
นับเป็นฤดูกาลที่แฟนๆ "หมาป่าแห่งกรุงโรม" อาแอส โรม่า กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังทีมทำผลงานติดลมบน ออกสตาร์ทฤดูกาล 2025-26 ได้อย่างร้อนแรง โดยเวลานี้พวกเขาครองบัลลังก์จ่าฝูงของศึกกัลโช่ เซเรีย อา แต่เพียงผู้เดียว หลังผ่านไป 12 นัด
จริงอยู่ที่ว่าการแข่งขันเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึง 1 ใน 3 ของฤดูกาล และยังคงมีหนทางอีกยาวไกลหากหวังประสบความสำเร็จ แต่ในมุมของ โรม่า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรอบหลายปี เพราะที่ผ่านๆมาเมื่อการแข่งขันมาถึงตรงนี้ ทีมก็ออกลูกสะเปะสะปะ เล่นแบบไร้ความสม่ำเสมอ
แม้อาจจะไม่ต้องดิ้นรนในโซนท้ายตาราง แต่มันก็ดีไม่สุดกับการที่จะขอไต่ระดับไปลุ้นแชมป์ลีกกับทีมอื่นๆเขา จึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่พวกเขาจะวาดฝันกับช่วงเวลาอันสวยงามของทีม ณ เวลานี้
ยิ่งในช่วงที่ทีมหมดยุคของ ฟรานเชสโก ต็อตติ และ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ก็แทบจะไม่มีเรื่องไหนให้พอจะภาคภูมิใจได้เลยในช่วงระยะหลัง จะมีก็แต่การได้แชมป์บอลถ้วยในประเทศอย่าง โคปปา อิตาเลีย เมื่อปี 2008 จากนั้นก็เว้นวรรคนานถึง 14 ปีเต็ม ก่อนจะมาได้แชมป์บอลถ้วยเล็กของยุโรปอย่าง ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก เมื่อปี 2022 ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่
สรุปข่าว
นับเป็นฤดูกาลที่แฟนๆ "หมาป่าแห่งกรุงโรม" อาแอส โรม่า กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังทีมทำผลงานติดลมบน ออกสตาร์ทฤดูกาล 2025-26 ได้อย่างร้อนแรง โดยเวลานี้พวกเขาครองบัลลังก์จ่าฝูงของศึกกัลโช่ เซเรีย อา แต่เพียงผู้เดียว หลังผ่านไป 12 นัด
จริงอยู่ที่ว่าการแข่งขันเพิ่งจะผ่านไปไม่ถึง 1 ใน 3 ของฤดูกาล และยังคงมีหนทางอีกยาวไกลหากหวังประสบความสำเร็จ แต่ในมุมของ โรม่า นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรอบหลายปี เพราะที่ผ่านๆมาเมื่อการแข่งขันมาถึงตรงนี้ ทีมก็ออกลูกสะเปะสะปะ เล่นแบบไร้ความสม่ำเสมอ
แม้อาจจะไม่ต้องดิ้นรนในโซนท้ายตาราง แต่มันก็ดีไม่สุดกับการที่จะขอไต่ระดับไปลุ้นแชมป์ลีกกับทีมอื่นๆเขา จึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่พวกเขาจะวาดฝันกับช่วงเวลาอันสวยงามของทีม ณ เวลานี้
ยิ่งในช่วงที่ทีมหมดยุคของ ฟรานเชสโก ต็อตติ และ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ก็แทบจะไม่มีเรื่องไหนให้พอจะภาคภูมิใจได้เลยในช่วงระยะหลัง จะมีก็แต่การได้แชมป์บอลถ้วยในประเทศอย่าง โคปปา อิตาเลีย เมื่อปี 2008 จากนั้นก็เว้นวรรคนานถึง 14 ปีเต็ม ก่อนจะมาได้แชมป์บอลถ้วยเล็กของยุโรปอย่าง ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ลีก เมื่อปี 2022 ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ่ มูรินโญ่
