สหรัฐเสนอร่าง กม. งัด ‘DeepSeek’ จีน จำคุกสูงสุด 20 ปี ปรับสูงสุด 3,400 ล้านบาท

สหรัฐเสนอร่าง กม. งัด ‘DeepSeek’ จีน จำคุกสูงสุด 20 ปี ปรับสูงสุด 3,400 ล้านบาท

อนาคตของ DeepSeek ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวใหม่จากจีนในสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไร เมื่อวุฒิสมาชิกจอช ฮอว์ลีย์ (Josh Hawley) จากรัฐมิสซูรีได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นมาตรการการควบคุม AI จากคู่แข่งที่กำลังมาแรงจากจีนที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยมีมาโดยหากรัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายนี้อาจหมายความว่าความเป็นไปได้ในการใช้งาน DeepSeek ในสหรัฐจะสูญสิ้นไปในทันที


ร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งฮอว์ลีย์ยื่นเสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเป้าหมายเพื่อห้ามบุคคลจากสหรัฐฯ ในการพัฒนาขีดความสามารถของ AI ภายในสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังกำหนดให้เทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่พัฒนาในจีนเป็นสิ่งห้ามนำเข้าไปยังสหรัฐ ผู้ที่ฝ่าฝืนอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี และถูกปรับเป็นเงินสูงสุด 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 34 ล้านบาท สำหรับบุคคลทั่วไป หรือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 3,400 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคล 


เบน บรูคส์ (Ben Brooks) นักวิจัยด้าน AI จากฮาร์วาร์ด ให้ความเห็นว่า มาตรการนี้ถือเป็น “การดำเนินการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อบกับ AI ที่รุนแรงที่สุด” เท่าที่เคยมีมา


แม้ว่าการพิจารณาร่างกฎหมายนี้จะถูกเลื่อนออกไปไม่นานหลังการเสนอเข้าสภา ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการไม่ผ่านการพิจารณา แต่ ความเป็นจริงที่ว่ามีการเสนอร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาคองเกรส สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ขยายตัวมากขึ้นต่อการจัดการกับ AI ของจีน ความกังวลของสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐหลายคนก่อตัวจาก DeepSeek ทั้งยังส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นครั้งใหญ่ในตลาดมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา


เมื่อไม่นานมานี้ ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจกับ DeepSeek หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเทคโนโลยีจากจีนนี้สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับ AI ชั้นนำของสหรัฐ แต่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่ามาก 


ความมีประสิทธิภาพเช่นนี้ทำให้เกิดความกังวลว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอาจกำลังเสียเปรียบและสูญเสียเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไปกับโมเดลที่สิ้นเปลืองกว่า ในขณะเดียวกัน ยังมีความกลัวว่าอาจมีการใช้ AI จีนเพื่อช่วยเร่งพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารหรือระบบสอดแนม ซึ่งจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐอีกด้วย


ด้านบริษัท Nvidia ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิป AI ชั้นนำของโลก ก็กลายเป็นจุดสนใจท่ามกลางข้อถกเถียงนี้ เพราะราคาหุ้นของบริษัทร่วงลงอย่างหนัก เสียมูลค่าตลาดไปเกือบ 600,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในภายวันที่ 27 มกราคม เพียงวันเดียว ซึ่งถือเป็นมูลค่าการขาดทุนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นอเมริกา หลังจากที่ DeepSeek ก่อให้เกิดความกังวลมากมายต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐฯในภาคส่วนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ส่งผลให้เกิดคำถามว่า Nvidia จะยังคงจัดหาชิปให้บริษัทจีนต่อไปหรือไม่ 


โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคม เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia ได้พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐ แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการหารือมากนัก แต่โฆษกของบริษัทกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การสนทนาเน้นไปที่ “ความสำคัญของการเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและ AI ของสหรัฐ”


ความกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีจีนยังสะท้อนได้ผ่านกรณีของ TikTok แม้ว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติการแบน TikTok เมื่อปีที่แล้ว แต่การบังคับใช้ยังคงไม่มีเสถียรภาพ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนจุดยืนและเลือกที่จะไม่ดำเนินการ 

สำหรับกรณีของ DeepSeek ไม่ว่าการแบน AI จากจีนตัวนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม การยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่แข็งกร้าวและความเข้มงวดที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐในการตรวจสอบปัญญาประดิษฐ์จากจีน และอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายเทคโนโลยีในอนาคต

สรุปข่าว

อนาคตของ DeepSeek ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวใหม่จากจีนในสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไร เมื่อวุฒิสมาชิกจอช ฮอว์ลีย์ (Josh Hawley) จากรัฐมิสซูรีได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นมาตรการการควบคุม AI จากคู่แข่งที่กำลังมาแรงจากจีนที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยมีมาโดยหากรัฐสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายนี้อาจหมายความว่าความเป็นไปได้ในการใช้งาน DeepSeek ในสหรัฐจะสูญสิ้นไปในทันที


ร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งฮอว์ลีย์ยื่นเสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเป้าหมายเพื่อห้ามบุคคลจากสหรัฐฯ ในการพัฒนาขีดความสามารถของ AI ภายในสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ ยังกำหนดให้เทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่พัฒนาในจีนเป็นสิ่งห้ามนำเข้าไปยังสหรัฐ ผู้ที่ฝ่าฝืนอาจต้องรับโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี และถูกปรับเป็นเงินสูงสุด 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 34 ล้านบาท สำหรับบุคคลทั่วไป หรือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 3,400 ล้านบาท สำหรับนิติบุคคล 


เบน บรูคส์ (Ben Brooks) นักวิจัยด้าน AI จากฮาร์วาร์ด ให้ความเห็นว่า มาตรการนี้ถือเป็น “การดำเนินการด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้อบกับ AI ที่รุนแรงที่สุด” เท่าที่เคยมีมา


แม้ว่าการพิจารณาร่างกฎหมายนี้จะถูกเลื่อนออกไปไม่นานหลังการเสนอเข้าสภา ซึ่งมักเป็นสัญญาณของการไม่ผ่านการพิจารณา แต่ ความเป็นจริงที่ว่ามีการเสนอร่างกฎหมายนี้เข้าสู่สภาคองเกรส สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่ขยายตัวมากขึ้นต่อการจัดการกับ AI ของจีน ความกังวลของสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐหลายคนก่อตัวจาก DeepSeek ทั้งยังส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นครั้งใหญ่ในตลาดมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา


เมื่อไม่นานมานี้ ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจกับ DeepSeek หลังจากที่เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เนื่องจากเทคโนโลยีจากจีนนี้สามารถทำงานได้ทัดเทียมกับ AI ชั้นนำของสหรัฐ แต่ใช้ทรัพยากรน้อยกว่ามาก 


ความมีประสิทธิภาพเช่นนี้ทำให้เกิดความกังวลว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอาจกำลังเสียเปรียบและสูญเสียเม็ดเงินจำนวนมหาศาลไปกับโมเดลที่สิ้นเปลืองกว่า ในขณะเดียวกัน ยังมีความกลัวว่าอาจมีการใช้ AI จีนเพื่อช่วยเร่งพัฒนาเทคโนโลยีทางทหารหรือระบบสอดแนม ซึ่งจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐอีกด้วย


ด้านบริษัท Nvidia ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิป AI ชั้นนำของโลก ก็กลายเป็นจุดสนใจท่ามกลางข้อถกเถียงนี้ เพราะราคาหุ้นของบริษัทร่วงลงอย่างหนัก เสียมูลค่าตลาดไปเกือบ 600,000,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในภายวันที่ 27 มกราคม เพียงวันเดียว ซึ่งถือเป็นมูลค่าการขาดทุนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นอเมริกา หลังจากที่ DeepSeek ก่อให้เกิดความกังวลมากมายต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐฯในภาคส่วนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ส่งผลให้เกิดคำถามว่า Nvidia จะยังคงจัดหาชิปให้บริษัทจีนต่อไปหรือไม่ 


โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 31 มกราคม เจนเซน หวง (Jensen Huang) ซีอีโอของ Nvidia ได้พบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ของสหรัฐ แม้ว่าจะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของการหารือมากนัก แต่โฆษกของบริษัทกล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า การสนทนาเน้นไปที่ “ความสำคัญของการเสริมสร้างความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและ AI ของสหรัฐ”


ความกังวลเกี่ยวกับเทคโนโลยีจีนยังสะท้อนได้ผ่านกรณีของ TikTok แม้ว่าสภาคองเกรสจะอนุมัติการแบน TikTok เมื่อปีที่แล้ว แต่การบังคับใช้ยังคงไม่มีเสถียรภาพ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนจุดยืนและเลือกที่จะไม่ดำเนินการ 

สำหรับกรณีของ DeepSeek ไม่ว่าการแบน AI จากจีนตัวนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม การยื่นร่างกฎหมายดังกล่าวก็แสดงให้เห็นถึงท่าทีที่แข็งกร้าวและความเข้มงวดที่เพิ่มขึ้นของสหรัฐในการตรวจสอบปัญญาประดิษฐ์จากจีน และอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายเทคโนโลยีในอนาคต

avatar

TNNThailand