อีลอน มัสก์ เผยอนาคตหุ่นยนต์ Optimus มีมูลค่าคิดเป็น 80% ของบริษัท พร้อมเผยหุ่นยนต์รุ่นใหม่ Gen 3

หุ่นยนต์ Optimus ขุมทรัพย์แห่งอนาคต

แม้ว่าการคาดการณ์นี้อาจฟังดูเกินจริงแต่หากพิจารณาจากประมาณการของนักวิเคราะห์จาก Morgan Stanley หรือ Citi ต่างเชื่อว่า ตลาดหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ (Humanoid robot) อาจมีมูลค่าสูงถึง 5-7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอนาคต โดยอีลอน มัสก์เองก็เคยเปรียบเทียบผลกระทบของหุ่นยนต์ AI ว่าเทียบเท่ากับการมาของไฟฟ้า

อีลอน มัสก์มีเป้าหมายที่จะขยายการผลิตหุ่นยนต์ Optimus ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยคาดว่าจะผลิตได้ 1 ล้านตัวต่อปี ภายในเวลา 5 ปีนับจากนี้ หรือการผลิตหุ่นยนต์ประมาณ 100,000 ตัวต่อเดือนภายใน 60 เดือนข้างหน้า 

เขายังได้กล่าวอีกว่าหวังที่จะขายหุ่นยนต์ Optimus ในราคาประมาณ 20,000 ถึง 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากเป็นไปตามเป้าหมาย ยอดขายจากหุ่นยนต์ Optimus ในช่วงต้นทศวรรษหน้าอาจสูงถึงประมาณ 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้มูลค่าของ Optimus ใกล้เคียง 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 40% ของมูลค่าตลาดปัจจุบันของ Tesla

โดยใช้จุดเด่นของหุ่นยนต์ Optimus มีศักยภาพในการใช้งานที่หลากหลาย เช่น การผลิต การดูแลผู้สูงอายุ งานบ้าน และความปลอดภัย 

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้อาจใช้เวลาหลายทศวรรษกว่าจะเป็นจริง โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจจะเกิดขึ้นภายในปี 2050 อุปสรรคสำคัญที่อาจเกิดขึ้นได้แก่ การแข่งขันที่รุนแรงในตลาดหุ่นยนต์ โดยมีบริษัทจีนอย่างบริษัท Unitree และ X-Humanoid 

Optimus Gen 3

เปิดตัว Optimus Gen 3 รุ่นต้นแบบใหม่ล่าสุดผสาน Grok AI

เมื่อเร็วๆ นี้ Tesla ได้เปิดเผย หุ่นยนต์ Optimus รุ่นต้นแบบยุคใหม่ (next-generation Optimus prototype) ที่มาพร้อมกับผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ AI "Grok" ในวิดีโอที่เผยแพร่บนเอ็กซ์ (X) การเปิดเผยนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่อีลอน มัสก์ อยู่กับมาร์ค เบนิออฟ (Marc Benioff) ซีอีโอของ Salesforce

วิดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นหุ่นยนต์ Optimus รุ่นต้นแบบใหม่ Gen 3  สามารถตอบคำถามและเดินด้วยท่าทางที่เป็นหุ่นยนต์มาก ซึ่งบ่งชี้ว่ายังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาเริ่มต้น การผนวกรวม Grok AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมันสามารถตอบคำถามที่มาร์ค เบนิออฟ (Marc Benioff) ถามในวิดีโอสั้น ๆ ได้

การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในรุ่นต้นแบบนี้ คือ รูปลักษณ์ภายนอกที่มี สีทองใหม่ ซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ การออกแบบมือที่ละเอียดขึ้นมาก เมื่อเทียบกับ Optimus รุ่นก่อนหน้า 

นอกจากนี้บริษัท Tesla ตั้งเป้าหมายให้มือของหุ่นยนต์ Optimus สามารถทำงานที่ละเอียดอ่อน เช่น ร้อยเข็ม หรือเล่นเปียโนได้ มัสก์เคยกล่าวถึงการพัฒนามือของ Optimus รุ่นใหม่ว่า มีแอคทูเอเตอร์ (Actuators) ที่ย้ายไปอยู่ที่ปลายแขน เช่นเดียวกับมือของมนุษย์ และควบคุมนิ้วผ่านสายเคเบิล ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่สำคัญจากการพัฒนาจากหุ่นยนต์ Optimus Gen 2  

การพัฒนาของหุ่นยนต์ Optimus ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ Tesla ในการขยายส่วนแบ่งการตลาดและเพิ่มมูลค่าบริษัทอย่างมหาศาล หาก Tesla สามารถพัฒนาและนำหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ออกสู่ตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพในอีกหลายปีข้างหน้า บริษัทจะได้รับประโยชน์อย่างมาก 

เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ จะนำหุ่นยนต์ Optimus ไปใช้กับงานที่ต้องใช้แรงงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อ ท้ายที่สุดแล้วในอนาคต Tesla อาจถูกมองว่าเป็นบริษัทหุ่นยนต์มากกว่าบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นได้