
แอนโธนี ฮัดสัน หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ ให้สัมภาษณ์ หลังการประกาศรายชื่อ 23 นักฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดทำการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ พบกับ สิงคโปร์ และ ทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 5 พบกับ ศรีลังกา ในวันที่ 13 และ 18 พฤศจิกายน 2568 ถ่ายทอดสดทางแอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์นาว
"อย่างที่ทราบกันดี ว่าเป็นช่วงเวลาทีท้าทาย เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวผมรู้สึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในการประกาศรายชื่อครั้งนี้ เพราะอาจจะมีผู้เล่นบางคนที่ไม่ได้มีชื่อในแคมป์นี้ ผมก็ได้ติดตามผู้เล่นหลายคนทั้งในลีกและบอลถ้วย ทุกคนต่างก็มีความสำคัญในการรับใช้ชาติครั้งต่อๆไป"
"อยากพูดถึงนักกีฬาบางคนที่ไม่มีชื่อในครั้งนี้ รายแรกคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เป็นนักฟุตบอลที่ความสามารถสูง เราได้พูดคุยกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งตัวนักกีฬามีอาการบาดเจ็บ ก็คิดว่าอาจจะเร็วเกินไปในการเรียกติดทีมครั้งนี้ อยากจะขอบคุณบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนตัวโค้ช ก็มีการพูดคุยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้รับการสนับสนุน ให้ข้อมูลที่เป็นเชิงบวก สำหรับตัวผมและนักกีฬา"
สรุปข่าว
แอนโธนี ฮัดสัน หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่ ให้สัมภาษณ์ หลังการประกาศรายชื่อ 23 นักฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดทำการแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่องตามปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ พบกับ สิงคโปร์ และ ทำการแข่งขันฟุตบอล เอเชียน คัพ 2027 รอบคัดเลือก นัดที่ 5 พบกับ ศรีลังกา ในวันที่ 13 และ 18 พฤศจิกายน 2568 ถ่ายทอดสดทางแอปพลิเคชัน ทรูวิชั่นส์นาว
"อย่างที่ทราบกันดี ว่าเป็นช่วงเวลาทีท้าทาย เพราะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวผมรู้สึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากในการประกาศรายชื่อครั้งนี้ เพราะอาจจะมีผู้เล่นบางคนที่ไม่ได้มีชื่อในแคมป์นี้ ผมก็ได้ติดตามผู้เล่นหลายคนทั้งในลีกและบอลถ้วย ทุกคนต่างก็มีความสำคัญในการรับใช้ชาติครั้งต่อๆไป"
"อยากพูดถึงนักกีฬาบางคนที่ไม่มีชื่อในครั้งนี้ รายแรกคือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา เป็นนักฟุตบอลที่ความสามารถสูง เราได้พูดคุยกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งตัวนักกีฬามีอาการบาดเจ็บ ก็คิดว่าอาจจะเร็วเกินไปในการเรียกติดทีมครั้งนี้ อยากจะขอบคุณบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนตัวโค้ช ก็มีการพูดคุยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้รับการสนับสนุน ให้ข้อมูลที่เป็นเชิงบวก สำหรับตัวผมและนักกีฬา"
"ส่วนอีกรายก็คือ โจนาธาร เข็มดี ตัวเขาก็มีชื่ออยู่ในลิสต์ แต่เนื่องด้วยปัญหาเอกสารพาสปอร์ตที่ต้องเดินทางกลับบ้านเกิด ตัวผมก็ตกลงกับนักกีฬาว่าช่วงเวลานี้น่าจะเหมาะสมที่สุดในการกลับไปทำเอกสารให้เรียบร้อย ก็คาดหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกครั้ง"
