
จากผลงานอันร้อนแรงของทีมแม็คลาเรน ยักษ์หลับที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ฤดูกาล 2025 ภายใต้การขับของ 2 นักขับอย่าง ออสการ์ ปิอัสตรี และ แลนโด นอร์ริส ที่ซิ่งทะยานได้อย่างเร้าใจจนสามารถรั้ง 2 อันดับแรกของตารางคะแนนรวมอยู่ในเวลานี้ ในขณะที่การแข่งขันเข้าสู่ช่วง 9 สนามสุดท้าย
เมื่อบทความก่อนหน้านี้เราได้ทำความรู้จักกับ ออสการ์ ปิอัสตรี กันไปแล้ว มาคราวนี้ถึงคิวของ แลนโด นอร์ริส เด็กท้องถิ่นที่ถูกทีมแม็คลาเรน ตั้งความหวังเอาไว้สูงว่าจะเป็นอนาคตใหม่ในการนำพาความสำเร็จกลับมา ไปติดตามกันว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ถึงกลายเป็นนักขับความหวังใหม่ของทีมในตำนานแห่งนี้
ประวัติ แลนโด นอร์ริส
แลนโด นอร์ริส เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999 ที่เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ มีคุณพ่อเป็นคนท้องถิ่น และได้เชื้อสายเบลเยียมมาจากคุณแม่ ในวัยเด็กเขารู้จักกับความเร็วด้วยการเริ่มต้นจากรถโกคาร์ท ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 8 ขวบ
ด้วยความที่เป็นเด็กมีพรสวรรค์และเกิดถูกที่ถูกเวลาในครอบครัวระดับมหาเศรษฐี เพราะคุณพ่อของเขา อดัม นอร์ริส เป็นถึงผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทผลิตสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ชื่อ Pure Electric นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจมากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพอีกด้วย
เมื่อไร้ปัญหาเรื่องเงินสนับสนุน พรสวรรค์ของเด็กน้อยคนนี้ก็เริ่มเปล่งประกายมากขึ้น เขากวาดความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์โกคาร์ทมากมายหลายรายการ ทั้งในประเทศและเดินสายสร้างชื่อทั่วทั้งทวีปยุโรป
ด้วยฝีมือที่เกินตัว ทำให้มีหลายครั้งที่ต้องแบกอายุกับการแข่งขันในสนามที่มีรุ่นพี่โตกว่าเขา 2-3 ปี ร่วมชิงชัย จุดนี้ส่งให้เขากลายเป็นนักขับที่สามารถแบกรับความกดดันได้ดี เพราะแม้จะต้องแข่งกับรุ่นพี่ แต่เขาก็ยังนิ่งพอและสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น รวมไปถึงตำแหน่งแชมป์คาร์ทชิงแชมป์โลกใน เมื่อปี 2013 ด้วยสถิติเป็นนักขับที่มีอายุน้อยที่สุด
สรุปข่าว
จากผลงานอันร้อนแรงของทีมแม็คลาเรน ยักษ์หลับที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน ฤดูกาล 2025 ภายใต้การขับของ 2 นักขับอย่าง ออสการ์ ปิอัสตรี และ แลนโด นอร์ริส ที่ซิ่งทะยานได้อย่างเร้าใจจนสามารถรั้ง 2 อันดับแรกของตารางคะแนนรวมอยู่ในเวลานี้ ในขณะที่การแข่งขันเข้าสู่ช่วง 9 สนามสุดท้าย
เมื่อบทความก่อนหน้านี้เราได้ทำความรู้จักกับ ออสการ์ ปิอัสตรี กันไปแล้ว มาคราวนี้ถึงคิวของ แลนโด นอร์ริส เด็กท้องถิ่นที่ถูกทีมแม็คลาเรน ตั้งความหวังเอาไว้สูงว่าจะเป็นอนาคตใหม่ในการนำพาความสำเร็จกลับมา ไปติดตามกันว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน ถึงกลายเป็นนักขับความหวังใหม่ของทีมในตำนานแห่งนี้
ประวัติ แลนโด นอร์ริส
