
ขีปนาวุธ PL-15E หนึ่งในขีปนาวุธอากาศสู่อากาศที่ทันสมัยที่สุดของจีนในปัจจุบัน พัฒนาโดยสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเสริมศักยภาพทางอากาศของกองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) และการส่งออกให้กับกองทัพชาติพันธมิตร เช่น กองทัพอากาศปากีสถาน โดยมุ่งเป้าไปที่การสร้างขีดความสามารถในการโจมตีศัตรูในระยะไกลนอกสายตา (Beyond Visual Range – BVR) และเพื่อแข่งขันกับขีปนาวุธอากาศสู่อากาศรุ่นใหม่ของชาติตะวันตก เช่น AIM-120D ของสหรัฐอเมริกา และ Meteor ของยุโรป
การออกแบบและพัฒนาขีปนาวุธ PL-15E
ขีปนาวุธรุ่นนี้ได้รับการติดตั้งบนเครื่องบินรบหลากหลายรุ่นของจีน เช่น J-20, J-16, J-10C, J-11B, J-15 และ J-35 รวมถึงรุ่นส่งออกอย่าง PL-15E ที่มีรายงานว่าเริ่มถูกนำไปใช้โดยประเทศพันธมิตรอย่างปากีสถานแล้ว
ขีปนาวุธ PL-15E ถูกออกแบบให้มีพิสัยยิงไกลมาก โดยรุ่นมาตรฐานสามารถทำการยิงได้ไกลกว่า 200 กิโลเมตร ขณะที่รุ่นส่งออก PL-15E มีระยะยิงสูงสุดราว 145 กิโลเมตร ขีปนาวุธนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแข็งแบบสองจังหวะ (Dual-pulse solid rocket motor) เพื่อให้สามารถโจมตีเป้าหมายที่เคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถทำความเร็วระดับ Mach 5 หรือ 6,174 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
PL-15E air-to-air missile
ขีปนาวุธ PL-15E ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานในขีปนาวุธอากาศสู่อากาศระยะไกลของยุคใหม่ วัสดุที่ใช้สร้างโครงสร้างหลักมีน้ำหนักเบา ทนความร้อนสูง เช่น คอมโพสิต หรือโลหะผสมไทเทเนียม-อะลูมิเนียม มอเตอร์จรวดเชื้อเพลิงแข็งแบบสองจังหวะ (Dual-Pulse Solid Rocket Motor) เทคนิคการทำงานแบบสองจังหวะ (Dual-pulse) หรือ การจุดระเบิดเป็น “2 ครั้ง” ในระยะเวลาการบิน จังหวะแรกเพื่อให้เกิดแรงผลักดันตอนเริ่มยิง เพื่อเร่งความเร็วออกจากเครื่องบิน จังหวะที่สองเพื่อเร่งความเร็ว หรือรักษาความเร็วตอนเข้าสู่การไล่ล่าตามเป้าหมาย
สรุปข่าว
ขีปนาวุธ PL-15E หนึ่งในขีปนาวุธอากาศสู่อากาศที่ทันสมัยที่สุดของจีนในปัจจุบัน พัฒนาโดยสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเสริมศักยภาพทางอากาศของกองทัพปลดแอกประชาชน (PLA) และการส่งออกให้กับกองทัพชาติพันธมิตร เช่น กองทัพอากาศปากีสถาน โดยมุ่งเป้าไปที่การสร้างขีดความสามารถในการโจมตีศัตรูในระยะไกลนอกสายตา (Beyond Visual Range – BVR) และเพื่อแข่งขันกับขีปนาวุธอากาศสู่อากาศรุ่นใหม่ของชาติตะวันตก เช่น AIM-120D ของสหรัฐอเมริกา และ Meteor ของยุโรป
การออกแบบและพัฒนาขีปนาวุธ PL-15E
ขีปนาวุธรุ่นนี้ได้รับการติดตั้งบนเครื่องบินรบหลากหลายรุ่นของจีน เช่น J-20, J-16, J-10C, J-11B, J-15 และ J-35 รวมถึงรุ่นส่งออกอย่าง PL-15E ที่มีรายงานว่าเริ่มถูกนำไปใช้โดยประเทศพันธมิตรอย่างปากีสถานแล้ว
ขีปนาวุธ PL-15E ถูกออกแบบให้มีพิสัยยิงไกลมาก โดยรุ่นมาตรฐานสามารถทำการยิงได้ไกลกว่า 200 กิโลเมตร ขณะที่รุ่นส่งออก PL-15E มีระยะยิงสูงสุดราว 145 กิโลเมตร ขีปนาวุธนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงแข็งแบบสองจังหวะ (Dual-pulse solid rocket motor) เพื่อให้สามารถโจมตีเป้าหมายที่เคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถทำความเร็วระดับ Mach 5 หรือ 6,174 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
PL-15E air-to-air missile