ส่วนความฝันสูงสุดที่จะไปให้ถึงแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ไม่ต้องพูดถึง มันดูไกลเกินจะเอื้อม และสโมสรก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิด ทำได้เพียงแค่มองทีมคู่แข่งประสบความสำเร็จไปฤดูกาลแล้ว ฤดูกาลเล่า แม้แต่ นาโปลี ที่ไม่เคยสัมผัสแชมป์ลีกนานถึง 33 ปี พวกเขายังกลับมาทวงบัลลังก์ได้สำเร็จ แถมในฤดกาล 2023-24 ยังสามารถผงาดครองแชมป์ได้อีก 1 สมัย
ที่บอกว่าไม่กล้าแม้แต่จะฝัน เพราะภายในสโมสรเต็มไปด้วยปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการบริหารทีมของกลุ่มทุนฟรีดกิ้น ที่ครั้งหนึ่งเคยถูก เคลาดิโอ รานิเอรี่ อดีตกุนซือของทีมออกโรงตำหนิว่าบริหารงานผิดพลาด ดีแต่ทุ่มเงินลงไปเพื่อไล่ล่าความสำเร็จ เพราะเขามองว่าเงินไม่ใช่ทุกอย่างของการทำทีมฟุตบอล หลังตัดสินใจปลด เด รอสซี่ ออกจากตำแหน่ง หลังเพิ่งจะคุมทีมไปได้ 4 นัด ทั้งๆที่ตอนนั้นมอบสัญญานานถึง 3 ปี กับการเข้ามาทำทีมแทน โชเซ่ มูรินโญ่ ที่โดนปลดออกไป
จากนั้นก็ทำการแต่งตั้ง อีวาน ยูริช แต่ไม่นานก็มีอันต้องแยกย้ายกันไปอีก ก่อนจะตัดสินใจไปดึง เคลาดิโอ รานิเอรี่ เข้ามาขัดตาทัพจนจบฤดูกาล และก็ถึงการมาของ จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ ที่แยกทางกับ อตาลันต้า หลังคุมทีมมายาวนานถึง 9 ปีเต็ม สร้างผลงานพาทีมเล่นได้อย่างเร้าใจพร้อมประสบความสำเร็จกับการได้แชมป์ยูโรป้าลีก ในฤดูกาล 2023/24
ในวัย 67 ปี ของ จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ ไม่มีใครตั้งคำถามในเรื่องฝีมือการทำทีม เพราะผลงานของเขาชัดเจนตั้งแต่ที่อตาลันต้า แต่เครื่องหมายคำถามเดียวคือทีมยักษ์หลับอย่าง โรม่า จะตอบสนองได้ดีขนาดไหน เพราะไม่ว่าจะกี่คนที่เข้ามา ทำท่าเหมือนจะดี สุดท้ายก็ว่างเปล่า
แต่แล้วหลังจากออกสตาร์ทฤดูกาล 2025-26 โรม่า เริ่มต้นได้อย่างเร้าใจกับการเดินหน้าเก็บชัยชนะ 2 นัดติดต่อกัน ซึ่งก็ยังคงมีคำครหาว่าอาจจะเป็นช่วงโปรโมชั่น เพราะ 6 แต้มเต็มที่ได้มาจากการเปิดบ้านชนะ โบโลญญ่า 1-0 และบุกเชือด ปิซ่า ด้วยสกอร์เดียวกัน แต่ในเกมที่ 3 กลับโดน โตริโน่ บุกมายัดเยียดความปราชัยถึงถิ่น 0-1
แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินหน้าเก็บชัยชนะในลีก 3 นัดรวด แม้จะมีสะดุดอยู่บ้าง แต่ภาพรวมก็ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถพาตัวเองเกาะกลุ่มหัวตารางที่แต่ละทีมต่างก็มีสะดุดให้เห็นเป็นระยะๆ
จนกระทั่งเมื่อการแข่งขันดำเนินผ่านไป 12 นัด อาแอส โรม่า ผงาดขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางแต่เพียงผู้เดียว ด้วยการมีแต้มนำ เอซี มิลาน รองจ่าฝูง และ อันดับ3 อย่าง นาโปลี ที่เป็นแชมป์เก่าอยู่ 2 คะแนน
นับเป็นการเข้าใกล้ความฝันกับการสัมผัสแชมป์ลีกมากที่สุด นับตั้งแต่ที่พวกเขาเคยชูถ้วยแชมป์สคูเด็ตโต้ ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2001 ภายใต้การคุมทัพของ ฟาบิโอ คาเปลโล นับเป็นระยะเวลาร่วมๆ 25 ปีเต็ม ที่พวกเขาห่างหายจากบัลลังก์ และไม่เคยเข้าใกล้มันอีกเลยจนกระทั่งในฤดูกาลนี้
การมาของ จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ คือจุดเปลี่ยนสำคัญของสโมสรที่เข้ามาปลุกหมาป่าตัวนี้ให้ตื่นจากหลับไหล เขาผสมผสานนักเตะตัวเก๋าในทีมกับบรรดาดาวรุ่งฝีเท้าดีให้เขากันได้อย่างลงตัวในทุกตำแหน่ง