"ผมอยากพูดถึง จู๊ด ซุ่นทรัพย์ เบลล์ เป็นพิเศษ ในฐานะที่เคยได้ทำงานในฐานะผู้อำนวยการเทคนิค ก็มีประสบการณ์ในหลายช่วงอายุกับทีมชาติไทย และทำงานกับชาติต่างๆ ผมคิดว่าสิ่งสำคัญในเคสนี้ ในการพัฒนาขุมกำลังเชิงลึก และทำให้ทีมมีความหลากหลายในการเลือกนักกีฬามากขึ้นหลังจากนี้ ตัวผมก็พยายามเข้าถึง ในกระบวนการนี้ เพื่อพัฒนาคุณภาพของขุมกำลังในอนาคต ส่วนตัวผู้เล่นในประเทศก็ยังมีส่วนสำคัญ ก็พยายามติดตามในการทำงานหลังจากนี้เป็นต้นไป"
"อยากจะพูดถึงแฟนบอล ถึงปัญหาในช่วงก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความลับที่ต้องปกปิดอะไร สำหรับ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีข่าวออกมามากมาย ผมก็เข้าใจและเคารพการตัดสินใจ ความรู้สึกของแฟนบอลทุกท่าน ผมก็เข้าใจในมุมมองของแฟนบอล ที่รักและแคร์ในทีมชาติไทยของทุกคน"
"ตัวผมก็ไม่ได้ขอร้องให้มาซัพพอร์ตหรือเห็นด้วยในมุมมองของผม แต่อยากให้แฟนบอลสนับสนุนนักฟุตบอลทีมชาติไทย เพราะเป้าหมายของเราคือการเข้ารอบเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย หลังจากที่ทำได้ ผมจะพยายามสร้างความประทับใจให้กับทุกคน อยากให้ทุกคนภาคภูมิใจในชาติของเรา"
"สามเกมหลังจากนี้เป็นเกมที่ค่อนข้างซับซ้อน มีความแตกต่างในเรื่องคู่ต่อสู้ ถ้ามีเวลาเตรียมทีมมากพอ ด้วยคุณภาพของนักกีฬา ผมมั่นใจว่าเป้าหมายของเราคือการเข้ารอบต่อไปของเอเชียน คัพ ก่อนหน้านี้ตัวผมมีประสบการณ์เป็นผู้อำนวยการเทคนิคและประสบการณ์ในการทำงานกับทีมชาติต่างๆ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือการพัฒนาขุมกำลังทั้งเชิงลึกที่จะสร้างการแข่งขันในชาติ และในแคมป์ ไม่ใช่แค่ตัวผู้เล่น แต่ทำให้ตัวผมตัดสินใจได้มากขึ้นด้วย"
"โดยเฉพาะการสร้างบรรยากาศการแข่งขันภายในแคมป์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาให้ดีขึ้นมากกว่าเดิม นี่คือเหตุผลที่ผมพยายามติดตามนักเตะเหล่านี้ เพราะนักกีฬาเหล่านี้มีศักยภาพที่จะทำให้ทีมชาติไทย ไปในทิศทางที่ดีขึ้น และข้อสำคัญต่อมา การเรียกนักกีฬาแต่ละครั้ง อิงจากแคแรคเตอร์ และสไตล์การเล่นที่ตอบสนองกับตัวผม รวมถึงการให้ข้อมูลของผมภายในแคมป์"
"จากนักกีฬาชุดเดิมก็มีคุณภาพและศักยภาพ การได้ จู๊ด เบลล์ มาในครั้งนี้ ไม่ได้รับใช้ชาติอย่างเดียว อยากให้ จู๊ด เข้ามาสอดแทรก และยกระดับคุณภาพของทีมชาติไทย"
"สำหรับเคส วีระเทพ เป็นเคสที่ตัดสินใจได้ยากลำบากมากๆ ฟอร์มการเล่นของวีระเทพ ก็แสดงให้เห็นว่ามีความสามารถ ทัศนคติที่ดีเยี่ยม รวมถึงความดุดันในการเล่น ก็ทำให้ตัวผมตัดสินใจได้ยากลำบาก แน่นอนว่าในอนาคต วีระเทพ จะมีชื่อและเป็นส่วนร่วมในครั้งต่อๆไป แต่ในฟีฟ่า เดย์ รอบนี้ ผมก็ขอเปลี่ยนแปลงสไตล์การเล่น ในแผงมิดฟิลด์ แต่วีระเทพ คือนักกีฬาที่ดีมากๆ"
"เรามีผู้เล่นในตำแหน่งแบ็คทั้งหมด 3 คน และในรายของนิโคลัส มิคเกลสัน ก็สามารถเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ถ้ามีเหตุฉุกเฉิน ซึ่งผมก็หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้น คิดว่าธีราทร ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเล่นในตำแหน่งแบ็คซ้าย ผมก็ได้มีการเตรียมคำถามในเรื่องของการเรียกนักกีฬาซีเนียร์กลับมาติดทีมชาติไทย"
