
ดัชนีหุ้นไทยร่วงไม่หยุด ! เปิดสถิติย้อนหลังช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.) หุ้นไทยเทียบกับภูมิภาคดิ่งหนัก -22% รองลงมาคืออินโดนีเซีย -3% ฟิลิปปินส์ -2% ไต้หวัน -2% สวนทางตลาดหุ้นอินเดีย +8% เวียดนาม +8%และเกาหลีใต้ +27%
ขณะที่ fund flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคไปตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องภาษีตอบโต้ และหาผลตอบแทนที่สูง โดยช่วงม.ค.-มิ.ย. ตลาดหุ้นภูมิภาคถูกเทขายหนัก อินเดียขายสุทธิ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เกาหลีใต้ขายสุทธิ 8,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ไต้หวันขายสุทธิ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อินโดนีเซียขายสุทธิ 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นไทยขายสุทธิ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนามขายสุทธิ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ฟิลิปปินส์ขายสุทธิ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงหุ้นไทยปรับตัวลงหนักมาจากอะไร และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวหรือไม่ TNN Online มีโอกาสสัมภาษณ์กูรูตลาดทุนอย่าง “ภราดร เตียรณปราโมทย์” รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ฉายภาพว่า แม้ต่างชาติจะขายสุทธิตลาดหุ้นทุกแห่งในภูมิภาค แต่ตลาดหุ้นไทยดิ่งหนัก สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยกดดัน ทั้งเรื่องแผ่นดินไหว การเมือง ความเชื่อมั่นในประเทศ สงครามทางการค้า และกรณีที่สหรัฐฯอาจเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยสูงถึง 36% ซึ่งเป็นภาพที่ยังไม่ได้รับแก้ไข ส่งผลให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นทำให้หุ้นไทยขึ้นแท่นอับดับ 1 ร่วงมากสุดในภูมิภาค ที่สำคัญคือ ความเชื่อมั่นที่ลดลงอย่างมีนัยฯ สะท้อนได้จากมูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยจากที่เคยไม่ต่ำ 40,000 ล้านบาทต่อวัน เหลือเพียง 20,000-30,000 ล้านบาทต่อวันเท่านั้น
พร้อมกับเม็ดเงินจาก LTF ที่ครบกำหนด มีการไถ่ถอนออกมาเยอะกว่า 1 แสนล้านบาท โดยต้นปีเคยมีมูลค่าคงค้างกว่า 2.19 แสนล้านบาท แต่ ณ 25 มิ.ย. ลดลงเหลือเพียง 1.17 แสนล้านบาท แต่การสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX กลับมีเม็ดเงินเข้ามาเพียงเพียง 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากจึงเป็นปัจจัยทำให้หุ้นไทย Underperform หรืออ่อนแอกว่าตลาดหุ้นอื่น
ส่วนแนวโน้มหุ้นไทยในเดือนก.ค.มองว่ามีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
• ประเด็นการเมืองนอกสภา รวมถึงข้อพิพาทกับกัมพูชา
• 1 ก.ค. ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับ-ไม่รับ คำร้องถอดถอนนายกฯ พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน
• 3 ก.ค. ปิดประชุมสภา พรรคภูมิใจไทยเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
• 4-30 ก.ค. ศาลฯ นัดไต่สวนเรียกพยาน 20 ปากเข้าสู่การไต่สวน คดี "ทักษิณ" ชั้น 14
• 9 ก.ค.ครบกำหนดเวลาที่สหรัฐฯ ระงับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ 90 วัน ต้องดูว่าจะขยายเวลาต่อหรือไม่ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี ในภาพระยะกลางและระยะยาว SET INDEX ยังน่าทยอยสะสม ด้วย 3 ปัจจัย 1. ช่วง 1H68 SET ย่อตัวลึกกว่า - 22% ต่ำกว่าช่วงครึ่งปีอื่นๆ มาก 2. ปีนี้ SET ลงลึกกว่า 2% ต่อวัน ถึง 7 วัน ปกติจะลงลึกเกิน 2% เพียง 2 –3 วันต่อปี
3. ตลอด 15 ปี หาก SET ย่อตัวลงมาบริเวณแถว 900 -1,100 จุด จะรีบาวด์เสมอ และปัจจุบัน P/E 68F อยู่ที่ 12.8 เท่า และ P/BV อยู่ที่ 1.05 เท่า ซึ่งต่ำกว่าช่วงที่ดัชนีรีบาวด์ในอดีตมาก บริเวณ P/E อยู่ที่ 16.4 เท่า และ P/BV อยู่ที่ 1.4 เท่า ที่สำคัญในอดีต 3 เดือน SET ฟื้นเฉลี่ยได้ 15% และ 6 เดือน ฟื้นได้ 21% ถ้าสถานณ์ต่าง ๆ คลี่คลายเชื่อว่ามีโอกาสที่หุ้นไทยฟื้นกลับ