แนวรุกของพวกเขามีตัวเก๋าอย่าง เปาโล ดิบาล่า และ ลอเรนโซ่ เปลเลกรินี่ คอยซัพพอร์ตเรื่องขวัญกำลังใจทีมทั้งในและนอกสนาม บวกด้วยความยอดเยี่ยมของ มาติอัส ซูเล่ อดีตดาวรุ่งของยูเวนตุสที่ฟอร์มกำลังเข้าฝัก เช่นเดียวกับ ทอมมาโซ บัลดันซี ที่จี๊ดจ๊าดโดนใจ
ขณะที่ตรงกลางก็มี มานู โคเน่ กับ ไบรอัน คริสตันเต้ คอยเป็นพลังงานขับเคลื่อน วิงแบ็กสองฝั่งก็พร้อมใส่สุดทั้ง เวสลี่ย์ ฟรังก้า ที่ทุ่มซื้อมาจาก ฟลาเมงโก้ ด้วยค่าตัว 30 ล้านยูโร ก็แทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย รวมถึง เซกี้ เซลิค ที่ขึ้นสุด-ลงสุดทางฝั่งขวา
ส่วนแนวรับอันแข็งแกร่งดั่งปราการเหล็กที่มีทั้ง จานลูก้า มันชินี่ เป็นหัวใจสำคัญ รวมถึง เอวาน เอ็นดิกกา กับ มาริโอ เอร์โมโซ่ และที่ขาดไม่ได้คือนายทวารอย่าง มิเล สวิลาร์ ที่โชว์ฟอร์มได้สมราคากับรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของศึกกัลโช่ เซเรีย อา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ด้วยขุมกำลังข้างต้น เกมรุกก็จัดว่าเด็ดดวงกับการพาทีมคว้าชัยชนะ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเกมรับที่เหนียวแน่น ซึ่งจะนำพาทีมไปสู่การเป็นแชมป์ โรม่าชุดนี้มีครบองค์ประกอบ ไม่แปลกใจที่จนถึงเวลานี้พวกเขาเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในลีก โดนยิงไปแค่ 6 ลูกเท่านั้น
แถมยังอยู่ภายใต้การคุมทัพของ จาน ปิเอโร่ กาสเปรินี่ กุนซือผู้มากประสบการณ์ ยิ่งทำให้พวกเขากล้าฝันไกลถึงการคว้าแชมป์ลีก ไม่แปลกใจที่เจ้าตัวจะออกมาพูดหลังพาทีมขึ้นรั้งตำแหน่งจ่าฝูง ด้วยใจความว่า
"จากนี้เราต้องเล่นต่อไปในแบบที่เราทำกันมา ผมเคยบอกไปแล้วว่าไม่มีอะไรผิดกับการที่จะฝันเมื่อเราทุกคนทำมันได้ดี แต่แค่รู้สึกว่าความฝันมันมักจะไม่เป็นจริง มันดีมากๆที่ได้สัมผัสกับความฝันนี้และเราจะสนุกกับมันให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราแค่แสร้งทำเป็นตื่นแล้วหลับให้นานขึ้นอีกหน่อย แบบนั้นความฝันมันก็จะยาวนานขึ้น"
มันเป็นคำพูดที่มีพร้อมทั้งคำปลุกใจให้ฮึกเหิม และเป็นคำเตือนสติว่าอย่าเพิ่งเหลิง เพราะการแข่งขันยังคงอีกยาวไกล สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีสมาธิเล่นให้เป็นตัวเอง ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมในแบบที่เคยทำกันมา ฝันได้แต่ให้อยู่บนความเป็นจริง
นับเป็นช่วงเวลาที่แฟนๆ "หมาป่าแห่งกรุงโรม" จะต้องซึมซับกลิ่นไอของความหอมหวานนี้ให้นานที่สุด แม้ว่าบทสรุปสุดท้ายปลายทางของทีมจะประสบความสำเร็จตามที่ฝันไว้หรือไม่ แต่อย่างน้อยๆพวกเขาก็กำลังเดินหน้ามาในทิศทางที่ถูกต้อง และได้เข้าใกล้กับความสำเร็จไปอีกหนึ่งก้าว
แม้สุดท้ายทีมอาจจะไปไม่ถึงฝัน แต่การได้เห็นหมาป่าตัวนี้กลับมาหอนได้อย่างเต็มพลังเสียง ดังกึกก้องกังวานไปทั่วป่า ก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกแล้วว่าพวกเขาได้ตื่นจากการหลับไหล และพร้อมกลับมาไล่ล่าความสำเร็จที่ห่างหายไปนานเกือบ 25 ปีเต็ม
