
วันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ของรัฐ CCTV ของจีน รายงานว่าเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ที่ทันสมัยที่สุดอย่าง J-20 (Mighty Dragon) ได้ปฏิบัติภารกิจบินผ่านช่องแคบสึชิมะ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่แบ่งแยกระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และช่องแคบบาชิ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างฟิลิปปินส์กับไต้หวันเป็นครั้งแรก
สรุปข่าว
วันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา สถานีโทรทัศน์ของรัฐ CCTV ของจีน รายงานว่าเครื่องบินรบรุ่นที่ 5 ที่ทันสมัยที่สุดอย่าง J-20 (Mighty Dragon) ได้ปฏิบัติภารกิจบินผ่านช่องแคบสึชิมะ ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่แบ่งแยกระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น และช่องแคบบาชิ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างฟิลิปปินส์กับไต้หวันเป็นครั้งแรก
จีนเครมเครื่องบินไล่ล่องหน J-20 ไม่ถูกตรวจพบ
โดยสื่อรัฐบาลจีนเน้นย้ำ คือ แม้เครื่องบินจะบินผ่านพื้นที่ซึ่งมีการเฝ้าระวังทางทหารอย่างหนาแน่น แต่กลับไม่มีรายงานการตรวจจับจากกองกำลังของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการอ้างถึงความสามารถในการพรางตัว (Stealth) ของเครื่องบิน J-20 ที่สามารถหลบเลี่ยงระบบเรดาร์ที่ทรงพลังในภูมิภาคได้
สำหรับช่องแคบสึชิมะนั้นอยู่ในรัศมีการตรวจจับของเครือข่ายเรดาร์ป้องกันภัยทางอากาศที่ซับซ้อน ซึ่งรวมถึงระบบต่อต้านขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐฯ ที่ติดตั้งในเกาหลีใต้ และระบบ Patriot ของทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
การที่สื่อรัฐบาลจีนอ้างว่า J-20 ไม่ถูกตรวจจับจึงเป็นการแสดงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในเทคโนโลยีการทหารของตนเอง ทั้งนี้ รายงานระบุว่าภารกิจดังกล่าวปฏิบัติการโดยกองพลรบที่ 1 ซึ่งเป็นหน่วยบินชั้นยอดของกองทัพอากาศจีน และเป็นหน่วยแรกที่ได้รับมอบเครื่องบิน J-20 เข้าประจำการ
การเผชิญหน้ากับเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35
เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับการเผชิญหน้าระหว่าง J-20 และเครื่องบินรบต่างชาติ ซึ่งคาดว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ล่องหน F-35 สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่จีนนำ J-20 มาใช้ในภารกิจลาดตระเวนและสกัดกั้นเชิงรุกมากขึ้น
การบินของเครื่องบินขบไล่ล่องหน J-10 ในครั้งนี้ของจีน ยังเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของช่องแคบสึชิมะและช่องแคบบาชิ หากเกิดกรณีความขัดแย้งเกี่ยวกับไต้หวันขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานแน่ชัดว่าการเผชิญหน้าระหว่างเครื่องบินขับไล่ J-20 และ F-35 เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับเครื่องบินขับไล่ J-20 บินผ่านช่องแคบสึชิมะในครั้งนี้หรือไม่
ปัจจุบัน กองทัพอากาศจีนกำลังขยายฝูงบินขับไล่ล่องหน J-20 อย่างรวดเร็ว โดยคาดการณ์ว่ามีเครื่องบินประจำการแล้วราว 170-230 ลำ และอาจมีถึง 400 ลำภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้จีนมีฝูงบินล่องหนขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยอัตราการผลิตปีละประมาณ 120 ลำ
เครื่องบินขับไล่ล่องหน J-20
เครื่องบินขับไล่ล่องหน J-20 หรือชื่อภาษาจีน “เหว่ยหลง” ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า J-20 "Mighty Dragon" เป็นเครื่องบินรบยุคที่ 5 ที่พัฒนาโดยบริษัทเฉิงตู แอร์คราฟต์ (Chengdu Aircraft Corporation) เริ่มต้นโครงการตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 และเปิดตัวครั้งแรกในปี 2011 ก่อนเข้าประจำการจริงในกองทัพอากาศปลดแอกประชาชนจีน (PLAAF) ในปี 2017
จุดเด่นของ J-20 คือความสามารถในการล่องหนจากเรดาร์ (Stealth), การบรรทุกอาวุธภายในลำตัวเพื่อลดการสะท้อนเรดาร์ และระยะปฏิบัติการไกลกว่าคู่แข่งจากสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันรุ่นล่าสุด J-20B ใช้เครื่องยนต์ WS-10 ของจีนเองแทนการพึ่งพาเครื่องยนต์รัสเซีย และกำลังพัฒนารุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ WS-15 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการรบในระยะประชิดและความคล่องตัวให้เทียบชั้น F-22 ของสหรัฐฯ
นอกจากนี้ จีนยังพัฒนาเครื่องบินขับไล่ล่องหน J-20 ออกมาอีกหลายรุ่น รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถของเรดาร์ AESA ให้มีระยะตรวจจับไกลขึ้น และมีแผนจะปรับปรุงให้สามารถบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ได้ในอนาคต
โดยกองทัพจีนสงวนเครื่องบิน J-20 ไว้ใช้เฉพาะในกองทัพของตนเองเท่านั้นไม่ส่งออกขาย เหมือนกับที่สหรัฐฯ ทำกับเครื่องบิน F-22 Raptor ยิ่งเป็นการบ่งชี้ว่าจีนมองว่า J-20 คือ สุดยอดอาวุธทางอากาศที่เป็นความลับสุดยอดของประเทศ
ตำแหน่งของช่องแคป Tsushima ระหว่างประเทศเกาหลีใต้และญี่ปุ่น
- พลังงานนิวเคลียร์ผลิตไฟฟ้ากับอาวุธนิวเคลียร์ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
- เลื่อนปล่อยภารกิจ Ax-4 หลังพบการรั่วของออกซิเจนเหลว (LOx) ขณะตรวจสอบระบบ
- เช็กรุ่น iPhone รุ่นไหนรองรับ iOS 26 พร้อมอัปเดตดีไซน์ Liquid Glass สุดล้ำ
- เปิดตัว visionOS 26 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ยกระดับ Apple Vision Pro
- Stage Lighting เทคโนโลยีแสงสีคอนเสิร์ตฝีมือคนไทย ที่ไม่ด้อยกว่าใครในโลก ! lTech on the Table EP.10
- OpenThaiGPT ก้าวกระโดดแห่ง AI ภาษาไทย ที่พัฒนาโดยคนไทย เพื่อคนไทย
- Hermeus ทดสอบเครื่องบินไฮเปอร์โซนิก Quarterhorse Mk 1 สำเร็จ เดินหน้าพัฒนาเครื่องรุ่นใหม่สิ้นปีนี้
ที่มารูปภาพ : Wikipedia
