
ดาวอังคารยังคงเป็นเป้าหมายการสำรวจสำคัญของมนุษย์ โดยหนึ่งในพื้นที่ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่ง คือ อาร์คาเดีย พลานิเทีย (Arcadia Planitia) ไม่ใช่เพียงเพราะภูมิประเทศที่เรียบเหมาะกับการลงจอดของยานอวกาศ แต่ยังเพราะที่นี่อาจซ่อน “ขุมทรัพย์” ใต้ผิวดิน นั่นคือน้ำแข็งที่อยู่ในระดับตื้นกว่าพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญต่อภารกิจตั้งถิ่นฐานถาวร ไม่ว่าจะเพื่อผลิตน้ำดื่ม ออกซิเจน หรือแม้กระทั่งเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทางกลับโลกหรือไปยังจุดหมายถัดไปในระบบสุริยะ โดยนาซาและบริษัท SpaceX ให้ความสนใจพื้นที่นี้เป็นพิเศษ
อาร์คาเดีย พลานิเทีย (Arcadia Planitia) ตั้งอยู่ในละติจูดกลางระหว่าง 40–60 องศาเหนือ และลองจิจูด 150–180 องศาตะวันตก อยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างแถบภูเขาไฟ Tharsis และลุ่มต่ำ Vastitas Borealis ลักษณะพื้นที่โดยรวมเป็นที่ราบเรียบกว้างใหญ่ ความเรียบของภูมิประเทศนี้ช่วยให้เหมาะสมต่อการนำยานอวกาศลงจอดได้อย่างปลอดภัย และเป็นพื้นที่ที่อุดมด้วยทรัพยากรที่จำเป็นต่อการตั้งถิ่นฐานระยะยาว
แผนที่สีรุ้งนี้แสดงให้เห็นน้ำแข็งใต้ดินบนดาวอังคาร สีโทนเย็นน้ำแข็งจะอยู่ใกล้พื้นผิวมากกว่าสีโทนอุ่น กรอบที่มีเส้นขอบแสดงพื้นที่ที่เหมาะแก่การส่งนักบินอวกาศไปขุดน้ำแข็ง
เครดิต: NASA/JPL-Caltech/ASU
สรุปข่าว
ดาวอังคารยังคงเป็นเป้าหมายการสำรวจสำคัญของมนุษย์ โดยหนึ่งในพื้นที่ที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่ง คือ อาร์คาเดีย พลานิเทีย (Arcadia Planitia) ไม่ใช่เพียงเพราะภูมิประเทศที่เรียบเหมาะกับการลงจอดของยานอวกาศ แต่ยังเพราะที่นี่อาจซ่อน “ขุมทรัพย์” ใต้ผิวดิน นั่นคือน้ำแข็งที่อยู่ในระดับตื้นกว่าพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญต่อภารกิจตั้งถิ่นฐานถาวร ไม่ว่าจะเพื่อผลิตน้ำดื่ม ออกซิเจน หรือแม้กระทั่งเชื้อเพลิงสำหรับการเดินทางกลับโลกหรือไปยังจุดหมายถัดไปในระบบสุริยะ โดยนาซาและบริษัท SpaceX ให้ความสนใจพื้นที่นี้เป็นพิเศษ
อาร์คาเดีย พลานิเทีย (Arcadia Planitia) ตั้งอยู่ในละติจูดกลางระหว่าง 40–60 องศาเหนือ และลองจิจูด 150–180 องศาตะวันตก อยู่ในบริเวณรอยต่อระหว่างแถบภูเขาไฟ Tharsis และลุ่มต่ำ Vastitas Borealis ลักษณะพื้นที่โดยรวมเป็นที่ราบเรียบกว้างใหญ่ ความเรียบของภูมิประเทศนี้ช่วยให้เหมาะสมต่อการนำยานอวกาศลงจอดได้อย่างปลอดภัย และเป็นพื้นที่ที่อุดมด้วยทรัพยากรที่จำเป็นต่อการตั้งถิ่นฐานระยะยาว
