กองทัพรัสเซียปรับกลยุทธ์ใช้มอเตอร์ไซค์และรถ ATV หลบหลีกโดรนพลีชีพของยูเครน

กองทัพรัสเซียปรับกลยุทธ์ใช้มอเตอร์ไซค์และรถ ATV หลบหลีกโดรนพลีชีพของยูเครน

กองทัพรัสเซียกำลังเพิ่มการใช้หน่วยทหารขนาดเล็กที่เคลื่อนที่ด้วยรถจักรยานยนต์และรถเอทีวี (ATV) ในแนวหน้าของสงครามยูเครน เพื่อหลบหลีกการโจมตีจากโดรนพลีชีพกามิกาเซ่ของยูเครน ท่ามกลางการจับตาจากกองทัพยูเครนและนักวิเคราะห์การทหาร

สรุปข่าว

กองทัพรัสเซียได้ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในแนวหน้าโดยหันมาใช้หน่วยมอเตอร์ไซค์และรถ ATV ขนาดเล็ก เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการหลบเลี่ยงโดรนและปฏิบัติการโจมตีแบบสายฟ้าแลบ แม้กลยุทธ์นี้จะช่วยให้รุกคืบได้เร็ว แต่ก็ทำให้ทหารรัสเซียมีความเปราะบางและต้องเผชิญกับการสูญเสียอย่างหนักจากการโจมตีของยูเครน ซึ่งสะท้อนถึงการปรับตัวของรัสเซียต่อสภาพสงครามปัจจุบัน

กองทัพรัสเซียกำลังเพิ่มการใช้หน่วยทหารขนาดเล็กที่เคลื่อนที่ด้วยรถจักรยานยนต์และรถเอทีวี (ATV) ในแนวหน้าของสงครามยูเครน เพื่อหลบหลีกการโจมตีจากโดรนพลีชีพกามิกาเซ่ของยูเครน ท่ามกลางการจับตาจากกองทัพยูเครนและนักวิเคราะห์การทหาร

กลยุทธ์ใหม่เพื่อหลบหลีกโดรน

กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เผยแพร่วิดีโอการฝึกซ้อมของหน่วยทหารที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นกลุ่มเล็กๆ กลุ่มละ 2-3 คัน สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการพัฒนายุทธวิธีนี้อย่างเป็นระบบ

สถาบันเพื่อการศึกษาสงคราม (ISW) ในวอชิงตันวิเคราะห์ว่า การกระทำดังกล่าวบ่งชี้ว่ารัสเซียอาจกำลังสร้างหลักนิยมสำหรับการใช้มอเตอร์ไซค์ในเชิงรุก และเตรียมที่จะส่งยานพาหนะประเภทนี้เข้าสู่สนามรบเพิ่มขึ้น 

การใช้ยานพาหนะขนาดเล็กและคล่องตัวนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและโจมตีจากโดรนของยูเครน ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญในสนามรบปัจจุบัน และเพื่อใช้ในการโจมตีแบบสายฟ้าแลบที่รวดเร็ว

ก่อนหน้านี้ ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้ตรวจดูรถ ATV ที่ผลิตในจีนซึ่งถูกส่งมอบให้กองทัพ โดยในขณะนั้นมีรถเข้าประจำการแล้วประมาณ 500 คัน และมีการสั่งซื้อเพิ่มเติมอีกราว 1,500 คัน คาดว่าการใช้งานยานพาหนะเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ 

ยูเครนมองว่ากลยุทธ์นี้ของรัสเซียล้มเหลว

พันโทปาฟโล ชัมชิน โฆษกกองทัพยูเครนกล่าวว่า การใช้มอเตอร์ไซค์มีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับรัสเซีย ความเร็วและความคล่องตัวช่วยให้หลบโดรนได้ แต่เสียงที่ดังของเครื่องยนต์ก็ทำให้ผู้ขับขี่ไม่ได้ยินเสียงโดรนที่บินเข้ามาใกล้

ศูนย์การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ของยูเครนชี้ว่า การหันมาใช้มอเตอร์ไซค์สะท้อนให้เห็นว่ารัสเซียอาจขาดแคลนยุทโธปกรณ์หนักสำหรับโจมตี แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการปรับตัวให้เข้ากับสภาพสงครามที่เปลี่ยนไป

นอกจากนี้ กองทัพยูเครนอ้างว่าได้สกัดกั้นการโจมตีที่หมู่บ้านบาฮาตีร์ในแนวหน้าโดเนตสค์ โดยทำลายรถจักรยานยนต์ไป 15 คัน และสังหารทหารรัสเซียราว 40 นาย พร้อมเผยแพร่คลิปวิดีโอจากโดรนเป็นหลักฐาน

กองทัพรัสเซียหันมาใช้รถจักรยานยนต์และรถเอทีวีในสมรภูมิจึงเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนของการปรับยุทธวิธีอย่างต่อเนื่องในสงครามยุคใหม่ 

แม้ว่าความคล่องตัวจะช่วยให้รัสเซียได้เปรียบในการหลบหลีกการตรวจจับและโจมตีแบบฉับพลัน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเปราะบางที่ง่ายต่อการตกเป็นเป้าของโดรนและอาวุธของยูเครนเช่นกัน 

ดังนั้น ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้จึงยังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม และขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดจะสามารถปรับตัวและพัฒนายุทโธปกรณ์เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามรูปแบบใหม่นี้ได้เร็วกว่ากัน ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของความขัดแย้งนี้ต่อไป