แลนโด นอร์ริส เกิดเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999 ที่เมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ มีคุณพ่อเป็นคนท้องถิ่น และได้เชื้อสายเบลเยียมมาจากคุณแม่ ในวัยเด็กเขารู้จักกับความเร็วด้วยการเริ่มต้นจากรถโกคาร์ท ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 8 ขวบ
ด้วยความที่เป็นเด็กมีพรสวรรค์และเกิดถูกที่ถูกเวลาในครอบครัวระดับมหาเศรษฐี เพราะคุณพ่อของเขา อดัม นอร์ริส เป็นถึงผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทผลิตสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ชื่อ Pure Electric นอกจากนี้ยังประสบความสำเร็จกับการทำธุรกิจมากมาย แถมยังเป็นนักลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพอีกด้วย
เมื่อไร้ปัญหาเรื่องเงินสนับสนุน พรสวรรค์ของเด็กน้อยคนนี้ก็เริ่มเปล่งประกายมากขึ้น เขากวาดความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์โกคาร์ทมากมายหลายรายการ ทั้งในประเทศและเดินสายสร้างชื่อทั่วทั้งทวีปยุโรป
ด้วยฝีมือที่เกินตัว ทำให้มีหลายครั้งที่ต้องแบกอายุกับการแข่งขันในสนามที่มีรุ่นพี่โตกว่าเขา 2-3 ปี ร่วมชิงชัย จุดนี้ส่งให้เขากลายเป็นนักขับที่สามารถแบกรับความกดดันได้ดี เพราะแม้จะต้องแข่งกับรุ่นพี่ แต่เขาก็ยังนิ่งพอและสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม กวาดแชมป์เป็นว่าเล่น รวมไปถึงตำแหน่งแชมป์คาร์ทชิงแชมป์โลกใน เมื่อปี 2013 ด้วยสถิติเป็นนักขับที่มีอายุน้อยที่สุด
แลนโด นอร์ริส กับการเข้าแข่งขันระดับ FORMULA
เข้าสู่ปี 2015 ถึงเวลาที่ นอร์ริส จะต้องออกไปหาความท้าทายในระดับที่สูงขึ้น หลังประสบความสำเร็จกับการคว้าแชมป์ Karting World Championship เขาได้โอกาสเข้าแข่งขันในเวทีฟอร์มูล่า ครั้่งแรก และก็ไม่พลาดที่จะคว้าแชมป์ MSA Formula Championship ในระดับ FORMULA4
ถัดมาในปี 2017 นอร์ริส ขยับขึ้นไปคว้าแชมป์ในระดับ FORMULA3 ส่งผลให้เขาสร้างชื่ออีกครั้งและได้รับรางวัลนักขับดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งสหราชอาณาจักร จากการคัดเลือกของนิตยสารมอเตอร์สปอร์ต ชื่อดังในประเทศ ทั้ง McLaren, Autosport รวมถึง British Racing Drivers' Club
ทีมแม็คลาเรน ดึงตัว แลนโด นอร์ริส เข้าร่วมทีม
ด้วยผลงานและชื่อเสียงที่สร้างขึ้นจนคนในวงการเริ่มจับตามอง สุดท้ายแม็คลาเรน ในฐานะที่เป็นทีมสัญชาติอังกฤษ ตัดสินใจเซ็นสัญญาคว้าตัวเด็กท้องถิ่นรายนี้มาร่วมชายคา โดยเริ่มต้นจากการเข้าร่วมในโครงการ McLaren Young Driver Programme และให้โอกาสทดสอบขับ F1 ในฐานะนักขับสำรอง ก่อนจะส่งลงไปชิงชัยในเวที FORMULA2 ซึ่งเจ้าตัวก็คว้าตำแหน่งรองแชมป์มาครองได้ โดยแพ้ให้กับแชมป์ในปี 2018 อย่าง จอร์จ รัซเซลล์
เข้าสู่ปี 2019 ถึงเวลาที่ นอร์ริส จะขยับไปสู่รุ่นใหญ่ที่สุดอย่างศึก FORMULA1 แม้จะอายุเพียงแค่ 19 ปี แต่ด้วยความสามารถของเขาก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาแล้วว่านี่คือเด็กหนุ่มอนาคตไกลที่ต้องให้เวทีเก็บประสบการณ์ โดยเขาได้เพื่อนร่วมทีมอย่าง คาร์ลอส ไซน์ซ รุ่นพี่ที่วัยใกล้เคียงกันที่เพิ่งแยกทางกับ เรนโนว ทีมเอฟวัน เข้ามาผนึกกำลัง
แลนโด นอร์ริส เก็บคะแนนแรกในเวที F1
