นักวิจัยเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์เอนเซลาดัส ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์

นักวิจัยเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์เอนเซลาดัส ดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์

ดวงจันทร์เอนเซลาดัส ดวงจันทร์น้ำแข็งขนาดเพียง 500 กิโลเมตร บริวารของดาวเสาร์ ในอดีตเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุดในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก เนื่องจากพบพวยน้ำแข็งและโมเลกุลอินทรีย์ที่พุ่งขึ้นจากรอยแยกใกล้ขั้วใต้ ซึ่งบ่งชี้ถึงมหาสมุทรใต้ผิวดินที่อาจเอื้อต่อการดำรงชีวิต 

สรุปข่าว

นักวิทยาศาสตร์พบว่าโมเลกุลอินทรีย์ที่ตรวจพบในพวยกาของเอนเซลาดัส ดวงจันทร์น้ำแข็งของดาวเสาร์ อาจไม่ได้มาจากมหาสมุทรใต้ผิวดิน แต่ก่อตัวบนพื้นผิวจากรังสีของดาวเสาร์เอง ผลการศึกษานี้จึงทำให้การค้นหาสิ่งมีชีวิตต่างดาวซับซ้อนขึ้น แม้ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เอนเซลาดัสจะเอื้อต่อการดำรงชีวิต

ดวงจันทร์เอนเซลาดัส ดวงจันทร์น้ำแข็งขนาดเพียง 500 กิโลเมตร บริวารของดาวเสาร์ ในอดีตเคยถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุดในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก เนื่องจากพบพวยน้ำแข็งและโมเลกุลอินทรีย์ที่พุ่งขึ้นจากรอยแยกใกล้ขั้วใต้ ซึ่งบ่งชี้ถึงมหาสมุทรใต้ผิวดินที่อาจเอื้อต่อการดำรงชีวิต 

แต่ผลการศึกษาล่าสุดที่นำเสนอในการประชุมวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ที่ฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 7-12 กันยายนที่ผ่านมา เผยว่า โมเลกุลอินทรีย์จำนวนมากอาจไม่ได้มาจากมหาสมุทรลึก หากอาจก่อตัวขึ้นบนพื้นผิวโดยตรงจากการที่เอนเซลาดัสได้รับรังสีอย่างต่อเนื่องจากสนามแม่เหล็กของดาวเสาร์

ทีมวิจัยนำโดย เกรซ ริชาร์ดส์ (Grace Richards) จากสถาบันฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งชาติอิตาลี ได้ทดลองจำลองสภาวะของเอนเซลาดัสในห้องปฏิบัติการ โดยนำส่วนผสมของน้ำ มีเทน แอมโมเนีย และคาร์บอนไดออกไซด์ไปทำให้เย็นจัด ก่อนยิงด้วยอนุภาคพลังงานสูง 

ผลลัพธ์ที่ได้ คือ เกิดสารประกอบต่าง ๆ เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ ไซยาเนต รวมถึงโมเลกุลอินทรีย์ซับซ้อนที่เป็นสารตั้งต้นของกรดอะมิโน ซึ่งบางชนิดตรงกับสิ่งที่ยานคาสสินี (Cassini-Huygens) ของนาซาค้นพบในพวยกาของเอนเซลาดัสเมื่อปี 2005 

ข้อมูลจากงานวิจัยบ่งชี้ว่า การแยกความแตกต่างระหว่างโมเลกุลที่มาจากมหาสมุทรกับโมเลกุลที่ก่อตัวจากรังสีบนผิวดวงจันทร์นั้นไม่ง่าย และอาจทำให้การตีความสัญญาณของสิ่งมีชีวิตต่างดาวทำได้ยากและซับซ้อนมากขึ้น

กราฟิกแสดงแบบจำลองสามมิติของไกเซอร์ 98 ตัวที่ตรวจพบโดยการสำรวจภาพถ่ายของยานแคสสินีในบริเวณขั้วโลกใต้ของเอนเซลาดัส เครดิตภาพ: ASA/JPL-Caltech) 

แม้ผลการทดลองที่เปิดเผยในงานวิจัยจะเพิ่มความซับซ้อนในการค้นหาสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์แห่งนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า นี่คือความท้าทายที่น่าตื่นเต้น เพราะแสดงให้เห็นว่าสารอินทรีย์สามารถก่อตัวขึ้นได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง และยังทำให้ดวงจันทร์เอนเซลาดัสคงสถานะเป็นเป้าหมายหลักของการสำรวจในอนาคต 

โดยมีแผนการสำรวจที่สำคัญ ๆ เช่น องค์การอวกาศยุโรป ESA ที่พัฒนาโครงการยานสำรวจ Voyage 2050 และแนวคิดยานสำรวจ Orbilander ของนาซา ที่ออกแบบมาเพื่อเก็บตัวอย่างกลุ่มควันของเอนเซลาดัสจากวงโคจร รวมไปถึงความพยายามจากจีนที่วางโครงการยานโคจร ยานลงจอด และหุ่นยนต์เจาะลึกเพื่อตามหาหลักฐานของสิ่งมีชีวิตใต้ผิวดิน 

สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Planetary & Space Science ฉบับวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา