วิจัยสมองคนขับแท็กซี่ลอนดอน พบความจำดี เตรียมใช้ข้อมูลพัฒนา AI นำทาง

ปกติแล้วคนขับแท็กซี่ในกรุงลอนดอน ก่อนจะมาให้บริการได้ จะต้องผ่านการสอบที่เรียกว่า The Knowledge Exam ที่เป็นการทดสอบความรู้เกี่ยวกับเส้นทางและสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงลอนดอน โดยเฉพาะการจดจำเส้นทางถนนที่มีมากกว่า 26,000 เส้น เพื่อให้บริการรับส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการสอบนี้ บางคนอาจจะต้องใช้เวลาอบรมและสอบ 3-4 ปีกว่าจะสอบผ่าน

คนขับแท็กซี่บางคน จึงไม่พึ่งพาระบบนำทางผ่านแอปพลิเคชันมากนัก เนื่องจากพวกเขาใช้การฝึกอบรมและประสบการณ์หลายปี มาใช้ในการวางแผนเส้นทางที่ดีที่สุดได้แบบเรียลไทม์ นักวิจัยจึงต้องการศึกษาว่าความเชี่ยวชาญนี้ จะเอามาช่วยปรับปรุงระบบนำทางด้วย AI อย่างไรได้บ้าง

โดยพวกเขาได้ขอให้คนขับแท็กซี่ในกรุงลอนดอน ลองวางแผนเส้นทางต่าง ๆ ในเมือง โดยพูดชื่อแต่ละถนนออกมาดัง ๆ ขณะที่พวกเขากำลังคำนวณเส้นทาง เพื่อเอาไปสร้างแบบจำลอง ร่วมกับการสแกน MRI ของสมอง หรือการใช้สนามแม่เหล็กความเข้มสูงและคลื่นวิทยุความถี่จำเพาะร่วมกับการคำนวณด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างภาพของสมองขึ้นมา

จากข้อมูลที่ได้แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของคนขับแท็กซี่ ในการวางแผนเส้นทางที่ทำได้แม่นยำ และตัดสินใจเมื่อเจอปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างฉับไว โดยนักวิจัยเชื่อว่าระบบ AI ก็อาจจะสามารถเรียนรู้ทักษะนี้ จากผู้เชี่ยวชาญที่เป็นมนุษย์ได้ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีการนำทางที่ชาญฉลาด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ข้อมูลที่ได้จากการศึกษาเกี่ยวกับระบบความจำ ความรวดเร็ว และความแม่นยำในการตัดสินใจของคนขับแท็กซี่ อาจจะเอาไปช่วยสนับสนุนเกี่ยวกับการวิจัยของโรคอัลไซเมอร์ได้ 

เพราะจากการศึกษาพบว่าสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งควบคุมความจำและการนำทางของพวกเขา มีขนาดใหญ่ขึ้น ในขณะที่ผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ สมองส่วนดังกล่าว มักจะหดตัว ซึ่งถ้านักวิจัยสามารถศึกษาเกี่ยวกับทักษะที่คนขับแท็กซี่พัฒนาขึ้นได้ ก็อาจปูทางไปสู่การพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ ในการส่งเสริมสุขภาพสมอง เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้เช่นกัน