ 17 ปี แต่ก็ยังดีไม่พอ

ประวัติ รายาน แชร์กี้ เด็กปั้น ลียง ที่กำลังเนื้อหอม