การก้าวขึ้นไปในเวที F1 นอร์ริส ตอกย้ำว่าทีมคิดถูกด้วยการทำเวลาในรอบควอลิฟาย ได้ออกสตาร์ทในกริดที่ 8 ตั้งแต่สนามเปิดฤดูกาลในศึกออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ แม้ว่าสุดท้ายจะจบด้วยการไม่มีแต้มติดมือ แต่ในสนามที่2 เขาก็ปลดล็อกคะแนนแรกได้ทันทีกับการจบที่6 ในศึกบาห์เรน กรังด์ปรีซ์ บทสรุปฤดูกาลแรกใน FORMULA1 เขาคว้าอันดับที่ 11 มาครอง ด้วยการทำไป 49 คะแนน ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆกับการขับในฐานะรุกกี้
แลนโด นอร์ริส ขึ้นโพเดียม F1 ครั้งแรกในชีวิต
เข้าสู่ปี 2020 หลังจากที่ได้ประสบการณ์มา 1 ซีซั่นเต็ม เขาออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรงตั้งแต่สนามแรก ด้วยการคว้าอันดับ3 ขึ้นโพเดียมครั้งแรกในชีวิต ทำสถิติกลายเป็นนักขับชาวอังกฤษอายุน้อยที่สุดที่ได้ขึ้นโพเดียมในระดับ F1 ก่อนที่ฤดูกาลนั้นเขาจะจบการแข่งขันด้วยอันดับที่9 และเก็บแต้มไปได้ถึง 97 คะแนน นับเป็นผลงานที่พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน
แลนโด นอร์ริส คว้าตำแหน่งโพลโพซิชั่นครั้งแรก
ถัดมาในฤดูกาล 2021 นอร์ริส สลับมาจับคู่กับเพื่อนร่วมทีมคนใหม่อย่าง แดเนียล ริคคาร์โด้ ซึ่งเขาก็ยังยกระดับตัวเองขึ้นเรื่อยๆ และสามารถคว้าตำแหน่งโพลโพซิชั่นได้เป็นครั้งแรกบนเวทีระดับ F1 กับศึกรัสเซียน กรังด์ปรีซ์
แต่น่าเสียดายที่สนามดังกล่าวเกิดฝนตกลงมาระหว่างแข่งขัน ซึ่งเขาตัดสินใจเปลี่ยนยางช้าเกินไป ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เลยกลายเป็นโดน ลูอิส แฮร์มิลตัน แย่งชัยชนะไปในที่สุด จบฤดูกาลนั้นเขาคว้าอันดับที่6 จากการทำได้ 3 โพเดียม และเก็บไปถึง 160 คะแนน ช่วยให้ทีมจบอันดับ 4 ในฐานะผู้ผลิต
ปี 2022 นอร์ริส ยังคงรักษาความสม่ำเสมอของตัวเองได้ดี แม้จะไม่หวือหวาหากเทียบกับฤดกาลที่ผ่านมา กับการได้มา 1 โพเดียม แต่เขาก็ยังสามารถจบเลขตัวเดียวได้อีกถึง 12 สนาม จบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ 7 ส่วนภาพรวมของทีมดร็อปลง ตกไปอันดับ5 ในฐานะทีมผู้ผลิต เป็นรองทีมอัลพีน ที่แซงไปคว้าอันดับที่4 ส่วนแชมป์เป็นของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ที่ป้องกันตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ได้เป็นปีที่2 ติดต่อกัน
กำเนิดทีมเมท แลนโด นอร์ริส กับ ออสการ์ ปิอัสตรี
เข้าสู่ปี 2023 ถึงเวลาที่ทีมยักษ์หลับอย่าง แม็คลาเรน เริ่มถูกปลุกให้ตื่น จากการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งหัวหน้าทีมคนใหม่ที่ได้ อันเดรีย สเตลล่า เข้ามาดูแลภาพรวม ก่อนที่พวกเขาจะไปดึงตัว ออสการ์ ปิอัสตรี อีกหนึ่งยอดฝีมือแห่งยุคชาวออสเตรเลีย ที่ฤดูกาลก่อนเป็นตัวสำรองในทีมอัลพีน เข้ามาผนึกกำลังกับ แลนโด นอร์ริส ที่ประสบการณ์ความเขี้ยวเริ่มเข้าที่
กลายเป็นว่ารถ MCL60 ของทีมแม็คลาเรน ที่จากเริ่มต้นดูเหมือนจะยังไม่เข้าที่ ก่อนจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมพัฒนาจนเริ่มส่งเสียงคำรามไปทั่วสนามด้วยผลงานที่ทำได้อย่างร้อนแรง โดยเฉพาะฟอร์มของ นอร์ริส ที่ขึ้นโพเดียมไปได้ถึง 5 ครั้ง แถมเป็นการคว้าอันดับที่2 ได้ถึง 4 สนาม จบฤดูกาลด้วยอันดับ6 มี 205 คะแนน
