ส่องประวัติ 'โธมัส มุลเลอร์' ตำนานตลอดกาลของ 'บาเยิร์น มิวนิค'

ส่องประวัติ 'โธมัส มุลเลอร์' ตำนานตลอดกาลของ 'บาเยิร์น มิวนิค'

โธมัส มุลเลอร์ ยอดกองกลางทีมชาติเยอรมนี เพิ่งจะลงเล่นเกมสุดท้ายกับ บาเยิร์น มิวนิค ไปหมาดๆ ในเกม ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ทีมเสือใต้พ่ายให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ไป 0-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยในเกมนัดดังกล่าวเขาเป็นตัวสำรอง และถูกส่งลงสนามในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน

หลังจบเกมดังกล่าว ทำให้ โธมัส มุลเลอร์ สิ้นสุดการเป็นนักเตะของ บาเยิร์น มิวนิค อย่างเป็นทางการ หลังจากสัญญาปัจจุบันนั้นหมดลงไปตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เขาได้รับการต่อสัญญาแบบพิเศษเพื่อลงเล่นในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกโดยเฉพาะ ทำให้ได้ยืดเวลาในการอำลาทีมเสือใต้ไปอีกราวๆ 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ บาเยิร์น มิวนิค ตกรอบ ก็เป็นอันว่าภารกิจของเขากับทีมเสือใต้ก็จบลงแล้วอย่างเป็นทางการ หลังจากอยู่กับทีมมาตั้งแต่ระดับเยาวชน จนได้ขึ้นสู่ชุดใหญ่ และเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอดกว่า 25 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนในปัจจุบันที่อยู่กับทีมเดียวได้นานขนาดนี้ และถ้าเขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปเลย ก็จะกลายเป็น "One Club Man" ที่แทบจะหาไม่ได้แล้วในยุคสมัยนี้

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันว่า โธมัส มุลเลอร์ เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งอย่างไร และผ่านเรื่องราวใดมาบ้าง ตลอดเส้นทางอาชีพที่น่าจดจำของเขา

โธมัส มุลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 1989 ที่เมืองไวมอร์ รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันเขามีอายุ 35 ปี เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่จดจำมากที่สุดในยุคสมัยของเขา ด้วยสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ การเคลื่อนที่อันชาญฉลาด และความสามารถในการทำประตูและสร้างสรรค์เกมที่โดดเด่น มุลเลอร์ ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะตำนานทั้งในระดับสโมสรกับบาเยิร์น มิวนิค และในระดับทีมชาติกับเยอรมนี

เส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ : เติบโตจากอะคาเดมี่ของบาเยิร์น

มุลเลอร์เริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งตั้งแต่วัยเยาว์กับสโมสร TSV Pähl ก่อนจะเข้าร่วมทีมเยาวชนของบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2000 เมื่ออายุเพียง 10 ขวบ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในระบบเยาวชนของสโมสร เขาได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และศักยภาพอันน่าทึ่ง จนกระทั่งได้รับโอกาสก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของบาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาล 2008–09 แต่บทบาทสำคัญของเขาเริ่มเด่นชัดขึ้นในฤดูกาล 2009–10 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ชาวดัตช์ ซึ่งมองเห็นถึงศักยภาพและให้ความไว้วางใจในการให้มุลเลอร์ ลงสนามอย่างสม่ำเสมอในตำแหน่งกองกลางตัวรุกหรือกองหน้าตัวต่ำ ที่ซึ่งเขาได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเองอย่างรวดเร็ว

สรุปข่าว

ส่องประวัติ 'โธมัส มุลเลอร์' ตำนานตลอดกาลของ 'บาเยิร์น มิวนิค'

โธมัส มุลเลอร์ ยอดกองกลางทีมชาติเยอรมนี เพิ่งจะลงเล่นเกมสุดท้ายกับ บาเยิร์น มิวนิค ไปหมาดๆ ในเกม ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ทีมเสือใต้พ่ายให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ไป 0-2 เมื่อวันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยในเกมนัดดังกล่าวเขาเป็นตัวสำรอง และถูกส่งลงสนามในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน

หลังจบเกมดังกล่าว ทำให้ โธมัส มุลเลอร์ สิ้นสุดการเป็นนักเตะของ บาเยิร์น มิวนิค อย่างเป็นทางการ หลังจากสัญญาปัจจุบันนั้นหมดลงไปตั้งแต่สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่เขาได้รับการต่อสัญญาแบบพิเศษเพื่อลงเล่นในศึกชิงแชมป์สโมสรโลกโดยเฉพาะ ทำให้ได้ยืดเวลาในการอำลาทีมเสือใต้ไปอีกราวๆ 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ บาเยิร์น มิวนิค ตกรอบ ก็เป็นอันว่าภารกิจของเขากับทีมเสือใต้ก็จบลงแล้วอย่างเป็นทางการ หลังจากอยู่กับทีมมาตั้งแต่ระดับเยาวชน จนได้ขึ้นสู่ชุดใหญ่ และเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอดกว่า 25 ปี ถือว่าเป็นหนึ่งในนักเตะไม่กี่คนในปัจจุบันที่อยู่กับทีมเดียวได้นานขนาดนี้ และถ้าเขาตัดสินใจแขวนสตั๊ดไปเลย ก็จะกลายเป็น "One Club Man" ที่แทบจะหาไม่ได้แล้วในยุคสมัยนี้

