
การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 ทำให้การเปิดด่านชายแดนกลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง หลังจากด่านทั้ง 18 แห่งถูกปิดตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2025 ต่อเนื่องกว่า 2 เดือนครึ่ง ผลที่ตามมาคือเศรษฐกิจชายแดนหยุดชะงักอย่างรุนแรง การค้าระหว่างสองประเทศในเดือนกรกฎาคมลดลงเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวจนถึงปัจจุบัน
ณ วันที่ 12 กันยายน 2025 ด่านทุกแห่งยังคงปิดสนิท กระทรวงกลาโหมไทยยืนยันว่าเป็นเพียงการเตรียมการในระยะต่อไป ต้องประเมินท่าทีและการปฏิบัติตามข้อตกลงของกัมพูชาก่อน แม้ที่ประชุม GBC จะมีข้อตกลงร่วม 5 ประเด็น แต่ยังเป็นเพียงหลักการ ไม่มีกำหนดวันเปิดด่านที่แน่นอน
สรุปข่าว
การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025 ทำให้การเปิดด่านชายแดนกลับมาอยู่ในความสนใจของสังคมอีกครั้ง หลังจากด่านทั้ง 18 แห่งถูกปิดตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2025 ต่อเนื่องกว่า 2 เดือนครึ่ง ผลที่ตามมาคือเศรษฐกิจชายแดนหยุดชะงักอย่างรุนแรง การค้าระหว่างสองประเทศในเดือนกรกฎาคมลดลงเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวจนถึงปัจจุบัน
ณ วันที่ 12 กันยายน 2025 ด่านทุกแห่งยังคงปิดสนิท กระทรวงกลาโหมไทยยืนยันว่าเป็นเพียงการเตรียมการในระยะต่อไป ต้องประเมินท่าทีและการปฏิบัติตามข้อตกลงของกัมพูชาก่อน แม้ที่ประชุม GBC จะมีข้อตกลงร่วม 5 ประเด็น แต่ยังเป็นเพียงหลักการ ไม่มีกำหนดวันเปิดด่านที่แน่นอน
ผลกระทบจากการปิดด่านครอบคลุมพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว และอุบลราชธานี โดยมีด่านสำคัญ เช่น อรัญประเทศ ช่องจอม และคลองใหญ่ที่หยุดให้บริการทั้งหมด ทำให้การค้าปลีก การท่องเที่ยว และการสัญจรระหว่างประชาชนหยุดชะงักทันที มีเพียงสินค้าจำเป็นและกรณีด้านมนุษยธรรมที่ยังได้รับอนุญาต
ก่อนเกิดความขัดแย้ง เศรษฐกิจชายแดนยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขช่วงเดือนมกราคม–พฤษภาคม 2025 มีมูลค่าการค้ารวม 80,723 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% จากปีก่อน การส่งออกคิดเป็น 63,078 ล้านบาท ส่วนการนำเข้าอยู่ที่ 17,645 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อเริ่มมีมาตรการปิดด่านในเดือนมิถุนายน มูลค่าการค้าลดลงเหลือ 10,908 ล้านบาท หดตัว 23.3% และเดือนกรกฎาคมตกลงเหลือเพียง 376 ล้านบาท ลดลง 97.5% โดยส่งออกเหลือ 370 ล้านบาท และนำเข้าเพียง 6 ล้านบาท
หากเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ช่วง 7 เดือนแรกของปี 2025 ไทยมียอดค้าชายแดนรวม 572,281 ล้านบาท โดยมาเลเซียสูงสุดที่ 156,227 ล้านบาท ลาว 153,054 ล้านบาท เมียนมา 105,149 ล้านบาท และกัมพูชาอยู่สุดท้ายที่ 91,630 ล้านบาท แม้จะมีมูลค่าน้อยสุด แต่ก่อนหน้าการปิดด่านก็ยังเติบโตได้ 5.56%
