เสียงเตือนภัยฉุกเฉินอยู่ไหน? ชายแดน-เมืองหลวงยังไร้สัญญาณ

เสียงเตือนภัยฉุกเฉินอยู่ไหน? ชายแดน-เมืองหลวงยังไร้สัญญาณ

ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินยังไม่ทั่วถึง

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติซ้ำซาก ทั้งแผ่นดินไหวในเมืองหลวง น้ำท่วมในภาคเหนือ เหตุรุนแรงกลางกรุง และความตึงเครียดตามแนวชายแดนตะวันออก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่ปรากฏในหลายเหตุการณ์สำคัญ คือ “เสียงเตือนภัยฉุกเฉิน” ผ่านระบบ Cell Broadcast (CB) ที่ควรเข้าถึงโทรศัพท์มือถือของประชาชนทุกคน

ระบบ CB ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อส่งข้อความแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือโดยไม่ขึ้นกับเครือข่ายใด ๆ ได้ถูกผลักดันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเตือนภัยให้ทันต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่จากสถานการณ์ล่าสุด กลับพบว่าประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนและบริเวณเกิดเหตุในเมืองใหญ่ ยังไม่ได้รับข้อความแจ้งเตือนแต่อย่างใด

คำถามจากพื้นที่ชายแดน “ระบบอยู่ที่ไหน?”

เหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ทำให้ประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ต้องอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน แต่กลับไม่มีสัญญาณเตือนผ่านระบบ CB แม้จะมีโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบดังกล่าว

มีนา ดวงราศี จากสภาผู้บริโภคจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ตลอดช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนทวีความตึงเครียด ประชาชนได้รับข้อมูลผ่านเพียงช่องทางสื่อและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ขาดการแจ้งเตือนที่เป็นระบบแบบเฉพาะพื้นที่ ซึ่งหากมีระบบเตือนภัยที่แม่นยำและทันเวลา จะช่วยลดความตื่นตระหนกและเสริมการเตรียมพร้อมได้มากขึ้น

สรุปข่าว

ประชาชนตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพของระบบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast หลังหลายเหตุการณ์วิกฤติ ไม่มีสัญญาณเตือนเข้าสู่มือถือ แม้เคยประกาศจะเริ่มใช้เต็มรูปแบบแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินยังไม่ทั่วถึง

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติซ้ำซาก ทั้งแผ่นดินไหวในเมืองหลวง น้ำท่วมในภาคเหนือ เหตุรุนแรงกลางกรุง และความตึงเครียดตามแนวชายแดนตะวันออก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่ปรากฏในหลายเหตุการณ์สำคัญ คือ “เสียงเตือนภัยฉุกเฉิน” ผ่านระบบ Cell Broadcast (CB) ที่ควรเข้าถึงโทรศัพท์มือถือของประชาชนทุกคน

ระบบ CB ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อส่งข้อความแจ้งเตือนภัยไปยังประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ผ่านสัญญาณโทรศัพท์มือถือโดยไม่ขึ้นกับเครือข่ายใด ๆ ได้ถูกผลักดันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการเตือนภัยให้ทันต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่จากสถานการณ์ล่าสุด กลับพบว่าประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะตามแนวชายแดนและบริเวณเกิดเหตุในเมืองใหญ่ ยังไม่ได้รับข้อความแจ้งเตือนแต่อย่างใด

คำถามจากพื้นที่ชายแดน “ระบบอยู่ที่ไหน?”

เหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ทำให้ประชาชนในจังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และตราด ต้องอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน แต่กลับไม่มีสัญญาณเตือนผ่านระบบ CB แม้จะมีโทรศัพท์มือถือที่รองรับระบบดังกล่าว

มีนา ดวงราศี จากสภาผู้บริโภคจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ตลอดช่วงเวลาที่สถานการณ์ชายแดนทวีความตึงเครียด ประชาชนได้รับข้อมูลผ่านเพียงช่องทางสื่อและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ขาดการแจ้งเตือนที่เป็นระบบแบบเฉพาะพื้นที่ ซึ่งหากมีระบบเตือนภัยที่แม่นยำและทันเวลา จะช่วยลดความตื่นตระหนกและเสริมการเตรียมพร้อมได้มากขึ้น

เหตุการณ์สำคัญที่ผ่านมา ระบบยังไม่ทำงาน

28 มีนาคม 2568 เกิดแผ่นดินไหวจากประเทศเมียนมา ส่งผลแรงสั่นสะเทือนถึงกรุงเทพฯ ประชาชนหลายพื้นที่ตั้งคำถามถึงการแจ้งเตือน

กรกฎาคม 2568 เกิดน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดน่านในรอบ 100 ปี แม้มีข้อความแจ้งเตือนในบางพื้นที่ แต่กลับมีรายงานจาก สว. ว่าหลายพื้นที่ไม่ได้รับ

24 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุยิงกันบริเวณ อ.ต.ก. กรุงเทพฯ ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงไม่ได้รับการแจ้งเตือนใด ๆ

ความคืบหน้าโครงการระบบ CB

ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน (CB) เป็นโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงาน กสทช. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ โดยได้รับงบประมาณจาก กสทช. กว่า 1,030 ล้านบาท สำหรับดำเนินการระยะ 3 ปี

ในเดือนพฤษภาคม 2568 มีการทดสอบระบบในบางพื้นที่ และมีแผนใช้จริงเต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในหลายพื้นที่เสี่ยง

ระบบแจ้งเตือนภัย มาตรฐานสากลที่ไทยยังไปไม่ถึง

ระบบ CB ถูกใช้อย่างแพร่หลายในหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและประเทศในสหภาพยุโรปกว่า 45 ประเทศ โดยมีประสิทธิภาพในการเตือนภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว ไฟป่า น้ำท่วม และเหตุร้ายแรง

ลักษณะเด่นของระบบ CB คือสามารถส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังประชาชนในพื้นที่ที่กำหนดได้พร้อมกัน โดยไม่จำกัดเครือข่าย และไม่เกิดปัญหาความล่าช้าแบบระบบ SMS ทั่วไป

เสียงจากประชาชน ขอให้ “เตือนครบ-ถึงทุกคน”

จากเสียงสะท้อนของประชาชนและองค์กรภาคประชาสังคม สิ่งที่ต้องการไม่ใช่แค่ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย แต่คือการนำระบบเหล่านี้ไปใช้จริงในเวลาที่จำเป็น เพื่อให้ข้อมูลเข้าถึงประชาชนทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ไม่ใช่เพียงบางกลุ่ม

สภาผู้บริโภค ได้เคยส่งหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทยในเดือนธันวาคม 2567 เพื่อให้เร่งจัดทำระบบแจ้งเตือนภัยให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมยิ่งขึ้น พร้อมเสนอว่า เสียงสัญญาณเตือนภัยควร “ถึงมือทุกคน” ไม่ใช่เพียงบางคน เพื่อช่วยลดผลกระทบจากเหตุฉุกเฉินและภัยพิบัติในอนาคตอย่างแท้จริง