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกันว่า โธมัส มุลเลอร์ เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งอย่างไร และผ่านเรื่องราวใดมาบ้าง ตลอดเส้นทางอาชีพที่น่าจดจำของเขา

โธมัส มุลเลอร์ เกิดเมื่อวันที่ 13 กันยายน 1989 ที่เมืองไวมอร์ รัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันเขามีอายุ 35 ปี เขาคือหนึ่งในนักฟุตบอลอาชีพที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่จดจำมากที่สุดในยุคสมัยของเขา ด้วยสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ การเคลื่อนที่อันชาญฉลาด และความสามารถในการทำประตูและสร้างสรรค์เกมที่โดดเด่น มุลเลอร์ ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะตำนานทั้งในระดับสโมสรกับบาเยิร์น มิวนิค และในระดับทีมชาติกับเยอรมนี

เส้นทางสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ : เติบโตจากอะคาเดมี่ของบาเยิร์น

มุลเลอร์เริ่มต้นเส้นทางการค้าแข้งตั้งแต่วัยเยาว์กับสโมสร TSV Pähl ก่อนจะเข้าร่วมทีมเยาวชนของบาเยิร์น มิวนิค ในปี 2000 เมื่ออายุเพียง 10 ขวบ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในระบบเยาวชนของสโมสร เขาได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์และศักยภาพอันน่าทึ่ง จนกระทั่งได้รับโอกาสก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของบาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาล 2008–09 แต่บทบาทสำคัญของเขาเริ่มเด่นชัดขึ้นในฤดูกาล 2009–10 ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล เทรนเนอร์ชาวดัตช์ ซึ่งมองเห็นถึงศักยภาพและให้ความไว้วางใจในการให้มุลเลอร์ ลงสนามอย่างสม่ำเสมอในตำแหน่งกองกลางตัวรุกหรือกองหน้าตัวต่ำ ที่ซึ่งเขาได้พิสูจน์คุณค่าของตัวเองอย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จระดับสโมสร : ผู้สร้างประวัติศาสตร์กับบาเยิร์น มิวนิค

มุลเลอร์ ใช้เวลาตลอดอาชีพค้าแข้งกับ บาเยิร์น มิวนิค และกลายเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรในยุคที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เขามีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าถ้วยรางวัลมากมาย ดังนี้

- บุนเดสลีกา เยอรมนี : 13 สมัย (เป็นสถิติใหม่ของลีก)

- เดเอฟเบ-โพคาล : 6 สมัย

- เดเอฟแอล-ซูเปอร์คัพ : 8 สมัย

- ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : 2 สมัย (2012–13, 2019–20)

- ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ : 2 สมัย

- ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ : 2 สมัย

หนึ่งในฤดูกาลที่น่าจดจำที่สุดคือฤดูกาล 2012–13 ซึ่ง บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การนำของ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส สร้างประวัติศาสตร์คว้า "ทริปเปิลแชมป์" ได้สำเร็จ (บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ-โพคาล, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) โดย มุลเลอร์ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง เขายิงไป 23 ประตูในทุกรายการ และการทำประตูที่สำคัญของเขาใน แชมเปี้ยนส์ ลีก มีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้สำเร็จ

ต่อมาในฤดูกาล 2019–20 เป็นอีกครั้งที่ มุลเลอร์ อยู่ในฟอร์มสุดยอด ภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี่ ฟลิค บาเยิร์น สามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้อีกครั้ง และ มุลเลอร์ ก็สร้างสถิติใหม่ในบุนเดสลีกา ด้วยการทำ 21 แอสซิสต์ในฤดูกาลเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการเล่นและการจ่ายบอลที่เหนือชั้นของเขา

ปัจจุบัน มุลเลอร์ เป็นผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุดตลอดกาลของ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยจำนวน 756 นัดในทุกรายการ ยิงไป 250 ประตูกับอีก 276 แอสซิสต์ ถือเป็นตัวเลขที่น่าทึ่้งมากๆ เขาเป็นกำลังสำคัญของทีมมาตลอด และเป็นหนึ่งในผู้เล่นเพียง 3 คนในประวัติศาสตร์บุนเดสลีกา ที่สามารถทำได้มากกว่า 100 ประตู และ 100 แอสซิสต์ โดย มุลเลอร์ ทำไป 150 ประตูกับ 211 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 503 นัดในบุนเดสลีกา ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความสม่ำเสมอและความสมบูรณ์แบบในการเล่นของเขา

