กรุงเทพวิกฤต เตรียมใช้ชีวิตกลางแจ้งไม่ได้ หากร้อนเพิ่มแค่ “1 องศา” คร่าชีวิตได้นับพัน

กรุงเทพวิกฤต เตรียมใช้ชีวิตกลางแจ้งไม่ได้ หากร้อนเพิ่มแค่ “1 องศา” คร่าชีวิตได้นับพัน

บทความนี้โอ๋อาจจะขอพูดกับพวกเราชาวกรุงเทพโดยตรง โดยเฉพาะใครอยู่ปทุมวัน บางรัก และ ราชเทวี ต้องฟัง เพราะล่าสุดเพิ่งมีรายงานการศึกษาโดย ธนาคารโลก และ กรุงเทพมหานคร เผยแพร่ออกมาเรื่อง
“พลิกโฉมกรุงเทพฯ ให้เย็นสบาย แก้ปัญหาความร้อนเพื่อมหานครที่น่าอยู่” พบว่า

ปัจจุบันกรุงเทพเผชิญกับ ภาวะความร้อนในเมือง ที่รุนแรงมากขึ้น เป็น “เกาะความร้อน” ปรากฎการณ์ที่พื้นที่ในเมือง จะร้อนกว่า นอกเมือง  โดยเฉพาะ   3 เขตโชคร้าย ร้อนที่สุดในกทม.  คือ  ปทุมวัน บางรัก  ราชเทวี ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ  2.8 องศา ยิ่งกลางคืนสูงกว่าถึง 6°C 

สรุปข่าว

อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นแค่ 1 องศา อาจคร่าชีวิตคนกรุงได้กว่าพันรายต่อปี เทียบเท่ายอดตายจากอุบัติเหตุบนท้องถนนในกรุงเทพฯ กลายเป็น “เกาะความร้อน” ที่ตึกยิ่งแน่น ยิ่งร้อน ยิ่งอันตราย โดยเฉพาะ 3 เขต ปทุมวัน บางรัก และราชเทวี หากไม่เร่งแก้ไข ปี 2593 คนกรุงอาจอยู่กลางแจ้งไม่ได้อีกต่อไป… และสิ่งเหล่านี้ ยังพอหยุดได้ ถ้าเราช่วยกันตั้งแต่วันนี้

บทความนี้โอ๋อาจจะขอพูดกับพวกเราชาวกรุงเทพโดยตรง โดยเฉพาะใครอยู่ปทุมวัน บางรัก และ ราชเทวี ต้องฟัง เพราะล่าสุดเพิ่งมีรายงานการศึกษาโดย ธนาคารโลก และ กรุงเทพมหานคร เผยแพร่ออกมาเรื่อง
“พลิกโฉมกรุงเทพฯ ให้เย็นสบาย แก้ปัญหาความร้อนเพื่อมหานครที่น่าอยู่” พบว่า

ปัจจุบันกรุงเทพเผชิญกับ ภาวะความร้อนในเมือง ที่รุนแรงมากขึ้น เป็น “เกาะความร้อน” ปรากฎการณ์ที่พื้นที่ในเมือง จะร้อนกว่า นอกเมือง  โดยเฉพาะ   3 เขตโชคร้าย ร้อนที่สุดในกทม.  คือ  ปทุมวัน บางรัก  ราชเทวี ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นที่โดยรอบ  2.8 องศา ยิ่งกลางคืนสูงกว่าถึง 6°C 

เพราะเต็มไปด้วยอาคารสูง พื้นผิวคอนกรีตหนาแน่น   สะสมความร้อนเวลากลางวัน ระบายช้า แน่นอนว่าส่งผลต่อคุณภาพชีวิตประชากร : ค่าไฟแพง เครียด นอนหลับไม่ดี และโรคเรื้อรังต่างๆตามมา 

และในช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา กรุงเทพมีวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศา 60 - 100 วัน หากปล่อยสถานการณ์ไว้แบบนี้ ในปี 2643 จะมีจำนวนวันที่อุณหภูมิสูงกว่า 35 องศา เกือบครึ่งปี! หรือ 153 วัน ซึ่งนับแต่ ปี 2000  อุณหภูมิในกรุงเทพฯ เพิ่มสูงขึ้น  1 - 1.2 °C มานานแล้ว  ทั้งที่ในอดีต กรุงเทพฯ  เคยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 28–30°C เท่านั้น

📍 ทำไมกรุงเทพฯ กลายเป็น เกาะความร้อน ? 

1. เต็มไปด้วยวัสดุดูดความร้อน

2. พื้นที่สีเขียวยังไม่เพียงพอ 
'องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ประชาชน 1 คน ต้องการพื้นที่สีเขียว 9-15 ตารางเมตร 
แต่ชาวกรุงเทพฯ มีพื้นที่สีเขียวเพียง  7.49 ตร.ม. /คน และสัดส่วนพื้นที่ร่มไม้ในเมืองกรุงมีเพียง 17 %

3. ยิ่งร้อน ยิ่งเปิดแอร์  ก็ยิ่งปล่อยความร้อนสู่ภายนอก = โลกก็ยิ่งร้อนขึ้น

🌡หากไม่แก้ที่ต้นเหตุที่ทำให้โลกร้อน อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นแค่ 1 องศา 
 สามารถส่งผลกระทบต่อทุกชีวิตบนโลกได้มหาศาล  เหมือนเช่น

