
บริษัท นอร์ทรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) สหรัฐอเมริกา กำลังเดินหน้าโครงการที่ถูกมองว่าอาจปฏิวัติการป้องกันขีปนาวุธยุคใหม่ โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic Threats) ที่ถูกพัฒนาโดยชาติมหาอำนาจจีนและรัสเซีย ซึ่งกำลังเป็นประเด็นท้าทายด้านความมั่นคงระดับโลก
หัวใจสำคัญของโครงการนี้ คือ การพัฒนาระบบ Hypersonic and Ballistic Tracking Space Sensor หรือ HBTSS ที่จะทำงานร่วมกับเครือข่ายดาวเทียม Overhead Persistent Infrared (OPIR) แบบหลายชั้น
ระบบ HBTSS อุดช่องว่างสุดท้ายในการป้องกันขีปนาวุธ
ระบบ HBTSS ถูกออกแบบมาเพื่อให้การ ติดตามเป้าหมายขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic) อย่างต่อเนื่อง และส่งข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงไปยังระบบควบคุมการยิงสกัดกั้น ทำให้สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของศัตรูได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าขีปนาวุธเหล่านั้นจะถูกยิงจากบก ทะเล หรือทางอากาศ และเดินทางด้วยความเร็วสูง
จุดเด่นสำคัญ คือ การอุดช่องว่างสุดท้ายในการป้องกัน เพราะระบบป้องกันภาคพื้นดินเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงได้ทันเวลา เนื่องจากขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเดินทางด้วยความเร็วสูง และระบบป้องกันขีปนาวุธแบบเดิมไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
สรุปข่าว
บริษัท นอร์ทรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) สหรัฐอเมริกา กำลังเดินหน้าโครงการที่ถูกมองว่าอาจปฏิวัติการป้องกันขีปนาวุธยุคใหม่ โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic Threats) ที่ถูกพัฒนาโดยชาติมหาอำนาจจีนและรัสเซีย ซึ่งกำลังเป็นประเด็นท้าทายด้านความมั่นคงระดับโลก
หัวใจสำคัญของโครงการนี้ คือ การพัฒนาระบบ Hypersonic and Ballistic Tracking Space Sensor หรือ HBTSS ที่จะทำงานร่วมกับเครือข่ายดาวเทียม Overhead Persistent Infrared (OPIR) แบบหลายชั้น
ระบบ HBTSS อุดช่องว่างสุดท้ายในการป้องกันขีปนาวุธ
ระบบ HBTSS ถูกออกแบบมาเพื่อให้การ ติดตามเป้าหมายขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic) อย่างต่อเนื่อง และส่งข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงไปยังระบบควบคุมการยิงสกัดกั้น ทำให้สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของศัตรูได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าขีปนาวุธเหล่านั้นจะถูกยิงจากบก ทะเล หรือทางอากาศ และเดินทางด้วยความเร็วสูง
จุดเด่นสำคัญ คือ การอุดช่องว่างสุดท้ายในการป้องกัน เพราะระบบป้องกันภาคพื้นดินเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงได้ทันเวลา เนื่องจากขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเดินทางด้วยความเร็วสูง และระบบป้องกันขีปนาวุธแบบเดิมไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
ความสามารถหลักของระบบ HBTSS
ระบบ HBTSS มีความสามารถหลักในการติดตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ และส่งข้อมูลไปยังระบบควบคุมการยิงเพื่อการตอบสนองทันที ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั่วโลกเมื่อทำงานร่วมกับดาวเทียม OPIR พร้อมให้โซลูชันควบคุมการยิงขีปนาวุธสกัดกั้นที่แม่นยำโดยเฉพาะต่อขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง
โดยใช้เซนเซอร์ออปติคอลหลายความยาวคลื่นที่มีความไวสูง ตรวจจับเป้าหมายที่พรางตัวได้ ข้อมูลที่ได้มีคุณภาพระดับอาวุธ ใช้งานได้ตรงกับระบบสกัดกั้น มีความไวสูง ความหน่วงต่ำ และออกแบบให้เป็นโซลูชันที่คุ้มค่าในการใช้งานด้านความมั่นคง
ระบบดาวเทียมจะเริ่มตรวจจับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงหลังจากที่มันถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า และส่งข้อมูลตำแหน่งและความเร็วไปยังระบบป้องกันต่าง ๆ โดยระบบจะทำงานเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ทั้งระบบดาวเทียม GPS รวมไปถึง ระบบป้องกันขีปนาวุธชั้นสูง (THAAD) บนพื้นดิน และระบบอาวุธ AEGIS (AWS) บนผิวน้ำ

ระบบการป้องกันขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง
ระบบ HBTSS องค์ประกอบหลักของระบบ OPIR แบบหลายชั้น ซึ่งเป็นการรวมกันของดาวเทียมรุ่นใหม่ (Next Gen OPIR) เพื่อสร้างเครือข่ายตรวจจับและติดตามภัยคุกคามจากอวกาศ ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจจับสัญญาณความร้อน การติดตามการทดสอบ ไปจนถึงการส่งข้อมูลให้ระบบป้องกันขีปนาวุธแบบ End-to-End

ระบบดาวเทียมรุ่นใหม่ (Next Gen OPIR) คืออะไร ?
ดาวเทียมรุ่นใหม่นี้ใช้ดาวเทียมตรวจจับและเตือนภัยขีปนาวุธ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาแทนระบบ SBIRS (Space-Based Infrared System) ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2000 จุดประสงค์หลักคือการเพิ่มขีดความสามารถในการ ตรวจจับการยิงขีปนาวุธ ทั้งข้ามทวีปและขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่มีการเคลื่อนที่ซับซ้อนและตรวจจับยาก
ระบบดาวเทียม Next Gen OPIR มีคุณสมบัติเด่น คือ การใช้เซนเซอร์อินฟราเรดช่วยตรวจจับสัญญาณความร้อนจากการปล่อยจรวดได้เร็วและแม่นยำ ออกแบบให้ทนต่อการโจมตีทางไซเบอร์และสงครามอวกาศ รวมถึงเลเซอร์และคลื่นรบกวน
โดยใช้โครงสร้างหลายชั้นทำงานร่วมกับดาวเทียม HBTSS และระบบ OPIR อื่น ๆ เพื่อให้ครอบคลุมต่อเนื่อง และสามารถติดตามเป้าหมายที่ซับซ้อนอย่างขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่บินเลี่ยงการตรวจจับได้
ความคืบหน้าของโครงการ HBTSS
ความคืบหน้าโครงการ HBTSS เริ่มจากปี พ.ศ. 2564 บริษัท Northrop Grumman ผ่านเงื่อนไขการทบทวนการออกแบบสำคัญต่อสำนักงานป้องกันขีปนาวุธ (MDA) และได้รับสัญญามูลค่า 153 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.05 พันล้านบาท โดยมีกำหนดส่งมอบต้นแบบในปี พ.ศ. 2566 โดยใช้เวลาเพียง 27 เดือน นับจากการได้รับสัญญา
หลังจากนั้นจะมีการทดสอบในวงโคจรเพื่อพิสูจน์ความสามารถจริงในการติดตามภัยคุกคามความเร็วเหนือเสียงและการส่งข้อมูลให้ระบบสกัดกั้น อย่างไรก็ตาม รายละเอียดการทดสอบระบบไม่ถูกเปิดเผยออกมากนัก เนื่องจากเป็นความลับด้านระบบป้องกันทางการทหาร และเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐอเมริกา
อาจกล่าวได้ว่า การพัฒนา HBTSS ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ให้พร้อมรับมือภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะจากเทคโนโลยีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่กำลังถูกเร่งพัฒนาโดยประเทศมหาอำนาจหลายชาติ
หากโครงการประสบความสำเร็จ ดาวเทียม HBTSS จะกลายเป็นดวงตาบนท้องฟ้าที่ช่วยให้กองทัพสหรัฐฯ ตรวจจับ ติดตาม และสกัดกั้นอาวุธทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายต่อเป้าหมายบนผิวน้ำ เช่น เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ สนามบินบนเกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นต้น
- บทสรุป Techsauce Global Summit 2025 ตอกย้ำภาพไทยสู่ ‘Tech Gateway’ แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- คณะรัฐมนตรีอนุมัติการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E/F จากประเทศสวีเดน
- พลังงานนิวเคลียร์ผลิตไฟฟ้ากับอาวุธนิวเคลียร์ มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
- เลื่อนปล่อยภารกิจ Ax-4 หลังพบการรั่วของออกซิเจนเหลว (LOx) ขณะตรวจสอบระบบ
- เช็กรุ่น iPhone รุ่นไหนรองรับ iOS 26 พร้อมอัปเดตดีไซน์ Liquid Glass สุดล้ำ
- เปิดตัว visionOS 26 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ยกระดับ Apple Vision Pro
- Stage Lighting เทคโนโลยีแสงสีคอนเสิร์ตฝีมือคนไทย ที่ไม่ด้อยกว่าใครในโลก ! lTech on the Table EP.10