การวิเคราะห์จาก Krungthai COMPASS ระบุว่ามูลค่าการค้าชายแดนที่หายไปอยู่ราว 14,011 ล้านบาทต่อเดือน แยกเป็นการส่งออก 11,410 ล้านบาท และการนำเข้า 2,601 ล้านบาท หากรวมผลกระทบด้านการท่องเที่ยว การลงทุน และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง มูลค่าความเสียหายจะสูงถึง 17,000 ล้านบาทต่อเดือน นักวิชาการด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศยังประเมินว่าไทยสูญเสียรายได้ 700–800 ล้านบาทต่อวัน
สินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเครื่องดื่มปรุงรสและน้ำอัดลมที่มีสัดส่วนการส่งออกผ่านด่านชายแดนกว่า 90% รวมถึงชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ น้ำมันปาล์ม และน้ำตาล ขณะที่สินค้านำเข้าที่หายไป ได้แก่ ผักสด เศษอะลูมิเนียม ลวดและสายเคเบิล รวมทั้งมันสำปะหลังที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชา 1–2 ล้านตันต่อปี ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และการผลิตอาหารแปรรูป
อีกหนึ่งตัวเลขที่สร้างความกังวลคือการส่งออกทองคำจากไทยไปกัมพูชาในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2025 มูลค่า 68,000 ล้านบาท ส่งผลให้กัมพูชาเป็นตลาดส่งออกทองคำใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทย รองจากสวิตเซอร์แลนด์ ภาคอุตสาหกรรมเกรงว่าอาจเชื่อมโยงกับธุรกิจใต้ดินหรือการฟอกเงิน
แรงกดดันจากนักลงทุนต่างชาติก็มีบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินการตามนโยบาย “Thailand Plus One” และมีฐานการผลิตทั้งในไทยและกัมพูชา เรียกร้องให้เปิดด่านเพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทาน แต่ในทางกลับกัน สังคมไทยมีเสียงคัดค้านจำนวนมาก โดยเน้นว่าความมั่นคงของประเทศต้องมาก่อนผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ทิศทางในอนาคตจึงขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ 4 ประการ ได้แก่ ระดับความมั่นคงในพื้นที่ ความก้าวหน้าของคณะทำงานทวิภาคี ความจำเป็นของห่วงโซ่อุปทาน และทัศนคติของสาธารณชน หากกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลง เช่น การถอนอาวุธหนักและการจัดการธุรกิจผิดกฎหมาย ไทยอาจพิจารณาเปิดบางด่านสำหรับสินค้าจำเป็นก่อน แต่การกลับสู่ภาวะปกติเต็มรูปแบบจะต้องอาศัยทั้งเวลาและความเชื่อมั่นจากทั้งสองฝ่าย
ในกรณีเลวร้าย หากสถานการณ์ยืดเยื้อต่อไปอีก 10 ปี การส่งออกทางบกของไทยไปยังกัมพูชาอาจหายไปรวมกว่า 2.43 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ตอกย้ำว่าการตัดสินใจเรื่องการเปิดด่านไม่ใช่เพียงมาตรการทางการค้า แต่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์เศรษฐกิจและความมั่นคงในระยะยาวของประเทศ
- ไทยย้ำกัมพูชาต้องรับผิดชอบความเสียหาย เดินหน้าฟ้องเวทีโลก
- “มาริษ” ย้ำไทยยึดสันติวิธี เคลียร์สถานการณ์ชายแดนกัมพูชา กับ รมว.กต.ญี่ปุ่น
- รัฐบาลไทยปฏิเสธข้อกล่าวหาใช้ระเบิดคลัสเตอร์ ย้ำยึดหลักสุภาพบุรุษทางทหาร
- เอแคลร์ เหมาร้านข้าวกล่อง ส่งกำลังใจศูนย์อพยพชายแดน ไทยกัมพูชา
- ศบ.ทก. ชี้แจงล่าสุด! มาตรการชายแดนไทย-กัมพูชา ลดผลกระทบเร่งด่วน
บรรณาธิการออนไลน์
