
การสนทนาในหัวข้อ "Future Ready Tech Workforce Thailand Stem Evolution พลิกโฉม STEM ไทย เตรียมแรงงาน Tech รับมืออนาคต" ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญเร่งด่วนของการพัฒนาบุคลากรในสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคศตวรรษที่ 21 และหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
สรุปข่าว
การสนทนาในหัวข้อ "Future Ready Tech Workforce Thailand Stem Evolution พลิกโฉม STEM ไทย เตรียมแรงงาน Tech รับมืออนาคต" ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญเร่งด่วนของการพัฒนาบุคลากรในสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ยุคศตวรรษที่ 21 และหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง
ความสำคัญของ STEM สำหรับประเทศไทย
STEM หรือ STEM ย่อมาจาก Science, Technology, Engineering, และ Mathematics ซึ่งเป็นพลังสำคัญของแรงงานไทยยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องใช้ทักษะการบูรณาการความรู้ การคิดวิเคราะห์ และการแก้ปัญหาเพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
การหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง (Middle-Income Trap) ประเทศไทยกำลังติดกับดักรายได้ปานกลาง และการจะหลุดพ้นได้ต้องอาศัย "Innovation" หรือนวัตกรรม ซึ่งมีรากฐานมาจาก STEM เป็นหลัก "นวัตกรรมในสายไบโอ ก็จะเป็น Science ถ้าเป็น AI ก็จะเป็นเทคโนโลยี ซึ่งสองอย่างนี้ก็ใช้ Mathematics และ Engineering ต่างๆ" ดังนั้น การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมที่เหนือกว่าการเป็นเพียงผู้ใช้เทคโนโลยี แต่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเองได้นั้น ต้องการกำลังคนที่มีความเข้าใจในศาสตร์ STEM
ประเทศไทยเป็นผู้ใช้ ไม่ใช่ผู้สร้าง คนไทยเป็นผู้ใช้และ Adopter เทคโนโลยีอันดับต้นๆ ของโลก แต่กลับเป็นผู้สร้าง (Creator) ในระดับที่น้อยมาก นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ว่า "เด็กไทยเลือกเรียนสายศิลป์มากกว่าสายวิทย์" ซึ่งสวนทางกับความต้องการของประเทศ
ปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนา STEM และ AI ในประเทศไทย
ประเทศไทยยังขาด "Local Champion" ที่เป็นที่รู้จักในวงการ AI ซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ได้ การสร้าง Champion ต้องอาศัย "Ecosystem" ที่เหมาะสม ซึ่งหมายถึงการร่วมมือกันของภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัย
โมเดลการลงทุนของนักลงทุนในประเทศไทยแตกต่างจากต่างประเทศ โดยมักคาดหวังผลตอบแทนที่รวดเร็วและมีอัตราความสำเร็จสูง "เหมือนลง 100 ต้องได้ 99" ซึ่งไม่เหมาะสมกับการลงทุนใน "Deeptech (Deep Technology)" ที่ต้องใช้เวลาและเงินในการพัฒนาในระยะยาว และยอมรับความล้มเหลวได้ในระดับหนึ่ง
ภาครัฐมักให้ "Seed Funding" ซึ่งทำให้ Startup ต้อง "Bootstrap" (พยุงตัวเอง) ด้วยการรับโปรเจกต์ต่างๆ เพื่อความอยู่รอด ในขณะเดียวกัน การพัฒนา AI ต้องการ Data ในการ Train ซึ่งต้องใช้เงิน พลังงาน และคอนเนกชันจำนวนมาก ภาครัฐควรวางโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพื่อสนับสนุน AI