แผนที่สีรุ้งนี้แสดงให้เห็นน้ำแข็งใต้ดินบนดาวอังคาร สีโทนเย็นน้ำแข็งจะอยู่ใกล้พื้นผิวมากกว่าสีโทนอุ่น กรอบที่มีเส้นขอบแสดงพื้นที่ที่เหมาะแก่การส่งนักบินอวกาศไปขุดน้ำแข็ง
เครดิต: NASA/JPL-Caltech/ASU
ค้นพบน้ำใต้พื้นผิวดาวอังคาร
น้ำในสถานะของเหลวไม่สามารถคงอยู่บนผิวดาวอังคารได้เนื่องจากความดันบรรยากาศที่ต่ำมาก อย่างไรก็ตาม น้ำแข็งใต้ดิน กลับกลายเป็นทรัพยากรสำคัญที่ถูกฝังอยู่ทั่วบริเวณละติจูดกลาง โดยเฉพาะในอาร์คาเดีย พลานิเทีย (Arcadia Planitia)
นาซาได้ใช้ยานสำรวจ Mars Reconnaissance Orbiter (MRO) และ Mars Odyssey ในการระบุแหล่งน้ำแข็งผ่านกล้องถ่ายภาพความร้อนและเรดาร์ เช่น Mars Climate Sounder, THEMIS, และ Gamma Ray Spectrometer ข้อมูลจากอุปกรณ์เหล่านี้สามารถระบุการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่ผิดปกติซึ่งบ่งชี้ถึงน้ำแข็งใต้พื้นผิวได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ การที่อุกกาบาตพุ่งชนผิวดาวอังคารในบางพื้นที่ก็ทำให้เผยให้เห็นน้ำแข็งชั้นตื้นได้ด้วย โดยเฉพาะบริเวณ Arcadia Planitia ซึ่งปรากฏสีฟ้าและม่วงบนแผนที่ความลึกน้ำแข็ง หมายถึงน้ำแข็งอยู่ลึกจากผิวเพียงไม่เกิน 30 เซนติเมตร จึงเป็นโอกาสอันล้ำค่าสำหรับการใช้ทรัพยากรท้องถิ่น (ISRU) ในการผลิตน้ำดื่ม ออกซิเจน และเชื้อเพลิงจากน้ำแข็ง
จุดเด่นของอาร์คาเดีย พลานิเทีย (Arcadia Planitia)
น้ำแข็งที่พบใน Arcadia Planitia ไม่เพียงอยู่ลึกเพียงเล็กน้อย แต่ยังมีความบริสุทธิ์สูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสกัดใช้งาน ซึ่งเป็นหัวใจของการตั้งรกรากบนดาวเคราะห์ดวงนี้
ลักษณะที่เป็นพื้นที่ราบและปราศจากสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ ช่วยให้ยานอวกาศลงจอดได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากฝุ่นละเอียดที่อาจทำให้ยานจมลง หรืออุปกรณ์ขัดข้อง
รวมไปถึงละติจูดกลางของซีกโลกเหนือมีอุณหภูมิอบอุ่นกว่าแถบขั้วโลก อีกทั้งยังได้รับแสงแดดมากกว่า ทำให้เหมาะต่อการติดตั้งแหล่งพลังงานแสงอาทิตย์
อีลอน มัสก์ ประกาศในงาน “The Road to Making Life Multi-planetary” ว่า SpaceX ตั้งเป้าส่งยาน Starship จำนวน 5 ลำ พร้อมเพย์โหลดรวม 50 ตัน ไปยัง Arcadia Planitia ในช่วง ตุลาคม–ธันวาคม ค.ศ. 2026 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกและดาวอังคารอยู่ในตำแหน่งใกล้กันมากที่สุด (launch window) ภารกิจนี้จะทดลองระบบสนับสนุนชีวิตเบื้องต้น รวมถึงอาจทดสอบเทคโนโลยีการแปรรูปน้ำแข็งเพื่อผลิตเชื้อเพลิงและน้ำดื่มสำหรับการเดินทางระยะยาว
ที่มาข้อมูล : https://www.nasa.gov/solar-system/nasas-treasure-map-for-water-ice-on-mars
ที่มารูปภาพ : SpaceX