ขีปนาวุธ PL-15E ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์จรวดเชื้อเพลิงแข็ง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานในขีปนาวุธอากาศสู่อากาศระยะไกลของยุคใหม่ วัสดุที่ใช้สร้างโครงสร้างหลักมีน้ำหนักเบา ทนความร้อนสูง เช่น คอมโพสิต หรือโลหะผสมไทเทเนียม-อะลูมิเนียม มอเตอร์จรวดเชื้อเพลิงแข็งแบบสองจังหวะ (Dual-Pulse Solid Rocket Motor) เทคนิคการทำงานแบบสองจังหวะ (Dual-pulse) หรือ การจุดระเบิดเป็น “2 ครั้ง” ในระยะเวลาการบิน จังหวะแรกเพื่อให้เกิดแรงผลักดันตอนเริ่มยิง เพื่อเร่งความเร็วออกจากเครื่องบิน จังหวะที่สองเพื่อเร่งความเร็ว หรือรักษาความเร็วตอนเข้าสู่การไล่ล่าตามเป้าหมาย
จุดเด่นของขีปนาวุธ PL-15E
หนึ่งในหัวใจหลักของ PL-15E คือ ระบบนำวิถีอัตโนมัติแบบใช้เรดาร์ที่พัฒนาไปอีกขั้น โดยมีการติดตั้งเรดาร์ AESA (Active Electronically Scanned Array) ซึ่งสามารถตรวจจับและติดตามเป้าหมายด้วยความแม่นยำสูง และสามารถต้านทานการรบกวนทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ดี
นอกจากนี้ ขีปนาวุธยังมีระบบ Two-way datalink หรือระบบส่งข้อมูลแบบสองทางที่ช่วยให้สามารถอัปเดตตำแหน่งของเป้าหมายแบบเรียลไทม์ในระหว่างการบิน ส่งผลให้สามารถปรับเปลี่ยนเป้าหมาย หรือยืนยันข้อมูลใหม่จากแพลตฟอร์มตรวจการณ์อื่นได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความยืดหยุ่นและความน่าเชื่อถือของการโจมตี
อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ PL-15E คือ ความสามารถในการทำงานร่วมกับ เครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้า (AEW&C) เช่น KJ-500 หรือ KJ-2000 ของกองทัพอากาศจีน หรือเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าของกองทัพอากาศปากีสถาน เช่น Karakoram Eagle AWACS (ZDK-03) แต่ยังไม่ชัดว่าสามารถเชื่อมต่อข้อมูลกับเครื่องบิน Saab 2000 Erieye ได้หรือไม่
โดยระบบจะประสานข้อมูลเป้าหมายจากเครื่องบินตรวจการณ์มายังเครื่องบินขับไล่ที่ทำการยิง ด้วยหลักการที่เรียกว่า “Sensor-shooter decoupling” คือ การแยกผู้ตรวจจับเป้าหมายออกจากผู้ยิงจริง ทำให้เครื่องบินรบจีนรุ่นนี้สามารถปล่อยขีปนาวุธ PL-15E ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปิดเรดาร์ของตนเอง ซึ่งช่วยลดโอกาสถูกตรวจจับและตอบโต้จากฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งสามารถยิงใส่เป้าหมายที่อยู่ไกลเกินระยะตรวจจับของเรดาร์บนเครื่องบินขับไล่ได้ เพราะข้อมูลเป้าหมายจะถูกส่งต่อจาก AEW&C โดยตรงมายัง PL-15E นั่นเอง
กองทัพอากาศปากีสถานใช้ PL-15E ยิงเครื่องบินขับไล่อินเดีย
ในช่วงปี 2025 ระหว่างสงครามอินเดียและปากีสถานมีรายงานว่าขีปนาวุธ PL-15E ถูกใช้งานจริงในการปะทะทางอากาศระหว่างปากีสถานและอินเดีย โดยพบซากขีปนาวุธที่ยังไม่ระเบิดในรัฐปัญจาบของอินเดีย เหตุการณ์นี้นับเป็นหลักฐานแรกที่ยืนยันว่าขีปนาวุธ PL-15E ได้เข้าสู่สนามรบจริงแล้ว และทำให้ประเทศต่าง ๆ จับตามองเทคโนโลยีของจีนในด้านอาวุธปล่อยนำวิถีระยะไกลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ขีปนาวุธ PL-15E ไม่ได้เป็นเพียงอาวุธโจมตีระยะไกลธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของความพยายามของจีนในการสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ทางอากาศ ผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ขั้นสูง การสื่อสารข้อมูลแบบเรียลไทม์ และการออกแบบที่ตอบโต้กับภัยคุกคามจากฝั่งตะวันตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคที่อำนาจการครองน่านฟ้าคือหนึ่งในแกนหลักของการป้องกันประเทศ PL-15E จึงไม่เพียงแต่เป็นอาวุธ แต่เป็นตัวเร่งสำคัญในการเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจในสนามรบแห่งอนาคต
ที่มารูปภาพ : Wikipedia