Hyundai Rotem เผยโฉมรถถัง K2PL สำหรับประเทศโปแลนด์ ติดระบบป้องกันโดรน 2 ชั้น

รถถัง K2PL ระบบป้องกันโดรน 2 ชั้น

รถถังติดตั้งชุดป้องกันมาตรการรับมือโดรนของรถถังแบล็คแพนเธอร์ที่ดัดแปลงประกอบด้วยระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ในตัวเพื่อรบกวนการสื่อสารของโดรน และระบบป้องกันเชิงรุก (Active protection) ที่ออกแบบมาเพื่อทำลายภัยคุกคามทางกายภาพเมื่อเข้าใกล้รถถัง

ตัวอย่าง คือ ระบบ KAPS-2 จากเกาหลีใต้ซึ่งใช้เครือข่ายเรดาร์ระดับมิลลิเมตรสำหรับตรวจจับรอบด้าน และสั่งการป้อมปืนขนาดเล็กบนหอป้อมให้หันกำจัดเป้าหมายได้โดยอัตโนมัติ ป้อมปืนท้ายทั้งสองชุดสามารถหมุนติดตามโดรน ยิงทะลายและบรรจุกระสุนใหม่เองหลังยิงได้

นอกเหนือจากระบบต่อต้านโดรนแล้ว รถถังยังติดตั้งเกราะที่เสริมความทนทานให้กับตัวถังและป้อมปืน และติดตั้งโมดูลควบคุมระยะไกลที่มาพร้อมปืนกลลำกล้องใหญ่ ตามความต้องการของกองทัพโปแลนด์ 

รถถังมีจุดเด่นที่ ความคล่องตัวสูง และ ระบบอาวุธขั้นสูง รถถังรุ่นพื้นฐาน (K2) มีน้ำหนักต่อสู้ประมาณ 55-56 ตัน และติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 1,500 แรงม้า ทำให้มีความเร็วสูงสุดบนถนนประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีพิสัยปฏิบัติการประมาณ 450 กิโลเมตร สำหรับรุ่น K2PL นั้นคาดว่าจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ทำให้อาจจะเกิน 60 ตัน เนื่องจากมีการติดตั้งชุดเกราะเสริมตามความต้องการของโปแลนด์ ซึ่งอาจส่งผลให้ตัวเลขสมรรถนะเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ยังคงไว้ซึ่งความคล่องตัวที่ยอดเยี่ยม

ส่วนระบบปืนใหญ่ คาดว่าจะใช้เหมือนรถถังรุ่นพื้นฐาน (K2)คือ ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 120 มม. L/55 ของผู้พัฒนาเกาหลีใต้ Hyundai WIA CN08 ซึ่งมีระบบป้อนกระสุนอัตโนมัติ (Autoloader) ที่เก็บกระสุนได้ 16 นัด จากทั้งหมด 40 นัด ทำให้ลดจำนวนพลประจำรถเหลือเพียง 3 นาย

อย่างไรก็ตาม วิดีโอที่ถูกเปิดเผยออกมาไม่ระบุชัดเจนว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนบางส่วนของรถถัง K2PL จะถูกทดแทนหรือเปลี่ยนเป็นชิ้นส่วนที่ผลิตในโปแลนด์ และการปรับให้สอดคล้องกับมาตรฐานของนาโต้ (NATO) 

การผลิตในโปแลนด์และกรอบความร่วมมือ

หนึ่งในข้อตกลงกรอบระหว่างรัฐบาลโปแลนด์กับบริษัท ฮยอนได โรเท็ม กำหนดแผนการจัดซื้อรถถังรวม 1,000 คัน โดยจะสรุปสัญญารายชุดทั้งหมด 6 ฉบับ ๆ ละประมาณ 180 คัน 

สัญญาฉบับแรก ลงนามในปี 2022 ระบุการส่งมอบรุ่น K2GF (Gap Filler) รุ่นพื้นฐานของ Black Panther เพื่อการส่งมอบที่รวดเร็วก่อนจะอัปเกรดเป็น K2PL ในอนาคต

สัญญาฉบับที่สอง ลงนามเมื่อเดือนสิงหาคม ระบุการถ่ายโอนการผลิตส่วนสำคัญมายังโรงงาน ZM Bumar-Łabędy ในเมืองกลิวิซ ของโปแลนด์ โดยระบุแผนการผลิต K2PL แบบเต็มรูปแบบจำนวน 61 คันภายในโรงงานดังกล่าว 

นอกจากนี้ ข้อตกลงยังครอบคลุมการผลิตยานรบรุ่นพิเศษบนโครงสร้างแชสซีของรถถัง K2 ได้แก่ ยานเกราะซ่อมบำรุงทางวิศวกรรม 25 คัน ยานเกราะวางสะพานหุ้มเกราะ 25 คัน และรถกู้เคลื่อนย้ายพาหนะหุ้มเกราะ 31 คัน

ตามรายงานของเว็บไซต์ Militarnyi เงื่อนไขของสัญญาทำให้โปแลนด์จะได้รับเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการผลิตชิ้นส่วนสำคัญในพื้นที่ เช่น ตัวถัง หอป้อม ระบบกันสะเทือนไฮโดรนิวเมติกส์ อาวุธหลัก (ระบบปืน) และระบบชาร์จอัตโนมัติของรถถัง K2 เพื่อสนับสนุนขีดความสามารถในการผลิตภายในประเทศ

การเปิดตัวดีไซน์ K2PL ของบริษัท ฮยอนได โรเท็ม เกาหลีใต้ แสดงให้เห็นการผสมผสานระหว่างการเพิ่มความสามารถเชิงรุกในการป้องกันโดรนและการถ่ายโอนเทคโนโลยีการผลิตไปสู่โปแลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการจัดหาและพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของประเทศ โดยรายละเอียดด้านการแลกเปลี่ยนชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และการปรับมาตรฐานให้เข้ากับนาโต้ยังต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจากทั้งสองฝ่ายต่อไป