เยอรมนี-เบลเยียม (ปี 2021)

น้ำท่วมหนักที่สุดในรอบหลายทศวรรษ จากฝนตกหนักเพราะ โลกร้อน ขึ้น

อินเดีย-ปากีสถาน (ปี 2022)

มีผู้เสียชีวิตนับพันจากเหตุการณ์คลื่นความร้อนมรณะ พุ่งทะลุ 50 °C ในหลายเมือง เช่น เมืองจาโคบาบัด และ กรุงนิวเดลี 

 กรุงเทพฯ คาดการณ์ว่า

มีผู้เสียชีวิตจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น 1 องศา ถึง  2,300 ราย/ปี  สถิติพอๆกับอุบัติเหตุบนท้องถนน   ปี 2565 คนกรุงเสียชีวิตถึง 2,524 คน เพราะผู้คนจะเจ็บป่วย  ด้วยโรคจากความร้อนและแสงอาทิตย์มากขึ้น

ต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้น 17,000 ล้าน/ต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 400–450 บาท/ครัวเรือน /เดือน

ปี 2593 ผู้คนอาจทำงานกลางแจ้งไม่ได้อีกต่อไป  ข้อมูล ปี 2562 พบว่ามีแรงงาน 1.3 ล้านคน ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง อย่างน้อยๆ 1 วันต่อสัปดาห์  แต่ความร้อนที่รุนแรง เป็นอันตรายต่อสุขภาพ  ทำให้พวกเขาทำงานกลางแจ้งไม่ได้อีกต่อไป  ส่งผลให้ผลิตภาพแรงงานลดลง 3.4 % เสียค่าจ้างแรงงานสูงถึง  44,700 ล้านบาท/ปี  กระทบต่อห่วงโซ่ธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมระดับประเทศ

3 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด 

เด็กและผู้สูงอายุ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน

อาชีพกลางแจ้ง : ก่อสร้าง กวาดถนน วินมอเตอร์ไซค์ พ่อค้าแม่ค้า Rider

  กลุ่มเปราะบางในชุมชนแออัด ไม่มีแอร์  ไม่มีทางหนีความร้อนไปได้

" หายนะที่อาจเกิดขึ้นแค่การณ์ แปลว่า เรายังมีโอกาส หยุดยั้ง หากทุกคนร่วมมือกัน "

 🏙 สิ่งที่กรุงเทพฯ ทำไปแล้ว  

ระยะแรก
  ปลูกต้นไม้ครบ 1 ล้านต้น  และ “สร้างสวนขนาดเล็ก 15 นาที”  

โครงการ “Metro Forest” ป่ากลางเมืองกรุง พัฒนาโดยเอกชน

ป้ายรถเมล์ Sabuy Square ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ - ช่วยให้ร่มเย็น

ระบบ District Cooling พัฒนาโดยเอกชนในห้างใหญ่ คือการ ผลิตความเย็นที่เดียวและกระจายไปทางท่อ ลดการปล่อยก๊าซ CO2 และประหยัดพลังงานสูงถึง 50% 


ระยะที่ 2 
Hot Season Framework (ทำช่วงร้อนจัด) 
ใช้เกณฑ์ “Heat Index” แบ่งระดับความร้อนเพื่อเตรียมเตือนภัยประชาชน รับมือกับคลื่นความร้อน แบ่งเป็น  4 ระดับ  เฝ้าระวัง - เตือนภัย - วิกฤต - วิกฤตสุด  ต้องอพยพ หากคลื่นความร้อนสูงเกินกว่า 67 องศา 


🧭 แต่มันก็มีสิ่งที่รายงานแนะนำให้ทำ  “แต่ยังเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ร่วมมือกัน” 

 หาพื้นที่ “ร้อนจัด” เพื่อวางแผนจัดทรัพยากร เช่น  ปลูกต้นไม้เพิ่ม ติดโครงสร้างให้ร่ม  

ตั้ง “Chief Heat Officer” คนและหน่วยงานดูแลเรื่องภัยจากคลื่นความร้อนโดยเฉพาะ

ปรับกฎหมายบังคับให้ตึกใหม่ต้องมีพื้นที่สีเขียว-หลังคาสะท้อนแสง 

เปิด Cooling Centers หรือ “ศูนย์หลบร้อน” ให้ปชช.ในวัด โรงเรียน ห้องสมุด

ทำระบบสื่อสารแจ้งเตือนภัย T - Alert ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มและมีประสิทธิภาพ 

 ขยาย “โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว-น้ำ” ภาครัฐ - เอกชน เพิ่มต้นไม้ สวนสาธารณะ  สวนดาดฟ้า น้ำดื่มสาธารณะให้บริการ 

สุดท้ายอยากฝากไว้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ไม่เห็นมีใครทำ ไม่ต้องรอ
เพราะอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้น  1 องศา…อาจหมายถึง หนึ่งชีวิตที่หายไปและอาจเป็นคนใกล้ตัวคุณ

ถึงเวลาเลิกถามว่า “ใครจะทำ”  ควรเป็น “เราจะช่วยกันทำยังไง?” ให้กรุงเทพมหานคร บ้านที่เรารัก กลับมาเย็นสบาย กลายเป็นมหานครที่น่าอยู่ต่อไปในอนาคต รุ่นลูก รุ่นหลานเรา