
งาน “At Last” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ถือเป็นการประชุมสำคัญของโครงการเวิลด์คอยน์ (Worldcoin: WLD) โดยมี แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI และประธานบริษัท Tools for Humanity พร้อมด้วย อเล็กซ์ บลาเนีย (Alex Blania) ซีอีโอของ Tools for Humanity เป็นเจ้าภาพ งานนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งวงการคริปโตและเทคโนโลยี
ไฮไลต์สำคัญจากงานมีการเปิดเผยความคืบหน้าสำคัญของผลิตภัณฑ์ Worldcoin, ระบบ World ID และแอป World App โดยมีบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีร่วมงาน
หัวใจหลักของ Worldcoin คือ ระบบยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวมิติระดับโลก (Global Digital Identity) ผ่านการสแกนม่านตาด้วยอุปกรณ์ “Orb” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของโครงการ รวมไปถึงการเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ใน World App เช่น World Chat และการแนะนำอุปกรณ์ “Orb mini” สำหรับการลงทะเบียนชีวมิติที่สะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับ Orbs รุ่นใหม่กำลังเข้าสู่สายการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองริชาร์ดสัน รัฐเท็กซัส เพื่อรองรับทั้งตลาดในสหรัฐอเมริกาและระดับโลก โดยมีแผนติดตั้ง Orbs จำนวน 7,500 เครื่องทั่วสหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งมากกว่าจำนวนที่มีอยู่ทั่วโลกในปัจจุบันถึง 4 เท่า ในตอนนี้จุดยืนยันตัวตนเริ่มเปิดให้บริการแล้วในเมืองสำคัญอย่างซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลิส ไมอามี แอตแลนตา ออสติน และแนชวิลล์ และในอนาคตจะขยายสู่ปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน รวมถึงการเปิด Flagship Store แห่งใหม่ในหลายเมืองทั่วประเทศ
ภายในงานมีการอัปเดตความคืบหน้าโครงการได้นำร่องใช้ World ID เป็น “พาสปอร์ตดิจิทัล” ในหลายประเทศในเอเชียและลาตินอเมริกา พร้อมแผนขยายไปยังแอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่น ๆ
สรุปข่าว
งาน “At Last” ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2025 ถือเป็นการประชุมสำคัญของโครงการเวิลด์คอยน์ (Worldcoin: WLD) โดยมี แซม อัลต์แมน (Sam Altman) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ OpenAI และประธานบริษัท Tools for Humanity พร้อมด้วย อเล็กซ์ บลาเนีย (Alex Blania) ซีอีโอของ Tools for Humanity เป็นเจ้าภาพ งานนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งวงการคริปโตและเทคโนโลยี
ไฮไลต์สำคัญจากงานมีการเปิดเผยความคืบหน้าสำคัญของผลิตภัณฑ์ Worldcoin, ระบบ World ID และแอป World App โดยมีบุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีร่วมงาน
หัวใจหลักของ Worldcoin คือ ระบบยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลชีวมิติระดับโลก (Global Digital Identity) ผ่านการสแกนม่านตาด้วยอุปกรณ์ “Orb” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของโครงการ รวมไปถึงการเปิดตัวคุณสมบัติใหม่ใน World App เช่น World Chat และการแนะนำอุปกรณ์ “Orb mini” สำหรับการลงทะเบียนชีวมิติที่สะดวกยิ่งขึ้น
สำหรับ Orbs รุ่นใหม่กำลังเข้าสู่สายการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองริชาร์ดสัน รัฐเท็กซัส เพื่อรองรับทั้งตลาดในสหรัฐอเมริกาและระดับโลก โดยมีแผนติดตั้ง Orbs จำนวน 7,500 เครื่องทั่วสหรัฐฯ ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งมากกว่าจำนวนที่มีอยู่ทั่วโลกในปัจจุบันถึง 4 เท่า ในตอนนี้จุดยืนยันตัวตนเริ่มเปิดให้บริการแล้วในเมืองสำคัญอย่างซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลิส ไมอามี แอตแลนตา ออสติน และแนชวิลล์ และในอนาคตจะขยายสู่ปั๊มน้ำมันและร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน รวมถึงการเปิด Flagship Store แห่งใหม่ในหลายเมืองทั่วประเทศ
ภายในงานมีการอัปเดตความคืบหน้าโครงการได้นำร่องใช้ World ID เป็น “พาสปอร์ตดิจิทัล” ในหลายประเทศในเอเชียและลาตินอเมริกา พร้อมแผนขยายไปยังแอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่น ๆ
การเปิดตัวพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ความร่วมมือใหม่กับบริษัท Razer และ Visa โดยความร่วมมือกับ Visa จะนำไปสู่การเปิดตัวบัตรเดบิต Worldcoin ซึ่งสามารถใช้เหรียญโทเคน WLD ในการใช้จ่ายเหมือนสกุลเงินทั่วไป รวมไปถึง Circle และ Stripe!
นอกจากนี้ OpenAI ยังอยู่ระหว่างทดลองนำเทคโนโลยี Worldcoin ไปใช้ในระบบยืนยันตัวตนดิจิทัล ทำให้ Worldcoin กลายเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของระบบ Web3 ในอนาคต
งานนี้จัดขึ้นท่ามกลางกระแสบวกในตลาดคริปโต โดยมีรายงานว่ากองทุนคริปโตรายใหญ่กำลังสะสมเหรียญโทเคน WLD และมีข่าวลือเกี่ยวกับโซเชียลแพลตฟอร์มใหม่จาก OpenAI ที่จะใช้เหรียญโทเคน WLD เป็นสกุลเงินหลัก นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาอาจแตะระดับ 1.30-2.00 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 47-73 บาท ภายในกลางปี 2025
ปัจจุบัน World App มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 25 ล้านครั้ง และมีผู้ถือครอง World ID เกือบ 6 ล้านคน แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก และมีการเริ่มแจกจ่ายเหรียญโทเคน WLD ให้กับผู้ใช้งานที่ผ่านการยืนยันตัวตน โดยจะทยอยปล่อยโทเคน 80% ภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อรักษาเสถียรภาพและการเติบโตระยะยาว
เรียกได้ว่างานครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Worldcoin ซึ่งอาจผลักดันให้โครงการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของการยอมรับในวงกว้าง หรืออาจเผชิญแรงต้านในประเด็นด้านความเป็นส่วนตัว การรวมศูนย์ และการกำกับดูแล อย่างไรก็ตาม การอัปเดตทางเทคโนโลยี การใช้งานจริง และพันธมิตรระดับโลก ล้วนตอกย้ำเป้าหมายของ Worldcoin ที่ต้องการเป็นมาตรฐานสากลด้านอัตลักษณ์ดิจิทัลและการเงินแบบครอบคลุมในยุค AI
ที่มารูปภาพ : Worldcoin