บริษัท Xpeng เตรียมเริ่มผลิตหุ่นยนต์ "Iron" ลักษณะคล้ายมนุษย์ออกมาเป็นจำนวนมากในปี 2026

บริษัท เสี่ยวเผิง (Xpeng) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำจากประเทศจีน เตรียมก้าวสู่โลกของหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ หรือหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เต็มรูปแบบ โดยมีแผนเริ่มผลิตหุ่นยนต์รุ่นใหม่ชื่อว่า “Iron” ในระดับอุตสาหกรรมภายในปี 2026

หุ่นยนต์ “Iron” ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์และสัดส่วนใกล้เคียงกับมนุษย์ มี ความสูงประมาณ 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม และสามารถขยับเคลื่อนไหวด้วย องศาอิสระถึง 62 จุด เพื่อเลียนแบบท่าทางมนุษย์อย่างสมจริง หุ่นยนต์รุ่นนี้จะสามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ในโรงงาน และในอนาคตอาจพัฒนาไปถึงการใช้งานภายในบ้าน

หัวใจหลักของการทำงานของ Iron คือระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ขับเคลื่อนด้วย ชิปเซ็ต “Turing AI” ซึ่ง Xpeng พัฒนาขึ้นเองภายในบริษัท ชิปนี้ประกอบด้วย 4 คอร์หลัก และสามารถประมวลผลข้อมูลด้วยพารามิเตอร์สูงถึง 30,000 ล้านพารามิเตอร์ ได้แบบเรียลไทม์ ทำให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้จากมนุษย์ได้โดยตรง ตั้งแต่การเคลื่อนไหวไปจนถึงการทำงานร่วมกับสภาพแวดล้อมจริง 

บริษัท Xpeng เตรียมเริ่มผลิตหุ่นยนต์ "Iron" ลักษณะคล้ายมนุษย์ออกมาเป็นจำนวนมากในปี 2026

สรุปข่าว

บริษัท เสี่ยวเผิง (Xpeng) เตรียมเริ่มผลิตหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ชื่อ “Iron” ภายในปี 2026 โดยออกแบบให้มีความสูง 178 ซม. น้ำหนัก 70 กก. และเคลื่อนไหวได้ 62 องศาอิสระ พร้อมขับเคลื่อนด้วย AI บนชิป “Turing AI” ที่พัฒนาขึ้นเอง

เฮอ เสี่ยวเผิง (He Xiaopeng) ซีอีโอของบริษัท เปิดเผยว่า Xpeng ได้ลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านหยวน (ราว 250,000 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาหุ่นยนต์ Iron และโครงการอื่น ๆ ในเครือข่าย AI ของบริษัท ซึ่งรวมถึง รถยนต์ไร้คนขับ รถยนต์บินได้ และอุปกรณ์อัจฉริยะอื่น ๆ

เฮอ เสี่ยวเผิง กล่าวเพิ่มเติมว่า “การสร้างหุ่นยนต์นั้นยากกว่าการสร้างรถยนต์มาก หากรถยนต์ไม่มีความฉลาด มันก็ยังขับได้ แต่หุ่นยนต์ที่ไม่มี AI จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง”

ในตอนนี้หุ่นยนต์ "Iron" ยังอยู่ในขั้นพัฒนาและอาจต้องมีการปรับปรุงอีกหลายรอบก่อนจะเข้าสู่ตลาดครัวเรือน อย่างไรก็ตาม Xpeng ตั้งเป้าว่าหุ่นยนต์ Iron จะสามารถบรรลุมาตรฐานความสามารถระดับ L3 ภายในปีหน้า และจะสามารถทำงานร่วมกับคนงานในสายการผลิตได้จริง

หากสำเร็จ หุ่นยนต์ "Iron" จะกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับหุ่นยนต์ "Optimus" หุ่นยนต์คล้ายมนุษย์ของบริษัท Tesla ของสหรัฐอเมริกา โดยการทดสอบประสิทธิภาพระหว่างสองค่ายยักษ์ใหญ่นี้อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันด้านหุ่นยนต์ระดับโลกในทศวรรษหน้า

แท็กบทความ