กลยุทธ์การลงทุนสะสมหุ้นขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม มีพื้นฐานดี
• PLANB กำไรฟื้นตัวไตรมาส 2-ไตรมาส 4 ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท
• BDMS เป็นช่วงไฮซีซั่น ไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท
• SCC กำไรทยอยฟื้นตัวจากฐานต่ำ ราคาเป้าหมาย 210.00 บาท
• PTT บริษัทมีการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง ราคาน้ำมันยืนระดับสูง ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท
สรุปข่าว
ดัชนีหุ้นไทยร่วงไม่หยุด ! เปิดสถิติย้อนหลังช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มิ.ย.) หุ้นไทยเทียบกับภูมิภาคดิ่งหนัก -22% รองลงมาคืออินโดนีเซีย -3% ฟิลิปปินส์ -2% ไต้หวัน -2% สวนทางตลาดหุ้นอินเดีย +8% เวียดนาม +8%และเกาหลีใต้ +27%
ขณะที่ fund flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคไปตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องภาษีตอบโต้ และหาผลตอบแทนที่สูง โดยช่วงม.ค.-มิ.ย. ตลาดหุ้นภูมิภาคถูกเทขายหนัก อินเดียขายสุทธิ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เกาหลีใต้ขายสุทธิ 8,100 ล้านเหรียญสหรัฐ ไต้หวันขายสุทธิ 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ อินโดนีเซียขายสุทธิ 3,200 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นไทยขายสุทธิ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนามขายสุทธิ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ฟิลิปปินส์ขายสุทธิ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนสาเหตุที่แท้จริงหุ้นไทยปรับตัวลงหนักมาจากอะไร และมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวหรือไม่ TNN Online มีโอกาสสัมภาษณ์กูรูตลาดทุนอย่าง “ภราดร เตียรณปราโมทย์” รองผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ฉายภาพว่า แม้ต่างชาติจะขายสุทธิตลาดหุ้นทุกแห่งในภูมิภาค แต่ตลาดหุ้นไทยดิ่งหนัก สาเหตุเกิดจากหลายปัจจัยกดดัน ทั้งเรื่องแผ่นดินไหว การเมือง ความเชื่อมั่นในประเทศ สงครามทางการค้า และกรณีที่สหรัฐฯอาจเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยสูงถึง 36% ซึ่งเป็นภาพที่ยังไม่ได้รับแก้ไข ส่งผลให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นทำให้หุ้นไทยขึ้นแท่นอับดับ 1 ร่วงมากสุดในภูมิภาค ที่สำคัญคือ ความเชื่อมั่นที่ลดลงอย่างมีนัยฯ สะท้อนได้จากมูลค่าการซื้อขายหุ้นไทยจากที่เคยไม่ต่ำ 40,000 ล้านบาทต่อวัน เหลือเพียง 20,000-30,000 ล้านบาทต่อวันเท่านั้น
พร้อมกับเม็ดเงินจาก LTF ที่ครบกำหนด มีการไถ่ถอนออกมาเยอะกว่า 1 แสนล้านบาท โดยต้นปีเคยมีมูลค่าคงค้างกว่า 2.19 แสนล้านบาท แต่ ณ 25 มิ.ย. ลดลงเหลือเพียง 1.17 แสนล้านบาท แต่การสับเปลี่ยน LTF เป็น Thai ESGX กลับมีเม็ดเงินเข้ามาเพียงเพียง 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมากจึงเป็นปัจจัยทำให้หุ้นไทย Underperform หรืออ่อนแอกว่าตลาดหุ้นอื่น
ส่วนแนวโน้มหุ้นไทยในเดือนก.ค.มองว่ามีหลายปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
• ประเด็นการเมืองนอกสภา รวมถึงข้อพิพาทกับกัมพูชา
• 1 ก.ค. ลุ้นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับ-ไม่รับ คำร้องถอดถอนนายกฯ พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน
• 3 ก.ค. ปิดประชุมสภา พรรคภูมิใจไทยเตรียมยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ
• 4-30 ก.ค. ศาลฯ นัดไต่สวนเรียกพยาน 20 ปากเข้าสู่การไต่สวน คดี "ทักษิณ" ชั้น 14
