ไขทีละขั้น ดีเอสไอเปิดเกมล่าฮั้วประมูลตึก สตง. จนถึงมือ ป.ป.ช.

ไขทีละขั้น ดีเอสไอเปิดเกมล่าฮั้วประมูลตึก สตง. จนถึงมือ ป.ป.ช.

ดีเอสไอเปิดคดีฮั้วประมูลสตง. ชี้ผู้บริหารระดับสูง 3 ราย เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ขยายผลการสอบสวนคดีนอมินีบริษัทต่างชาติสู่คดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ หลังพบพฤติการณ์ล็อกสเปกและการแบ่งผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมในทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการควบคุมงาน

การฮั้วประมูลในทุกมิติ เปิดเส้นทางความผิดปกติ

การสอบสวนครั้งนี้เริ่มขึ้นจากข้อมูลที่ได้จากคดีนอมินีบริษัทต่างชาติ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบเครือข่ายการฮั้วประมูลในโครงการสร้างตึกสตง. ที่มีมูลค่าสูงถึงหลายพันล้านบาท ผลการสอบสวนพบว่า มีการล็อกสเปกในสัญญาหลักทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาออกแบบ สัญญารับเหมาก่อสร้าง และสัญญาควบคุมงาน

กิจการร่วมค้า ITD-CREC ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ และบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้ร่วมมือกับกิจการร่วมค้า PKW ในการจัดสเปกเพื่อให้บริษัทเฉพาะกลุ่มได้งาน โดยเฉพาะการเจาะจงเลือกบริษัทเขียนแบบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่มาจากจีนและไทย

สรุปข่าว

ดีเอสไอเปิดเผยผลสอบสวนคดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างสำนักงานสตง. มูลค่าหลายพันล้านบาท พบผู้บริหารระดับสูง 3 ราย เกี่ยวข้องกับการล็อกสเปกและแบ่งผลประโยชน์ในสัญญาออกแบบ ก่อสร้าง และควบคุมงาน มีการปลอมลายเซ็นวิศวกรและอ้างชื่อเท็จ เตรียมส่งพยานหลักฐานกว่า 17,000 แผ่นให้ ป.ป.ช. ไต่สวนต่อไป

ดีเอสไอเปิดคดีฮั้วประมูลสตง. ชี้ผู้บริหารระดับสูง 3 ราย เข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ขยายผลการสอบสวนคดีนอมินีบริษัทต่างชาติสู่คดีฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ หลังพบพฤติการณ์ล็อกสเปกและการแบ่งผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรมในทุกขั้นตอนของโครงการ ตั้งแต่การออกแบบ การก่อสร้าง ไปจนถึงการควบคุมงาน

การฮั้วประมูลในทุกมิติ เปิดเส้นทางความผิดปกติ

การสอบสวนครั้งนี้เริ่มขึ้นจากข้อมูลที่ได้จากคดีนอมินีบริษัทต่างชาติ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบเครือข่ายการฮั้วประมูลในโครงการสร้างตึกสตง. ที่มีมูลค่าสูงถึงหลายพันล้านบาท ผลการสอบสวนพบว่า มีการล็อกสเปกในสัญญาหลักทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ สัญญาออกแบบ สัญญารับเหมาก่อสร้าง และสัญญาควบคุมงาน

กิจการร่วมค้า ITD-CREC ซึ่งประกอบด้วยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ และบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ได้ร่วมมือกับกิจการร่วมค้า PKW ในการจัดสเปกเพื่อให้บริษัทเฉพาะกลุ่มได้งาน โดยเฉพาะการเจาะจงเลือกบริษัทเขียนแบบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่มาจากจีนและไทย

เครือข่ายการปลอมแปลงและการอ้างชื่อเท็จ

ความซับซ้อนของคดีนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงการล็อกสเปกเท่านั้น แต่ยังพบการปลอมลายเซ็นวิศวกรในเอกสารควบคุมงาน เพื่อให้ผ่านเกณฑ์การประเมินและได้รับงานโดยไม่ถูกต้อง กลุ่มบริษัทควบคุมงานภายใต้ PKW ถูกพบว่าไม่ได้ทำหน้าที่ควบคุมงานจริง แต่เป็นเพียงการอ้างชื่อเพื่อให้ผ่านกระบวนการตรวจสอบ

พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลให้รัฐบาลได้รับความเสียหายทางงบประมาณที่อาจไม่สามารถประเมินได้ในตัวเลขที่แท้จริง เนื่องจากราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงกว่าที่ควรจะเป็นหากมีการแข่งขันที่เป็นธรรม

ผู้บริหารสตง. 3 ราย อยู่ในสายตาการสอบสวน

ดีเอสไอได้ระบุผู้บริหารระดับสูงของสตง. จำนวน 3 ราย ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้โดยตรง โดยหลีกเลี่ยงการเปิดเผยชื่อในขณะนี้ เนื่องจากอยู่ระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกสอบสวนประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งระดับประธานกรรมการ อดีตผู้บริหารระดับสูง และผู้ช่วยในระดับผู้บริหาร

การมีส่วนเกี่ยวข้องของผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ทำให้คดีมีความซับซ้อนและความร้ายแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มเอกชนบางราย ซึ่งขัดต่อหลักการทำงานของหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินแผ่นดิน

พยานหลักฐานกว่า 17,000 แผ่น เตรียมส่งป.ป.ช.

ดีเอสไอได้รวบรวมพยานเอกสารมากกว่า 17,000 แผ่น พร้อมกับพยานบุคคลภายในที่ให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการล็อกสเปกและการแบ่งผลประโยชน์ที่ไม่เป็นธรรม หลักฐานเหล่านี้เชื่อมโยงถึงกระบวนการที่ผิดปกติในทุกขั้นตอนของโครงการ

พฤติกรรมที่พบเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 11 ซึ่งกำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ความร้ายแรงของโทษแสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อความเป็นธรรมในระบบจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ

ขั้นตอนต่อไป เส้นทางสู่ป.ป.ช. และกระบวนการไต่สวนที่รอคอย

ดีเอสไอได้แจ้งว่าจะส่งสำนวนสอบสวนและหลักฐานทั้งหมดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้ดีเอสไอมีหน้าที่รวบรวมสำนวนและหลักฐานส่งให้ป.ป.ช. เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อป.ป.ช. รับเรื่องแล้ว จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาเบื้องต้นเพื่อประเมินหลักฐานและกำหนดขั้นตอนการไต่สวน หากพบว่ามีมูลจะเข้าสู่กระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ โดยกระบวนการไต่สวนของป.ป.ช. จะใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี นับจากวันที่รับเรื่อง และสามารถขยายเวลาได้อีก 1 ปี รวมไม่เกิน 3 ปี เว้นแต่มีเหตุจำเป็นพิเศษ

ในกระบวนการนี้ ป.ป.ช. มีอำนาจพิจารณาว่าจะดำเนินการไต่สวนเองหรือมอบหมายให้หน่วยงานอื่น เช่น ดีเอสไอ ร่วมดำเนินการสอบสวนในบางส่วนได้ ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดีและปริมาณหลักฐานที่ต้องพิจารณา

สำหรับผู้ถูกกล่าวหา หากมีการแจ้งข้อกล่าวหาจะมีสิทธิ์ในการชี้แจงและนำพยานหลักฐานมาแสดง รวมถึงมีสิทธิ์ปรึกษาทนายความตามมาตรฐานการไต่สวนของป.ป.ช. ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการยุติธรรม

หากคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดในที่สุด จะดำเนินการส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรืออัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีต่อไปตามกระบวนการทางกฎหมาย

คดีนี้ถือเป็นคดีทุจริตเชิงนโยบายที่มีเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงของสตง. เข้าไปเกี่ยวข้องกับการฮั้วประมูลและล็อกสเปกโครงการก่อสร้างอาคารใหม่ของหน่วยงานตนเอง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของระบบตรวจสอบการใช้เงินแผ่นดินของประเทศ

การดำเนินคดีครั้งนี้จะเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของระบบยุติธรรมในการจัดการกับคดีทุจริตระดับสูง และจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม แม้แต่ผู้ที่ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินแผ่นดิน

ที่มาข้อมูล : TNN เรียบเรียง

ที่มารูปภาพ : กทม.

บรรณาธิการออนไลน์