ในขณะที่ ออสการ์ ปิอัสตรี ที่มาขับให้ทีมปีแรก จบการแข่งขันด้วยอันดับที่ 9 เก็บไป 97 คะแนน ส่วนผลงานทีมผู้ผลิตกลับมาจบอันดับ4 ของตาราง และแชมป์ก็ยังคงเป็นของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน จากทีมเร้ดบูล เรซซิ่ง ที่ทำได้ 3 สมัยติดต่อกัน
เดินทางเข้าสู่ปี 2024 ทีมแม็คลาเรน ทิ้งไพ่เด็ดด้วยการไปดึงตัว ร็อบ มาร์แชลล์ วิศวกรมากฝีมือที่ย้ายข้ามฟากเข้ามาจากทีมแชมป์เก่าอย่าง เร้ดบูลล์ เรซซิ่ง มาลบจุดอ่อนของรถและพัฒนาสู่การเป็นแชมป์ เพื่อปลุกยักษ์ตนนี้ให้ตื่นเต็มตัวอีกครั้ง
และเพียงไม่นาน ทีมแม็คลาเรน ก็ยกระดับผลงานได้อย่างก้าวกระโดด จากทีมที่แข่งได้แค่ในระดับกลางตาราง กลับขึ้นมาเป็นทีมที่พร้อมแย่งชิงบัลลังก์ ทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ด้วยศักยภาพที่มีพร้อมรอบด้านทั้งคนและรถ
แลนโด นอร์ริส คว้าชัยชนะครั้งแรกใน F1
แลนโด นอร์ริส กับ ออสการ์ ปิอัสตรี ต่างงัดฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของตัวเองออกมา นอร์ริส สามารถประเดิมคว้าชัยชนะ F1 ครั้งแรกของตัวเองในการแข่งขันสนามที่6 กับศึกไมอามี่ กรังด์ปรีซ์ และคว้าชัยชนะได้อีกครั้งในศึกดัตช์ กรังด์ปรีซ์ รวมแล้วเขาเก็บไป 10 โพเดียม มี 374 คะแนน จบการแข่งขันด้วยการคว้ารองแชมป์โลก เป็นรองแค่ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ที่โกยไปได้ 437 คะแนน
ส่วนเพื่อนร่วมทีมอย่าง ปิอัสตรี ก็ทำผลงานโดดเด่นไม่แพ้กัน คว้าชัยชนะไปได้ 2 สนาม รวม 6 โพเดียม เก็บไป 292 คะแนน จบอันดับ4 แต่ที่สำคัญจากผลงานอันยอดเยี่ยมของทั้งสองคน แม้ว่าจะยังไปไม่ถึงแชมป์ในประเภทนักขับที่ตกเป็นของ แม็กซ์ เป็นปีที่4 ติดต่อกัน แต่ภาพรวมก็ดีพอที่จะส่งให้ทีมแม็คลาเรน คว้าแชมป์โลกในประเภททีมผู้ผลิตมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ นับเป็นการกลับมาคว้าแชมป์ในรอบ 26 ปีเลยทีเดียว และยังเป็นการประกาศศักดาว่าพวกเขากลับมาแล้ว!
ศึก FORMULA1 เดินทางมาถึงฤดูกาล 2025 ถึงเวลาที่บัลลังก์ของ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ต้องสั่นสะเทือน เพราะทีมแม็คลาเรน เริ่มต้นได้อย่างเร้าใจตั้งแต่สนามแรก แลนโด นอร์ริส คว้าตำแหน่งโพลฯและผงาดคว้าชัยชนะทันทีตั้งแต่สนามแรกในออสเตรเลีย จากนั้นก็สลับกับคว้าชัยชนะและขึ้นโพเดียมกับเพื่อนร่วมทีมกันเป็นว่าเล่น
ณ เวลานี้ การแข่งขันเหลืออีก 9 สนามสุดท้าย ออสการ์ ปิอัสตรี เป็นผู้นำด้วยผลงาน 7 ชัยชนะ กับอีก 6 โพเดียม เก็บไป 309 คะแนน ส่วน แลนโด นอร์ริส ตามมาในอันดับ2 ด้วยผลงาน 5 ชัยชนะ กับอีก 7 โพเดียม มี 275 คะแนน ในขณะที่ประเภททีมผู้ผลิตก็นำโด่งด้วยการมี 584 คะแนน ห่างจากอันดับ2 อย่างเฟอร์รารี่ ที่ได้ไป 260 คะแนน
เป็นอีก 1 ปีทองของทีมแม็คลาเรน ที่จะรักษาบัลลังก์ในฐานะแชมป์ประเภททีมผู้ผลิต และกำลังจะเข้าใกล้อีกความสำเร็จกับการคว้าแมป์โฃกในประเภทนักขับ ที่กลายเป็นศึกในมุ้งของ 2 นักขับจากทีมเดียวกัน ด้วยช่องว่าง 34 คะแนน อะไรก็ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในวงการ F1 ช่วงเวลาจากนี้อีก 9 สนามสุดท้ายจะเป็นบทพิสูจน์ทีมเมททั้งสองคน ว่าสุดท้ายแล้วใครจะนิ่งและดีพอกับการคว้าแชมป์โลกมาครอง
ที่มาข้อมูล : F1 Thailand Fanclub,wikipedia
ที่มารูปภาพ : AFP
