
World ซึ่งก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อ Worldcoin ได้ประกาศความสำเร็จในการยืนยันตัวตนดิจิทัลของมนุษย์ถึง 10 ล้านคนแล้ว โดยใช้เครื่องมือทรงกลมคล้ายลูกแก้ว หรือเครื่องอ้อบ (Orb) ในการรวบรวมข้อมูลม่านตาเพื่อสร้างหลักฐานยืนยันความเป็นบุคคล หรือการตัวระบุยืนยันว่าบุคคลนั้นเป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่ใช่โปรไฟล์ปลอม และไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ AI
บริษัทระบุว่าหลักฐานความเป็นบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ AI อย่างรวดเร็ว ซึ่งคุกคามความน่าเชื่อถือของข้อมูลและสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยบริษัทเปิดเผยว่า "เมื่อปัญญาประดิษฐ์ AI มีการพัฒนา การพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ก็น่าจะเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการทำให้ปัญญาประดิษฐ์ AI มีจริยธรรมเพิ่มมากขึ้น และทำให้มนุษย์ยังคงเป็นผู้สร้างที่มีอำนาจในโลกที่ถูกหล่อหลอมโดยเครื่องจักรอัจฉริยะมากขึ้นเรื่อย ๆ"
🔵 การยืนยันตัวตนดิจิทัลผ่านเครื่องอ้อบ (Orb)
การใช้งานผู้ใช้ต้องยืนหน้าของตนเองมองไปยังเครื่องอ้อบ (Orb) ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีสแกนม่านตาเพื่อเก็บข้อมูลชีวมาตรจากดวงตาของผู้ใช้ การสแกนนี้จะช่วยสร้างข้อมูลที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบุคคล เนื่องจากลวดลายของม่านตาของมนุษย์มีความเฉพาะเจาะจงและไม่สามารถทำซ้ำได้
ข้อมูลที่เก็บจากการสแกนม่านตาจะถูกนำมาใช้ในการสร้าง "หลักฐานความเป็นบุคคล" ซึ่งเป็นตัวระบุที่ยืนยันว่าใครคือนักบุคคลและเป็นมนุษย์จริง
ข้อมูลที่ได้จากการสแกนจะถูกประมวลผล และสร้างเป็นรหัสดิจิทัลด้วยการเข้ารหัสในระดับสูง เพื่อป้องกันการเข้าถึงหรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต ข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้เพื่อยืนยันตัวตนในโลกออนไลน์ เช่น เมื่อผู้ใช้ทำธุรกรรมดิจิทัล การยืนยันตัวตนจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเป็นมนุษย์จริง ๆ และไม่ใช่โปรแกรมหรือ AI
🔵 ข้อมูลมีความปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัวสูง
บริษัทยืนยันว่าข้อมูลม่านตาของผู้ใช้งานมีความปลอดภัยสูง และจะไม่ถูกเก็บในฐานข้อมูลของ World โดยตรง ระบบจะสร้างรหัสที่ไม่สามารถย้อนกลับไปหาข้อมูลเดิมได้ หรือไม่สามารถถอดรหัสเพื่อกลับมาสร้างภาพม่านตาเดิมได้ วิธีการนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการขโมยข้อมูล
เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังในการจัดเก็บข้อมูล คือ Blockchain ซึ่งสามารถเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใส โดยทุกการดำเนินการจะถูกบันทึกในบล็อกเชน ไม่สามารถถูกแก้ไขหรือลบได้ ทำให้บริษัทเชื่อว่าวิธีการดังกล่าวนี้สามารถรับมือกับปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ AI ในการทุจริตได้
อย่างไรก็ตาม การระบุตัวตนดิจิทัลยังคงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือด โดยนักวิจารณ์โต้แย้งว่ารูปแบบการระบุตัวตนดิจิทัลคุกคามความเป็นส่วนตัว และอาจถูกละเมิดโดยรัฐบาล
สรุปข่าว
World ซึ่งก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อ Worldcoin ได้ประกาศความสำเร็จในการยืนยันตัวตนดิจิทัลของมนุษย์ถึง 10 ล้านคนแล้ว โดยใช้เครื่องมือทรงกลมคล้ายลูกแก้ว หรือเครื่องอ้อบ (Orb) ในการรวบรวมข้อมูลม่านตาเพื่อสร้างหลักฐานยืนยันความเป็นบุคคล หรือการตัวระบุยืนยันว่าบุคคลนั้นเป็นมนุษย์จริง ๆ ไม่ใช่โปรไฟล์ปลอม และไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยปัญญาประดิษฐ์ AI
บริษัทระบุว่าหลักฐานความเป็นบุคคลเป็นสิ่งจำเป็นเนื่องจากการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ AI อย่างรวดเร็ว ซึ่งคุกคามความน่าเชื่อถือของข้อมูลและสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยบริษัทเปิดเผยว่า "เมื่อปัญญาประดิษฐ์ AI มีการพัฒนา การพิสูจน์ความเป็นมนุษย์ก็น่าจะเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการทำให้ปัญญาประดิษฐ์ AI มีจริยธรรมเพิ่มมากขึ้น และทำให้มนุษย์ยังคงเป็นผู้สร้างที่มีอำนาจในโลกที่ถูกหล่อหลอมโดยเครื่องจักรอัจฉริยะมากขึ้นเรื่อย ๆ"
🔵 การยืนยันตัวตนดิจิทัลผ่านเครื่องอ้อบ (Orb)
การใช้งานผู้ใช้ต้องยืนหน้าของตนเองมองไปยังเครื่องอ้อบ (Orb) ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีสแกนม่านตาเพื่อเก็บข้อมูลชีวมาตรจากดวงตาของผู้ใช้ การสแกนนี้จะช่วยสร้างข้อมูลที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบุคคล เนื่องจากลวดลายของม่านตาของมนุษย์มีความเฉพาะเจาะจงและไม่สามารถทำซ้ำได้
ข้อมูลที่เก็บจากการสแกนม่านตาจะถูกนำมาใช้ในการสร้าง "หลักฐานความเป็นบุคคล" ซึ่งเป็นตัวระบุที่ยืนยันว่าใครคือนักบุคคลและเป็นมนุษย์จริง
ข้อมูลที่ได้จากการสแกนจะถูกประมวลผล และสร้างเป็นรหัสดิจิทัลด้วยการเข้ารหัสในระดับสูง เพื่อป้องกันการเข้าถึงหรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต ข้อมูลดังกล่าวสามารถใช้เพื่อยืนยันตัวตนในโลกออนไลน์ เช่น เมื่อผู้ใช้ทำธุรกรรมดิจิทัล การยืนยันตัวตนจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเป็นมนุษย์จริง ๆ และไม่ใช่โปรแกรมหรือ AI
🔵 ข้อมูลมีความปลอดภัยและรักษาความเป็นส่วนตัวสูง
บริษัทยืนยันว่าข้อมูลม่านตาของผู้ใช้งานมีความปลอดภัยสูง และจะไม่ถูกเก็บในฐานข้อมูลของ World โดยตรง ระบบจะสร้างรหัสที่ไม่สามารถย้อนกลับไปหาข้อมูลเดิมได้ หรือไม่สามารถถอดรหัสเพื่อกลับมาสร้างภาพม่านตาเดิมได้ วิธีการนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการขโมยข้อมูล
เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังในการจัดเก็บข้อมูล คือ Blockchain ซึ่งสามารถเพิ่มความปลอดภัยและความโปร่งใส โดยทุกการดำเนินการจะถูกบันทึกในบล็อกเชน ไม่สามารถถูกแก้ไขหรือลบได้ ทำให้บริษัทเชื่อว่าวิธีการดังกล่าวนี้สามารถรับมือกับปัญหาการหลอกลวงทางออนไลน์ และการใช้ปัญญาประดิษฐ์ AI ในการทุจริตได้
อย่างไรก็ตาม การระบุตัวตนดิจิทัลยังคงเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือด โดยนักวิจารณ์โต้แย้งว่ารูปแบบการระบุตัวตนดิจิทัลคุกคามความเป็นส่วนตัว และอาจถูกละเมิดโดยรัฐบาล
- OpenThaiGPT ก้าวกระโดดแห่ง AI ภาษาไทย ที่พัฒนาโดยคนไทย เพื่อคนไทย
- แค่ตะโกนใส่แชท AI ก็อารมณ์ดีขึ้นได้ วิจัยชี้เป็นที่ระบายอารมณ์ชั้นดี
- นักวิเคราะห์ชี้ AI กำลังกลายเป็นผู้บริโภคพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ของศูนย์ข้อมูลทั่วโลก
- “Microsoft” พัฒนา “Aurora” เอไอทำนายฝนฟ้า พยากรณ์อากาศไวในไม่กี่วินาที !
- AI ดูดงานเด็กจบใหม่ วงการเทคฯ หันจ้างมือเก๋า เด็กจบใหม่ต้องปรับตัว!
- UAE แจก ChatGPT Plus ให้ประชาชนฟรีทั่วดูไบ เตรียมขึ้นแท่นผู้นำด้าน AI ระดับโลก
ที่มารูปภาพ : ที่มาของรูปภาพ World
TNNThailand