กล่องดำคืออะไร ? ทำไมจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญบนเครื่องบิน

ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุกับเครื่องบิน สิ่งที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ซากเครื่องบินจะต้องตามหาก็คือ กล่องดำ (Blackbox) ซึ่งเป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลการบิน โดยตามกฏการบินขององค์การบินพลเรือนระหว่างประเทศ เครื่องบินทั่วไปทุกลำจะต้องมีการติดตั้งกล่องดำ

กล่องดำ (Blackbox) 2 ชนิด 

โดยกล่องดำมี 2 ชนิด ด้วยกัน คือ เครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน (Cockpit Voice Recorder) และเครื่องบันทึกข้อมูลการบิน (Flight Data Recorder)

สำหรับเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินจะทำหน้าที่บันทึกเสียงทุกอย่างในห้องนักบิน จากไมโครโฟนของนักบิน และไมโครโฟนที่ติดตั้งไว้ในแผงอุปกรณ์ด้านบนระหว่างนักบินทั้ง 2 (โดยปกติแล้วเครื่องบินที่มีผู้โดยสารตั้งแต่ 9 คน ขึ้นไปจะต้องมีนักบิน 2 คน คือ นักบินผู้ควบคุมอากาศยาน และนักบินผู้ช่วย) ซึ่งจะบันทึกตั้งเสียงการโต้ตอบการจราจรทางอากาศ, เสียงสนทนาระหว่างนักบิน ไปจนถึงเสียงเปิดและปิดสวิตช์ต่าง ๆ 

ส่วนเครื่องบันทึกข้อมูลการบินจะทำหน้าที่บันทึกสภาวะต่าง ๆ ในระหว่างปฏิบัติการบิน ซึ่งจะมีการบันทึกข้อมูลแตกต่างกันไปตามขนาดของเครื่องบิน โดยตัวอย่างข้อมูลพื้นฐานที่จะต้องทำการบันทึก เช่น เวลา, ระยะความสูง, ความเร็ว, อัตราเร่งตามแนวดิ่ง และอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม แม้มันจะชื่อว่ากล่องดำ แต่มันไม่ได้มีสีดำ โดยส่วนใหญ่มักจะมีสีสันฉูดฉาด หรือถูกคาดด้วยเทปสีนีออน เนื่องจากกล่องดำจำเป็นที่จะต้องสามารถมองหาได้ง่าย เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการเก็บกู้

ส่วนประกอบสำคัญของกล่องดำ 

โดยกล่องดำทั้ง 2 ชนิด มีอุปกรณ์ส่วนที่เรียกว่าซีเอสเอ็มยู (CSMU หรือ Crash-Serviable Memory Unit) ซึ่งจะทำหน้าเก็บข้อมูลของกล่องดำทั้ง 2 ชนิด เอาไว้ โดยเจ้าหน้าที่เก็บกู้ซากเครื่องบินจะทำการกู้ข้อมูลจากอุปกรณ์นี้ในกรณีที่เครื่องบินตก หรือเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นมันจึงต้องเป็นอุปกรณ์ที่แข็งแรงและทนทานที่สุดของกล่องดำ ซึ่งจะห่อหุ้มด้วยสเตนเลสสตีลหรือไทเทเนียม 2 ชั้น และฉนวนกันความร้อน นอกจากนี้จะต้องผ่านการทดสอบความแข็งแรงต่าง ๆ เช่น การเผาด้วยความร้อน 1,100 องศาเซลเซียส เป็นระยะเวลา 1 ชั่วโมง, การแช่ในน้ำเค็ม 24 ชั่วโมง, การทดสอบด้วยแรงกด 5,000 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ทุก 5 นาที และอื่น ๆ

ข้อมูลจาก กรมการบินพลเรือน

ภาพจาก reuters