ความสำเร็จระดับทีมชาติ : แชมป์โลกกับเยอรมนี

โธมัส มุลเลอร์ ถูกเรียกติดทีมชาติเยอรมนีชุดใหญ่ครั้งแรกในปี 2010 และสร้างผลกระทบอย่างมหาศาลทันทีในเวทีฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ แม้จะเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ แต่เขาก็สามารถทำได้ถึง 5 ประตู และคว้ารางวัล "ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม" (Best Young Player) และ "รองเท้าทองคำ" (Golden Boot) ในฐานะดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนต์ แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณในการทำประตูที่หาตัวจับได้ยาก

จุดสูงสุดในอาชีพทีมชาติของเขามาถึงในฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ซึ่งเยอรมนีสามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 4 มุลเลอร์ ยังคงเป็นกำลังสำคัญ โดยทำได้อีก 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์นั้น และได้รับรางวัล "ลูกบอลเงิน" (Silver Ball) ในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนท์อันดับ 2 และ "รองเท้าเงิน" (Silver Boot) ในฐานะรองดาวซัลโวของรายการ ความสำเร็จนี้ตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเยอรมนี

หลังจากฟุตบอลโลก 2014 มุลเลอร์ ยังคงเป็นส่วนสำคัญของทีมชาติเยอรมนีไปอีกหลายปี ก่อนที่จะประกาศอำลาทีมชาติหลังจบการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รวมแล้ว เขารับใช้ทีมชาติเยอรมนีมาอย่างยาวนานถึง 14 ปี ลงเล่นให้ทีมอินทรีเหล็กไปทั้งสิ้น 131 นัด ทำไป 45 ประตูกับอีก 41 แอสซิสต์ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่สามารถทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอในหลายทัวร์นาเมนต์ โดยเขาทำประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ถึง 10 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 19 เกม

สไตล์การเล่นและคุณสมบัติเด่น

สิ่งที่ทำให้ โธมัส มุลเลอร์ แตกต่างจากนักฟุตบอลคนอื่น ๆ คือการเล่นในตำแหน่ง "Raumdeuter" (รอมดอยเตอร์) ซึ่งเป็นภาษาเยอรมันที่แปลว่า "นักสำรวจพื้นที่" สไตล์การเล่นของเขาไม่ได้อาศัยความเร็วหรือทักษะการเลี้ยงบอลที่หวือหวา แต่โดดเด่นด้วยการเคลื่อนที่ไร้บอลที่ชาญฉลาด เขามีความสามารถพิเศษในการหาพื้นที่ว่างในแนวรับของคู่ต่อสู้ ทำให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเพื่อทำประตูหรือส่งบอล

เขายังมีสัญชาตญาณในการทำประตูที่ยอดเยี่ยม มุลเลอร์ มีความจมูกไวอย่างมากในการทำประตู เขาสามารถอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสมเพื่อจบสกอร์ได้จากสถานการณ์ที่หลากหลาย

นอกจากนี้เขายังมีวิสัยทัศน์และการสร้างสรรค์เกมที่สุดยอดมากๆ เพราะนอกจากการทำประตูแล้ว เขายังเป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลได้อย่างแม่นยำและสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างมากมาย จากสถิติที่ออกมาก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาทำไปถึง 281 แอสซิสต์ ตลอดอาชีพการเล่น ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

ไม่เพียงเท่านั้น มุลเลอร์ ยังมีความขยันและ Work Rate ที่สูงมาก เขาเป็นผู้เล่นที่มีความทุ่มเท วิ่งพล่านไปทั่วสนามทั้งในเกมรุกและเกมรับ ช่วยสร้างแรงกดดันและแย่งบอลคืนได้อย่างรวดเร็ว เขายังมีความเป็นผู้นำจากการที่รักษาฟอร์มการเล่นในระดับสูงมาได้ตลอดหลายปี นั่นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้นำทั้งในและนอกสนามของ บาเยิร์น และ ทีมชาติเยอรมนี

โธมัส มุลเลอร์ คือนิยามของนักฟุตบอลที่ครบเครื่องและเป็น "ผู้ชนะ" อย่างแท้จริง ด้วยถ้วยรางวัลรวม 34 รายการ ทำให้เขาเป็นนักฟุตบอลเยอรมันที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ร่วมกับ โทนี่ โครส อดีตกองกลางทีมชาติเยอรมนีอีกราย การเดินทางของเขาจากเด็กปั้นของ บาเยิร์น สู่การเป็นดาวเตะระดับโลกและตำนานของทั้งสโมสรและทีมชาติ ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่มากมาย

หลังจากนี้ต้องมาติดตามกันว่า มุลเลอร์ จะประกาศแขวนสตั๊ดเลยหรือไม่ หรือจะยังเล่นฟุตบอลอาชีพต่อไปอีกสักระยะในช่วงปลายอาชีพของเขา ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าเสียดาย เพราะการจะหานักฟุตบอลที่อยู่กับทีมๆ เดียวตลอดอาชีพ 25 ปี ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ไม่ว่าการตัดสินใจของเขาจะเป็นแบบไหน ชื่อของ โธมัส มุลเลอร์ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลในฐานะหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่างไม่ต้องสงสัย...

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : AFP