สรุปเหตุการณ์ “ลิซา ชิราร์ด” เดินทางไกลจากปารีส สู่การเสียชีวิตใกล้นครวัดของกัมพูชา

ความรู้จัก ลิซา ชิราร์ด

เธอเคยเดินทางมากัมพูชาครั้งแรกในปี 2024 ระหว่างพักเรียน 1 ปี เพื่อหาประสบการณ์ชีวิต

เรื่องเริ่มจากเธอรู้จักมูลนิธิชื่อ PSE ที่ก่อตั้งโดยสามีภรรยาชาวฝรั่งเศส ที่เคยมากัมพูชาแล้วสงสารเด็ก ๆ ที่นี่ 

การเดินทางของลิซา น่าสนใจที่ ใช้การโบกรถ และไม่ขึ้นเครื่องบินเลยจากปารีสมาที่กรุงพนมเปญ รวมระยะทางกว่า 10,000 กิโลเมตร ผ่าน 15 ประเทศ  

เธอเดินทางถึงกัมพูชาในเดือนมกราคมปี 2024 และระดมเงินบริจาคได้กว่า 140,000 บาท แต่เรื่องราวการเดินทาง ความประทับใจ และแรงบันดาลใจที่เธอสร้างไว้ กลายเป็นเรื่องราวดี ๆ ในหัวใจคนกัมพูชาจำนวนมาก 

ลิซา อยู่สอนหนังสือได้ 6 เดือน ก็เดินทางกลับฝรั่งเศส ก่อนที่ต้นปี 2025 เธอตัดสินใจกลับมากัมพูชาอีกครั้ง ในฐานะนักศึกษาฝึกงานของมูลนิธิ PSE

เธอใช้ชีวิตในกัมพูชา ท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงไทย พร้อมอยู่ช่วยเหลือเด็ก ๆ กัมพูชาไปด้วย

แล้วช่วงกลางปี เธอกับเพื่อน ริเริ่มโปรเจ็กต์ใหญ่ คือการวิ่งฮาล์ฟมาราธอนการกุศล ในเมืองเสียมเรียบ  

แน่นอนเธอก็ต้องฟิตร่างกายให้พร้อม ซึ่งเธอมักซ้อมวิ่งอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว สำหรับงานวิ่งที่จะจัดในวันที่ 3 สิงหาคม 

ไทม์ไลน์โศกนาฏกรรม

วันที่ 2 สิงหาคม ลิซา ออกวิ่งตามปกติ ไปตามเส้นทางใกล้กับนครวัด โดยตั้งใจวิ่งเป็นระยะ 21 กิโลเมตร 

มีผู้พบเห็นลิซา ครั้งสุดท้ายเวลา 07.20 น. บริเวณปราสาทตาโสม ภายในนครวัด จากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นเธออีกเลย จนตำรวจต้องประกาศตามหาเบาะแส 

พร้อมใช้โดรนและเจ้าหน้าที่ ระดมกันค้นหา และโพสต์ตามหาผ่านสังคมออนไลน์

จนกระทั่งวันที่ 4 สิงหาคม มีคนพบร่างของลิซา ในพื้นที่ชนบทนอกเสียมราฐ แต่ตำรวจยังไม่ระบุสาเหตุการเสียชีวิต ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์หนักถึงความไม่ปลอดภัยของพื้นที่นครวัด ที่ทางการกัมพูชาโปรโมทว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัย 

ท้ายสุด เช้าวันที่ 5 สิงหาคม ตำรวจกัมพูชาเปิดเผยผลการชันสูตรศพของลิซา โดยระบุว่า เธอเสียชีวิตจากการหักโหมวิ่งระยะไกล และไม่ได้เป็นการฆาตกรรมแต่อย่างใด 

แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร การเสียชีวิตของลิซา สร้างความสะเทือนใจต่อผู้ติดตามการเดินทางของเธอทั่วโลก

ภาพของหญิงสาวผู้รักการเดินทาง และหวังสร้างสิ่งดี ๆ ให้เด็กที่ด้อยโอกาส แต่ท้ายสุดกลับมาเสียชีวิต ถูกทิ้งศพไว้ในแถบชนบท เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจ และคำถามถึงบทบาทของรัฐในการปกป้องผู้มาเยือน ที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่เยาวชนของประเทศ