• 9 ก.ค.ครบกำหนดเวลาที่สหรัฐฯ ระงับใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ 90 วัน ต้องดูว่าจะขยายเวลาต่อหรือไม่ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กระทบต่อตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น
อย่างไรก็ดี ในภาพระยะกลางและระยะยาว SET INDEX ยังน่าทยอยสะสม ด้วย 3 ปัจจัย 1. ช่วง 1H68 SET ย่อตัวลึกกว่า - 22% ต่ำกว่าช่วงครึ่งปีอื่นๆ มาก 2. ปีนี้ SET ลงลึกกว่า 2% ต่อวัน ถึง 7 วัน ปกติจะลงลึกเกิน 2% เพียง 2 –3 วันต่อปี
3. ตลอด 15 ปี หาก SET ย่อตัวลงมาบริเวณแถว 900 -1,100 จุด จะรีบาวด์เสมอ และปัจจุบัน P/E 68F อยู่ที่ 12.8 เท่า และ P/BV อยู่ที่ 1.05 เท่า ซึ่งต่ำกว่าช่วงที่ดัชนีรีบาวด์ในอดีตมาก บริเวณ P/E อยู่ที่ 16.4 เท่า และ P/BV อยู่ที่ 1.4 เท่า ที่สำคัญในอดีต 3 เดือน SET ฟื้นเฉลี่ยได้ 15% และ 6 เดือน ฟื้นได้ 21% ถ้าสถานณ์ต่าง ๆ คลี่คลายเชื่อว่ามีโอกาสที่หุ้นไทยฟื้นกลับ
กลยุทธ์การลงทุนสะสมหุ้นขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม มีพื้นฐานดี
• PLANB กำไรฟื้นตัวไตรมาส 2-ไตรมาส 4 ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท
• BDMS เป็นช่วงไฮซีซั่น ไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท
• SCC กำไรทยอยฟื้นตัวจากฐานต่ำ ราคาเป้าหมาย 210.00 บาท
• PTT บริษัทมีการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง ราคาน้ำมันยืนระดับสูง ราคาเป้าหมาย 35.00 บาท
ฝั่ง “ฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์" AISA, CFTe ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี เล่าให้ฟังว่า ตลาดหุ้นไทยเดือนมิ.ย.ปรับลง 5.6% หรือประมาณ 64 จุด ปิดที่ 1,082.42 จุด จากปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศรุมเร้า ดังนั้นในเดือน ก.ค. แนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดแกว่งตัวขึ้น หลังจากเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาปรับลงรับข่าวลบ เรื่องสงครามตะวันออกกลาง และการเมืองภายในไปแล้ว
แต่ก็ต้องระมัดระวัง เพราะอาจเป็นปัจจัยที่จำกัดการขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของหุ้นไทยคือ การเจรจาการค้าไทย- สหรัฐ หลังนายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ได้คิวเจรจาภาษีสหรัฐฯแล้ว หากออกมาใกล้เคียงประเทศในเอเซียอื่น มองว่าเป็นบวกต่อหุ้นไทย ขณะที่ ธนาคารกลางทั่วโลกมีโอกาสที่จะเดินหน้าใช้นโยบายการเงิน และการคลังเพิ่มเติม
ปัจจัยบวก-ลบที่ต้องติดตาม
- 1 ก.ค.ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (PMI) ของไทย และจีน
- 3 ก.ค. ดัชนีภาคบริการ ของญี่ปุ่นและจีน
- 7 ก.ค. อัตราเงินเฟ้อ, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
- 9 ก.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI), อัตราเงินเฟ้อของจีน
- 10 ก.ค.การประชุม ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด
- 21 ก.ค.จีนประกาศ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีของธนาคารกลางจีน ระยะเวลา 1 ปี และ 5 ปี
- การประชุมคณะกรรมการกรมการเมือง (Politburo) เดือน ก.ค. ของจีน คาดจะมีการออกมาตรการกระตุ้น โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้น China Play อาทิ SCGP, SCC, PTTGC, IVL และ DR หุ้นจีนที่เน้นการบริโภค อาทิ XIAOMI80
- การเจรจาการค้าไทย- สหรัฐ คาดเป็นบวกต่อหุ้นในธีม Reopening Trade อาทิ เกษตรฯ China Plays ชิ้นส่วนฯ นิคม โรงไฟฟ้า
- ภายในติดตามการเมืองภายใน หากการชุมนุมนอกสภาร้อนแรง และการเมืองในสภา หากมีการยุบสภา และ นายกลาออก มีโอกาสที่ SET จะผันผวน เงินบาทอ่อนค่า
โดยให้กรอบแนวรับแรกที่ 1,053 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,000 จุด แนวต้านแรกที่ 1,128 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,180 จุด
