iRobot ยื่นล้มละลาย ส่งไม้ต่อกิจการหุ่นยนต์ดูดฝุ่น “Roomba” ตัวดังให้บริษัทจีน

โดยบริษัท iRobot ได้ขอยื่นความคุ้มครองการล้มละลายตามมาตรา 11 (Chapter 11) ต่อศาลในรัฐเดลาแวร์ ในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยความคุ้มครองนี้จะเป็นการเปิดทางให้บริษัทสามารถปรับโครงสร้างหนี้และจัดระเบียบธุรกิจใหม่ได้ โดยไม่ต้องหยุดดำเนินงาน

หัวใจสำคัญของแผนฟื้นฟูกิจการ iRobot คือ การให้บริษัท ไพเซีย โรโบติกส์ (Picea Robotics) บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนและผู้ให้กู้รายใหญ่จากจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านการผลิตของ iRobot มานาน เข้าซื้อกิจการทั้งหมด ส่งผลให้ iRobot จะเปลี่ยนจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น มาเป็นบริษัทเอกชนเต็มรูปแบบ เพื่อลดภาระทางการเงินและแรงกดดันจากนักลงทุน

โดยสาเหตุของวิกฤตครั้งนี้มาจากหลายปัจจัย ทั้งการแข่งขันจากแบรนด์หุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาประหยัด โดยเฉพาะจากจีน ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันบริษัท iRobot ยังต้องแบกรับต้นทุนด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและการผลิตที่สูงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากภาษีนำเข้าในบางตลาด

ตามข้อมูลของบริษัทผู้พัฒนาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรูมบา กำลังครองส่วนแบ่งตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นราว 42% ในสหรัฐอเมริกา และสูงถึง 65% ในญี่ปุ่น แม้จะเป็นผู้นำตลาด แต่ก็ไม่อาจต้านแรงกดดันจากคู่แข่งราคาถูกและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ การล่มสลายของดีลซื้อกิจการกับบริษัท Amazon มูลค่ากว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ หลังเผชิญการตรวจสอบด้านการแข่งขันจากหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป ทำให้ iRobot สูญเสียทั้งเงินทุน โอกาสในการขยายธุรกิจ และความเชื่อมั่นจากตลาด

แม้สถานการณ์จะสะท้อนความท้าทายของผู้บุกเบิกตลาดสมาร์ตโฮม แต่บริษัท iRobot ยังคงมีเป้าหมายในการปรับโครงสร้างครั้งนี้เพื่อรักษาแบรนด์ โดยแกรี่ โคเฮน (Gary Cohen) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไอโรบอท กล่าวว่า ธุรกรรมดังกล่าวจะช่วยเสริมสถานะทางการเงินและทำให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมยืนยันว่าการขายสินค้า การใช้งานแอปพลิเคชัน และบริการลูกค้าจะยังคงดำเนินตามปกติ