
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ แอมเฮิร์สต์ เผยแพร่งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า มนุษย์มีโอกาสถึง 90% ที่จะตรวจจับการระเบิดของ หลุมดำยุคดึกดำบรรพ์ (Primordial Black Hole – PBH) ด้วยกล้องโทรทรรศน์ทั้งบนโลกและในอวกาศ
การก่อตัวของจักรวาลและหลุมดำยุคดึกดำบรรพ์ ที่มาของภาพ ESA
สรุปข่าว
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ แอมเฮิร์สต์ เผยแพร่งานวิจัยล่าสุดเปิดเผยว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า มนุษย์มีโอกาสถึง 90% ที่จะตรวจจับการระเบิดของ หลุมดำยุคดึกดำบรรพ์ (Primordial Black Hole – PBH) ด้วยกล้องโทรทรรศน์ทั้งบนโลกและในอวกาศ
การก่อตัวของจักรวาลและหลุมดำยุคดึกดำบรรพ์ ที่มาของภาพ ESA
โดยหากการค้นพบนี้เกิดขึ้นจริงไม่เพียงยืนยันการมีอยู่ของหลุมดำที่ก่อตัวเพียงเสี้ยววินาทีหลังบิ๊กแบงเมื่อ 13,800 ล้านปีก่อน แต่ยังอาจพลิกความเข้าใจของเราต่อจักรวาล
นักฟิสิกส์เสนอว่า หลุมดำขนาดเล็กที่สุดซึ่งเกิดขึ้นในยุคแรกเริ่มของเอกภพอาจมีอายุสั้นและ “ระเหย” ด้วยกระบวนการที่สตีเฟน ฮอว์คิง เคยคาดการณ์ไว้ในปี 1975 ว่า หลุมดำจะปล่อยรังสีความร้อนที่เรียกว่า รังสีฮอว์คิง (Hawking Radiation) จนมวลค่อย ๆ หายไปและสิ้นสุดด้วยการระเบิด
อย่างไรก็ตาม ตามทฤษฎีเดิม เหตุการณ์นี้น่าจะเกิดขึ้นไม่เกิน 1 ครั้งในทุก 100,000 ปี
ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ แอมเฮิร์สต์ จึงได้เสนอแบบจำลองของเล่นดาร์ก-QED หรือ Dark-QED toy model โดยตั้งสมมติฐานว่าหลุมดำดึกดำบรรพ์อาจก่อตัวพร้อมประจุไฟฟ้ามืด และปล่อยอนุภาคสมมติที่เรียกว่า “อิเล็กตรอนมืด” หากเป็นเช่นนี้ หลุมดำดึกดำบรรพ์จะไม่คงอยู่ยาวนาน แต่จะระเบิดบ่อยขึ้นเฉลี่ยทุก ๆ 10 ปี
การระเบิดดังกล่าวอาจปล่อยอนุภาคหลากหลายชนิด ทั้งในและนอกแบบจำลองมาตรฐานของฟิสิกส์ เช่น ควาร์ก, ฮิกส์โบซอน หรือแม้แต่อนุภาคที่เกี่ยวข้องกับสสารมืด หากตรวจจับได้ จะถือเป็นหลักฐานโดยตรงของทั้งรังสีฮอว์คิงและหลุมดำยุคแรกเริ่ม พร้อมเปิดประตูสู่การค้นพบอนุภาคใหม่ ๆ ที่อาจไขความลับจักรวาล
ไมเคิล เบเกอร์ สมาชิกทีมวิจัยย้ำว่า “เราไม่ได้บอกว่ามันจะเกิดขึ้นแน่นอนในทศวรรษนี้ แต่มีโอกาสสูงถึง 90% และที่สำคัญคือ เรามีเทคโนโลยีสำหรับการสังเกตการณ์อยู่แล้ว”
หากการตรวจจับครั้งประวัติศาสตร์นี้เกิดขึ้นจริง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าจะ “ปฏิวัติวงการฟิสิกส์” และช่วยให้มนุษยชาติได้เขียนประวัติศาสตร์จักรวาลขึ้นใหม่อีกครั้ง งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Physical Review Letters เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา
- นักวิจัยพบ “อนุภาคโบราณ” อายุมากกว่าระบบสุริยะ ในตัวอย่างดาวเคราะห์น้อย “เบนนู”
- นักวิทย์อาจพบหลุมดำที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มวลเทียบเท่าดวงอาทิตย์ 36,000 ล้านดวง
- ข้าวต้นจิ๋ว 10 เซนติเมตร โตได้แม้ไร้แรงโน้มถ่วง เป้าหมายปลูกเลี้ยงบนอวกาศ
- นักวิจัยเผยกลไกร่างกายงูพบเซลล์ชนิดใหม่ช่วยในการย่อยกระดูกสมบูรณ์
- เผยเบื้องหลังภาพแรกจาก "กล้องที่ใหญ่ที่สุดในโลก" ความละเอียด 3,200 ล้านพิกเซล ตั้งอยู่ในชิลี
ที่มารูปภาพ : NASA
