บันทึกวาจาหลักเขตที่ 23 หลักฐานสำคัญ กัมพูชามั่นใจใช้สู้คดีในศาลโลก

บันทึกวาจาหลักเขตที่ 23 หลักฐานสำคัญ กัมพูชามั่นใจใช้สู้คดีในศาลโลก

ทำไม ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ยืนยันยื่นเรื่องต่อศาลโลกในข้อพิพาทชายแดน 4 จุด  ระหว่างไทย-กัมพูชา 

โดยไม่สนใจว่าจะมีการประชุม JBC ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีมาตรการตอบโต้ไทยเป็นระยะ ทั้งเรื่องการเรียกร้องให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศ เปลี่ยนการซื้อแหล่งพลังงานไฟฟ้าไม่ใช้ของไทย รวมไปจนถึงสั่งแบนหนัง แบนละครที่มาจากประเทศไทย 

คำตอบก็คือ กัมพูชามั่นใจว่าการไปศาลโลก คือ ข้อได้เปรียบของกัมพูชา ในการจัดการปัญหาเขตแดนที่ทับซ้อนกับไทย 

ภาพที่ ฮุน มาเนต โพสต์เพื่อประกาศว่าเตรียมยื่นเอกสารต่อศาลโลก 

 

สรุปข่าว

ไม่เพียงชัยชนะ 2 ครั้งในศาลโลกเท่านั้นที่ทำให้กัมพูชามั่นใจ เดินหน้านำ้อพิพาดเขตแดน 4 จุดเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลกอีกครั้ง เพราะรัฐบาล "ฮุน มาเนต" มั่นใจในหลักฐานสำคัญ บันทึกวาจาหลักเขตที่ 23 ที่มี "ลัม เจีย" รัฐมนตรีกระทรวงกิจการชายแดน ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายฝรั่งเศสนำทีมกฎหมายกัมพูชา ต่อสู้คดีในศาลโลก

ทำไม ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ยืนยันยื่นเรื่องต่อศาลโลกในข้อพิพาทชายแดน 4 จุด  ระหว่างไทย-กัมพูชา 

โดยไม่สนใจว่าจะมีการประชุม JBC ซึ่งเป็นแนวทางการแก้ปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ 

ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีมาตรการตอบโต้ไทยเป็นระยะ ทั้งเรื่องการเรียกร้องให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศ เปลี่ยนการซื้อแหล่งพลังงานไฟฟ้าไม่ใช้ของไทย รวมไปจนถึงสั่งแบนหนัง แบนละครที่มาจากประเทศไทย 

คำตอบก็คือ กัมพูชามั่นใจว่าการไปศาลโลก คือ ข้อได้เปรียบของกัมพูชา ในการจัดการปัญหาเขตแดนที่ทับซ้อนกับไทย 

ภาพที่ ฮุน มาเนต โพสต์เพื่อประกาศว่าเตรียมยื่นเอกสารต่อศาลโลก 

 

ปัจจัยสนับสนุนในเรื่องนี้ส่วนหนึ่งก็คือผลการตัดสินของศาลโลก ที่กัมพูชากุมชัยชนะในคดีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร ทั้งในปี พ.ศ.2505 และ พ.ศ.2556 

ขณะเดียวกันกัมพูชาในยุคของฮุน เซ็น จนไปมาถึง ฮุน มาเนต ยังให้ความสำคัญเรื่องของการปักปันเขตแดนเป็นอันดับแรก ๆ ในการบริหารประเทศ เห็นได้จากการตั้งกระทรวงกิจการชายแดน โดยรัฐมนตรีคนปัจจุบัน คือ นายลัม เจีย นักกฎหมายที่จบจากฝรั่งเศส และ เป็นผู้เปิดหลักฐานสำคัญในส่วนของกัมพูชา เมื่อ ปี ค.ศ. 2011หรือ พ.ศ. 2554 

โดเมื่อ 14 ปีก่อน สถานีโทรทัศน์กัมพูชา ได้เปิดหลักฐานของกัมพูชาชี้ว่า ตัวปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย อยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา

ลัม เจีย เมื่อ 14 ปีก่อน ขณะอธิบายหลักฐานทางเขตแดนที่กัมพูชา บันทึกวาจาหลักเขตที่ 23 ค.ศ.1908 

ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ นักวิชาการจากวิทยาลัยนานาชาติปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ทำการวิจัยปัญหาด้านเขตแดนไทย-กัมพูชา มองว่าแม้ไทย -กัมพูชา จะยึดถือแผนที่ในการระบุเขตแดนกันคนละฉบับ  แต่คาดว่าทางกัมพูชาจะนำบันทึกวาจาหลักเขตที่ 23 ซึ่งทำขึ้นในปี ค.ศ.1908 มาใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการสู้คดี 

ผศ.อัครพงษ์ ค่ำคูณ กำลังอธิบายแผนที่เขตแดนฉบับต่าง ๆ ประกอบการสัมภาษณ์ 

สอดคล้องกับตัวเนื้อหาสารคดีที่กัมพูชาเผยแพร่ ซึ่งในบันทึกวาจาหลักเขตที่ 23 มีการลงลายมือชื่อของพยานทั้งจากประเทศไทย และ กัมพูชา 

 

นักวิชาการด้านเขตแดน ยืนยันว่าข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างไทย -กัมพูชา ใน 4 จุด ไม่ใช่เรื่องใหม่ และ ไม่ใช่การจุดกระแสชั่วคราวของรัฐบาลตระกูลฮุนของกัมพูชา  เพื่อผลทางการเมือง แต่เป็นการดำเนินการที่เตรียมการไว้เป็นอย่างดีในการเก็บรวบรวมหลักฐานสำคัญ ไม่ต่ำกว่า 14 ปี 

ซึ่งขณะนี้คือ ช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังกัมพูชาจัดการเขตแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพกับเวียดนาม และ ลาวมาเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้  โดยฮุน มาเนต และรัฐบาลกัมพูชา เลือกจะส่งเรื่องไปยังศาลโลกในวันที่ 15 มิถุนายน 2568 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับเมื่อ 63 ปีที่แล้ว ซึ่งกัมพูชาได้รับชัยชนะจากศาลโลก ในคดีข้อพิพาทกับไทย กรณีปราสาทพระวิหาร