ศูนย์อวกาศของมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์ (University of Surrey's Space Centre) ในอังกฤษ ร่วมมือกับสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักรเปิดตัวเครื่องตรวจวัดสภาพอวกาศชุดใหม่ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับพายุสุริยะที่อาจคุกคามเครื่องบิน โครงข่ายไฟฟ้า และดาวเทียม
สรุปข่าว
ศูนย์อวกาศของมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์ (University of Surrey's Space Centre) ในอังกฤษ ร่วมมือกับสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักรเปิดตัวเครื่องตรวจวัดสภาพอวกาศชุดใหม่ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับพายุสุริยะที่อาจคุกคามเครื่องบิน โครงข่ายไฟฟ้า และดาวเทียม
เซนเซอร์ตรวจวัดรังสีตัวนี้ถูกส่งขึ้นไปสูงกว่า 100,000 ฟุต หรือราว 30 กิโลเมตร ด้วยบอลลูนตรวจสภาพอากาศจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งสหราชอาณาจักร รวมถึงอีกตัวจากสถาบันอุตุนิยมวิทยาแห่งเนเธอร์แลนด์ เพื่อวัดอนุภาคมีประจุและระดับรังสีในชั้นบรรยากาศส่วนบน
โดยการปล่อยบอลลูนครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม เป็นการทดสอบเพื่อพิสูจน์แนวคิด (proof-of-concept) เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากบอลลูน ไปเปรียบเทียบกับข้อมูลจากเครื่องตรวจวัดภาคพื้นดิน
การทำงานของตัวเซนเซอร์บนบอลลูน จะใช้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมของรังสีในชั้นบรรยากาศส่วนบน โดยการตรวจสอบอนุภาคที่ผ่านเข้ามา จากนั้น จำนวนอนุภาคที่ตรวจพบ จะถูกแปลงเป็นอัตราปริมาณรังสี ที่สามารถนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันต่อไป
สำหรับความร่วมมือนี้ มีขึ้นหลังจากเกิดการปะทุของเปลวสุริยะระดับ X-class เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ในสหราชอาณาจักรระบุว่าเป็นหนึ่งในการเพิ่มขึ้นของรังสีในชั้นบรรยากาศที่ระดับพื้นดิน (ground level enhancement หรือ GLE) ที่รุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี ทำให้อัตราปริมาณรังสี ณ ระดับความสูงในการบิน ของเที่ยวบินที่ละติจูดสูงบางเที่ยวบิน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างเหตุการณ์นี้ ทีมงานสามารถติดตั้งเซนเซอร์บางส่วนได้อย่างทันท่วงที ทำให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยพวกเขาเชื่อว่าเซนเซอร์สามารถเก็บชุดข้อมูลแรก ที่มีการวัดรังสีในพายุสุริยะ ตั้งแต่พื้นดินไปจนถึงระดับ 100,000 ฟุต หรือราว 30 กิโลเมตรในชั้นบรรยากาศ และกลับลงมาอีกครั้งได้สำเร็จ ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
ทั้งนี้ การปะทุบนดวงอาทิตย์จะส่งกระแสของอนุภาคพลังงานสูงและสนามแม่เหล็กมายังโลก ซึ่งบางครั้งรบกวนการสื่อสารทางวิทยุ การดำเนินงานของดาวเทียม และเที่ยวบินที่ละติจูดสูง ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าพายุที่ใหญ่กว่ามากอาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานสมัยใหม่หยุดชะงักอย่างรุนแรง
ด้วยเหตุนี้นักวิทยาศาสตร์จึงให้ความสนใจกับมันมากขึ้น เพราะส่งผลกระทบโดยเฉพาะต่อเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของโลก ทั้งนี้ทีมงานยังคงวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว และหวังว่าข้อมูลนี้จะช่วยปรับปรุงแบบจำลองใหม่ เพื่อการทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมของรังสีดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ที่มาข้อมูล : reutersconnect