การผลิตบุคลากรไม่ตรงกับตลาดงาน "งานกำลังพุ่งไปทางนี้ แต่เด็กที่ผลิตมาทางนี้" แสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องระหว่างการผลิตบุคลากรกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน แม้ AI จะเป็นเรื่องสนุกและไม่ยาก แต่ปัญหาอยู่ที่การส่งเสริมให้เด็กเลือกเรียน STEM มากขึ้น
การแบนการใช้ AI ในโรงเรียนจะทำให้เด็กไม่สามารถบูรณาการเข้ากับโลกการทำงานในอนาคตได้ แต่การปล่อยให้ใช้ AI โดยไม่มีการกำกับดูแลก็อาจทำให้เด็กไม่เรียนรู้อะไรเลย ครูจึงต้องปรับวิธีการประเมินผล "คุณต้องตรวจอะไรอ่ะ พร้อมที่เขาใส่เข้าไป เอามาเช็คอย่างที่คุณชนเช็คใช่ไหม อันถัดมาคือเขา Validate Fact หรือเปล่า Data ตรงเนี้ยเขามี Expert ที่จะรู้ว่ามันผิดมันถูก แล้วมันมาจาก Source ไหน หรือเปล่า"
แม้ AI จะเข้ามาช่วยลดการใช้คนในการทำงาน ซึ่งอาจเป็นข้อดีสำหรับประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย แต่คนที่ไม่สามารถใช้ AI ได้จะทำงานช้ากว่าคนอื่น 10 เท่า และจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง "คนที่ไม่ใช้ AI วันนี้ อยู่ยังไงดีกว่า" "คนที่ใช้ AI เป็น จะทำให้ทำงานเร็วขึ้น Efficiency จะสูงขึ้น คนกลุ่มนี้ไม่ถูกหรอก"
แนวทางแก้ไขและข้อเสนอแนะ
การสร้าง Champion เป็นหนึ่งในแนวทาง "เราต้อง Encourage เราต้อง Inspire ให้ นักศึกษา เด็กน้อยของเรา ตั้งแต่ประถมเนี่ย เค้ามี เค้าเห็นความสำคัญแล้วก็เห็น Success Case ของ STEM ในระดับนึง"
ทุกคนต้องรับผิดชอบในการพัฒนาทักษะของตนเอง ภาครัฐควรผลักดัน "แพลตฟอร์มที่สามารถเรียนรู้ออนไลน์ได้" พร้อมเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการ Up-skill และ Re-skill ได้ในวงกว้าง
เงินเดือนอาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวในการดึงดูดคน การสร้าง "Land of Opportunity" และความรู้สึกของการสร้าง "Impact ให้ประเทศ" เป็นสิ่งสำคัญ "เราไม่สามารถ Inspire เขาด้วยเงินเดือน เพราะว่าเราเป็นหน่วยรัฐนะ" แต่ "ความภาคภูมิใจทุกวันที่กลับไปโม้ให้ที่บ้านฟังได้ คือวันนี้ทำอะไรแล้วมันมี Impact กับประเทศยังไง"
ประเทศไทยมีจุดเด่นหลายอย่าง เช่น สภาพอากาศดี อาหารอร่อย ค่าครองชีพถูก และคนไทยใจดี ซึ่งสามารถใช้ดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาทำงานในประเทศได้
รัฐบาลสามารถดำเนินแคมเปญเพื่อปลูกฝังความรักชาติในมิติของการพัฒนาประเทศ "เราสามารถทำอย่างนั้นน่ะ กับการสร้างความรักชาติในมิติ ของเรื่องการพัฒนา" โดยเน้นย้ำคุณค่าของการนำความสามารถและทักษะมาใช้พัฒนาประเทศไทย
การพลิกโฉมแรงงานไทยให้พร้อมรับมือกับอนาคตด้านเทคโนโลยีนั้น เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องอาศัยการบูรณาการความพยายามจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่การสร้างแรงบันดาลใจในวัยเด็ก การปรับปรุงระบบการศึกษาและระบบนิเวศการลงทุน ไปจนถึงการสร้างโอกาสและคุณค่าที่ดึงดูดให้คนไทยและชาวต่างชาติที่มีความสามารถมาร่วมสร้างอนาคตของชาติ
- ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ เตรียมอัปศูนย์ราชการอัจฉริยะด้วย Smart Facility Management จาก Metthier
- AI ช่วยตรวจจับ “มะเร็งผิวหนัง” โดยไม่จำเป็นต้องเจาะชิ้นเนื้อ
- ผลสำรวจเผย คนไทยเรียกร้องให้แบรนด์เปิดเผยเกี่ยวการใช้ AI พร้อมแนะให้รัฐจัดการศึกษาเกี่ยวกับ AI อย่างครอบคลุม
- "Perplexity" ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Google Chrome 1.1 ล้านล้านบาท