"ผมมีความเชื่อว่าอย่าง ธีราทร เป็นกองกลางที่ดีที่สุดในประเทศไทยคนหนึ่ง และที่ทุกคนทราบจากฟอร์มการเล่นในตำแหน่งกองกลาง ส่วนที่ผมประทับใจก็คือการครอบครองบอล มีความสุขุม มีความสามารถในการเอาบอลไปข้างหน้า เอาชนะไลน์คู่ต่อสู้ สร้างโอกาสเอาบอลไปในพื้นที่สุดท้ายอยู่เสมอ"
"การเรียกนักกีฬาซีเนียร์ มีเหตุผลหลักๆประมาณ 3 ข้อ ข้อแรกก็คือตัวธีรศิลป์ อย่างที่ทุกคนเห็นฟอร์มการเล่น ในลีกหรือเอฟเอ คัพ ค่าเฉลี่ยแทบจะมีประตูทุกเกม ธีรศิลป์ จะมีส่วนช่วยสำคัญในการช่วยเก็บชัยชนะได้ ยกตัวอย่างหากมีสถานการณ์คับขัน ต้องฝากบอลไว้ที่ใครสักคนในแดนสุดท้ายช่วงท้ายเกม ถ้าคนนั้นคือ ธีรศิลป์ ผมก็รู้สึกสบายใจ"
"ขณะที่ ธีราทร และ สารัช ก็มีสไตล์ในตำแหน่งกองกลางที่แตกต่างกัน มีประสบการณ์ ในเรื่องของธีราทรก็ได้พูดไปแล้ว ขณะที่สารัช สไตล์การเล่นและฟอร์มการเล่นในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังคงเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในประเทศไทยคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่นักกีฬาที่เชื่อมแดนหลังกับแดนกลาง หรือแดนกลางไปสู่แดนบนอย่างเดียว แต่ตัวสารัช เป็นคนที่มีระเบียบวินัย เข้าใจแทคติกที่ผมอยากจะใส่เข้าไปได้ดีเยี่ยม และมีความรับผิดชอบ"
"และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุดสำหรับผม ตั้งแต่ผมทำหน้าที่เป็นโค้ชตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แนวทางที่ผมอยากจะทำและทำมาตลอด คือการผลักดันนักกีฬาดาวรุ่งมาเรื่อยๆหลังจากนี้ในอนาคต ผมเข้าใจมุมมองทุกคน ว่าควรจะมีการสอดแทรกเยาวชน เพื่อต่อยอดไปสู่อนาคต แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกครั้ง เมื่อนำนักกีฬาดาวรุ่งเข้ามาในแคมป์ทีมชาติไทย เราจำเป็นต้องมีนักกีฬาที่มีประสบการณ์สูง เพื่อสนับสนุนผู้เล่นเยาวชนเพื่อก้าวมาเล่นในทีมชาติไทยชุดใหญ่"
"ในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะเกมเยือน เรื่องวัฒนธรรม สภาพอากาศ และสิ่งรอบข้าง รวมถึงแรงกดดัน นักกีฬาที่มีประสบการณ์ เมื่อเจอกับ สถานการณ์ที่แตกต่างออกไป นักกีฬาเหล่านี้จะเป็นส่วนสำคัญ เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักกีฬาเยาวชนที่จะก้าวขึ้นมาสู่ทีมชาติชุดใหญ่ ในอนาคต เพื่อรับมือสถานการณ์เหล่านี้ ในช่วงเวลาเหล่านี้ที่มีแรงกดดันมากมาย ทั้งเกมเยือนหรือเกมที่รับมือค่อนข้างยาก หรือบางเกมที่ต้องเปลี่ยนดาวรุ่งลงไป นักกีฬาซีเนียร์จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับดาวรุ่ง ว่ามีวิธีการรับมืออย่างไร เตรียมตัวสภาพร่างกายและสภาพจิตใจอย่างไร"
"เรามีเวลาค่อนข้างน้อย อย่างเกมกับสิงคโปร์ ที่มีเวลาแค่ 2-3 วันในการซ้อมหรืออยู่ร่วมกัน สิ่งที่ผมจะพยายามทำ คือพัฒนาในทุกภาคส่วนของทีมชาติ เพื่อให้เดินไปข้างหน้า อิงจากโปรไฟล์ และความสามารถของผู้เล่นของคนไทยที่เรามี ผมก็อยากใช้ระบบกองหลัง 4 คน"
"ถ้าย้อนไปถึงตอนที่ผมทำงานกับ บีจี เหตุผลที่ผมปรับเปลี่ยนระบบเป็นกองหลัง 3 คน เป็นเพราะว่ามีนักกีฬาบาดเจ็บ และตอนนั้นทีมก็มีกองหลังที่มีคุณภาพค่อนข้างเยอะ นั่นคือเหตุผลที่ผมวางระบบกองหลัง 3 คน เวลานั้น ณ ตอนนี้ ทีมงานสตาฟโค้ชก็มีความพร้อม แต่หลังจบเบรคทีมชาติรอบนี้ อาจจะมีตำแหน่งที่จะต้องเสริมเพิ่มเติม 2-3 ตำแหน่ง แต่ตอนนี้ถือว่าครบและเพียบพร้อม"
ที่มาข้อมูล : FA Thailand
ที่มารูปภาพ : FA Thailand