หุ้นแนะนำ
AMATA ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท
ปิดท้ายที่ “วิลาสินี-บุญมาสูงทรง” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองว่า หุ้นไทยเดือนก.ค.ยังเผชิญความผันผวนสูง จากปัญหาการเมืองในประเทศขาดเสถียรภาพ ความไม่แน่นอนจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐต่อไทย ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามอิหร่าน-อิสราเอลทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (27 มิ.ย.68) หุ้นไทยผลตอบแทนติดลบ 22.5% ซึ่งแย่กว่าดัชนีในภูมิภาคทั้ง เอเชีย ยุโรป และสหรัฐ ขณะที่ Fund Flow ไหลออก 7.77 หมื่นล้านบาท ซึ่งในเดือนก.ค.ประเมินกรอบเคลื่อนไหวที่ 1,050-1,150 จุด
ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว หลังจากครม.มีมติเห็นชอบโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งวงเงิน 1,760 ล้านบาทจำนวนสิทธิการสนับสนุนการเดินทางจากรัฐบาลจะอยู่ที่ 5 แสนสิทธิ เงื่อนไขการใช้สิทธิ ค่าที่พักวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) รัฐสนับสนุน 50% ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ส่วนวันหยุดและวัดหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐสนับสนุน 40% ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาท ประชาชนลงทะเบียนจองที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 68
โดยมีมุมมองเชิงบวกเล็กน้อยต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวจากโครงการดังกล่าว เนื่องจากปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนรายได้ของบริษัท แม้ว่าปี 68 ตลาดคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 34.5-35.0 ล้านคน หดตัว 1.5-3% จากปีก่อนหน้า
แนะนำหุ้นกลุ่มโรงแรมที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง คือ CENTEL มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศ 89% ต่างประเทศ 11% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน EV/EBITDA ปี 68 ที่ระดับ 8.4x ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท
ขณะที่ ERW มีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 90% ต่างประเทศ 10% ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน EV/EBITDA ปี 68 ที่ระดับ 8.6x หรืออยู่ที่บริเวณ -2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีต ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท (Bloomberg Consensus)
ท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยแวดล้อมทั้งในประเทศ-ต่างประเทศ นักลงทุนต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังระยะเลา 90 วัน ในการผ่อนปรนการใช้ภาษีตอบโต้ของสหรัฐสิ้นสุดลง ตลาดหุ้นทั่วโลกอาจกลับมาปั่นป่วนอีดครั้ง การลงทุนโดยเน้นปัจจัยพื้นฐาน และกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม จึงน่าจะเป็นทางออกสำหรับการลุยตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง....
- เด็กเวียดนามเฮ เรียนฟรีถึงม.ปลายในรร.รัฐ
- ส.อ.ท.ชี้การเมืองเปลี่ยนเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจไทย
- เจพีมอร์แกนเตือนเศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอย
- "ทรัมป์" เล็งต่ออายุ "ภาษีสหรัฐ" ออกไปอีกอีก 90 วัน ระบุเส้นตาย 9 ก.ค.ไม่วิกฤต ขยายได้
- "อัยการ" สั่งฟ้อง "EA" ลือ "สมโภชน์" ออกไทย เจ้าตัวยันพร้อมเข้ากระบวนการยุติธรรม
- ตลาดหุ้นไทยฟื้น ตลท.ประกาศยกเลิกมาตรการชั่วคราวแล้ว
- นายกฯ เผยจัด "ครม.ใหม่" ผ่านไปได้ด้วยดี รอส่งตรวจสอบคุณสมบัติ-ขึ้นทูลเกล้าฯ
ที่มาข้อมูล : สัมภาษณ์
ที่มารูปภาพ : Getty Images
นักข่าวอาวุโส ประสบการณ์มากกว่า 25ปี ด้านข่าวการเงิน การคลัง การลงทุน
