ศาลโลกคืออะไร ?​ ทำไมกัมพูชาต้องยื่นฟ้อง แก้ปัญหาดินแดนผ่านศาลนี้เท่านั้น

ศาลโลกคืออะไร ?​ ทำไมกัมพูชาต้องยื่นฟ้อง แก้ปัญหาดินแดนผ่านศาลนี้เท่านั้น

ยังไม่จบกับประเด็นข้อพิพาทดินแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะล่าสุด ทางกัมพูชายืนกรานว่าจะส่ง พื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบ ฟ้องศาลโลก โดยจะไม่นำพื้นที่ 4 แห่งนี้ มาร่วมเจรจาผ่านการประชุม  JBC 


แล้วอย่างนี้ ทำไม “ศาลโลก” ถึงมีบทบาทสำคัญมากขนาดนี้ 

คำว่า “ศาลโลก” จริง ๆ แล้วเป็นชื่อเรียกติดปากกันอย่างไม่เป็นทางการ เพราะชื่อของมันคือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ตั้งขึ้นตามกฎบัตรสหประชาชาติ เมื่อเดือนมิถุนายน 1945 มีฐานะเป็นองค์กรตุลาการของ UN และเริ่มปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี 1948


ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ มีหน้าที่หลักอยู่ 2 ประการ คือ 


  1. ตัดสินชี้ขาดข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างรัฐต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเด็นดินแดนพิพาทที่เรากำลังเผชิญอยู่ 

  2. ให้คำแนะนำทางกฎหมายแก่องค์กรต่าง ๆ และหน่วยงานพิเศษของ UN 

สรุปข่าว

“ศาลโลก” จริง ๆ แล้วเป็นชื่อเรียกติดปากกันอย่างไม่เป็นทางการ ชื่อจริงคือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ตั้งขึ้นตามกฎบัตรสหประชาชาติ เมื่อเดือนมิถุนายน 1945 มีฐานะเป็นองค์กรตุลาการของ UN และเริ่มปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี 1948 มีหน้าที่ตัดสินชี้ขาดข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างรัฐต่าง ๆ และให้คำแนะนำทางกฎหมายแก่องค์กรต่าง ๆ และหน่วยงานพิเศษของ UN

ยังไม่จบกับประเด็นข้อพิพาทดินแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะล่าสุด ทางกัมพูชายืนกรานว่าจะส่ง พื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด ปราสาทตาควาย และพื้นที่มุมไบ ฟ้องศาลโลก โดยจะไม่นำพื้นที่ 4 แห่งนี้ มาร่วมเจรจาผ่านการประชุม  JBC 


แล้วอย่างนี้ ทำไม “ศาลโลก” ถึงมีบทบาทสำคัญมากขนาดนี้ 

คำว่า “ศาลโลก” จริง ๆ แล้วเป็นชื่อเรียกติดปากกันอย่างไม่เป็นทางการ เพราะชื่อของมันคือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ตั้งขึ้นตามกฎบัตรสหประชาชาติ เมื่อเดือนมิถุนายน 1945 มีฐานะเป็นองค์กรตุลาการของ UN และเริ่มปฏิบัติหน้าที่มาตั้งแต่ปี 1948


ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ มีหน้าที่หลักอยู่ 2 ประการ คือ 


  1. ตัดสินชี้ขาดข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างรัฐต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น ประเด็นดินแดนพิพาทที่เรากำลังเผชิญอยู่ 

  2. ให้คำแนะนำทางกฎหมายแก่องค์กรต่าง ๆ และหน่วยงานพิเศษของ UN 

ศาลนี้มีที่ตั้งอยู่กรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วยผู้พิพากษา 15 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง 9 ปี โดยจะต้องเป็นผู้ได้รับการเลือกมาจากที่ประชุมของสมัชชาแห่งสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ 


ส่วนสำคัญคือ บุคคลที่จะเป็นคู่ความในคดีทั้งฝ่ายโจทย์และจำเลย ต้องเป็นรัฐเท่านั้น เช่น ไทยและกัมพูชา เป็นต้น 


คดีที่เคยนำขึ้นมาพิจารณาผ่านศาลโลก ได้แก่ คดีเขาพระวิหาร ระหว่างกัมพูชาและไทย, คดีฟ้องร้องอิสราเอล กรณีก่อกำแพงบนพื้นที่ปาเลสไตน์ ยื่นโดยแอฟริกาใ้ต้ และคดีฟ้องเมียนมา กรณีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์งชาวโรฮิงญา ยื่นฟ้องโดยแกมเบีย เป็นต้น 

แล้วไทยไม่ไปขึ้นศาลโลกสามารถทำได้ไหม คำตอบคือ “ได้” 


เพราะถึงแม้ศาลแห่งนี้ จะมีอำนาจตัดสินคดีความระหว่างรัฐกับรัฐ แต่ความเป็นจริง ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะไม่มีเขตอำนาจศาลในลักษณะบังคับได้ ฉะนั้น รัฐสามารถที่จะไม่ยอมรับอำนาจศาลได้ และไม่มาปรากฎตัวต่อศาลก็ได้ หากรัฐนั้นไม่ยินยอม 


ผลจึงทำให้ศาลมีเขตอำนาจจำกัด เพราะต้องขึ้นอยู่กับการยอมรับอำนาจศาลของรัฐที่เกี่ยวข้องในคดีพิพาทด้วย เขตอำนาจศาลจึงเป็นไปในลักษณะของเขตอำนาจทางเลือกไม่ใช่เขตอำนาจบังคับ ไม่เหมือนกับที่เวลาเราฟ้องร้องใครสักคน ศาลก็จะสามารถบังคับให้อีกฝ่ายทำตามกฎหมายได้  


ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีประเทศที่ยอมรับอำนาจศาลโลกทั้งสิ้น 74 ประเทศและดินแดน จากจำนวนสมาชิก UN ทั้งหมด 193 ประเทศและดินแดน โดยประเทศไทยไม่มีรายชื่ออยู่ในประเทศที่ยอมรับอำนาจศาลดังกล่าว 


แหล่งข้อมูลอ้างอิง: 


https://libdoc.dpu.ac.th/article/B199.pdf

https://www.ungeneva.org/en/news-media/news/2024/01/89269/what-international-court-justice-and-why-does-it-matter

https://www.icj-cij.org/declarations