
สรุปข่าว
กลายเป็นกระแสไปเลยก็ว่าได้ กับธุรกิจร้านยำ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ทั้งร้านค้าริมทาง ตลาดนัด หรือแม้แต่บนห้างสรรพสินค้า ก็มีร้านยำเกิดขึ้นใหม่ๆเป็นจำนวนมาก ด้วยรสชาติที่ถูกปากผู้บริโภคคนไทยและกรรมวิธีการปรุงก็ไม่ยุ่งยาก วัตถุดิบหาง่าย เมนูรสแซ่บนี้ จึงกลายเป็นเมนูยอดนิยมอีกหนึ่งเมนูของผู้บริโภคในบ้านเรา

และด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคนี้ ที่มีโซเชียลมีเดียอยู่ในมือ ต่างก็นิยมถ่ายรูป ที่กิน ที่เที่ยว โพสต์ลงบน เฟสบุ๊ก หรืออินสตาแกรม และเรื่องไหนดีเรื่องไหนโดนก็เกิดการแชร์ต่อๆกันไป กลายเป็นวัฒนธรรมบนโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นช่องทางการตลาดที่แสนจะง่าย ของบรรดาผู้ประกอบการในยุคนี้ไปแล้ว
แม้ว่าการแข่งขันจะรุนแรงแต่ธุรกิจร้านยำยังคงได้รับความนิยม โดยมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาในตลาด อย่าง "บ้านยำปูไข่" ร้านยำที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่ถึง 3 เดือน มาพร้อมกับรสชาติที่จัดจ้านด้วยน้ำมะนาวสดแท้ และวัตถุดิบคุณภาพ สดใหม่ทุกวัน อีกทั้งได้เพิ่มจุดขายด้วยท็อปปิ้งไข่แดงเค็มบนเมนูยำเกือบทุกจาน เปิดขายมาเพียง 2 เดือน ก็ได้รับกระแสตอบรับดีมาก สามารถทำกำไรได้แตะ 1 แสนบาท/เดือน

ศิริลักษณ์ แสงเปล่งปลั่ง หรือ ฝน ผู้จัดการร้านและแม่ครัวปรุงยำรสแซ่บของร้าน "บ้านยำปูไข่" บอกว่า ด้วยพื้นฐานเป็นคนทำอาหารเป็นอยู่แล้ว จึงได้ทดลองปรุงน้ำยำเองและปรับสูตรมาเรื่อยๆ ก่อนที่จะเปิดขายออนไลน์ ซึ่งยอดขายและกระแสตอบรับจากลูกค้าก็ดีเช่นกัน ทำให้อยากมีหน้าร้านเป็นของตนเอง จึงได้ร่วมกันกับพี่สาวและหุ้นส่วนอีก 2 คน ใช้เงินลงทุนเฉพาะรีโนเวทร้านประมาณ 3 แสนบาท เปิดเป็นร้าน"บ้านยำปูไข่"นี้ขึ้นมา แม้ว่าช่วงแรกๆจะกังวลเกี่ยวกับยอดขาย การแข่งขันที่สูง เพราะมีร้านดังหลายร้านที่เป็นคู่แข่ง แต่ผลตอบรับจากลูกค้าก็ดีเกินคาด

เคล็ดลับของยำรสเด็ดของ "บ้านยำปูไข่" ฝนบอกว่า ต้องเริ่มต้นจากวัตถุดิบที่สดใหม่ โดยเฉพาะอาหารทะเล ที่ฝนจะเป็นคนไปคัดเลือกวัตุดิบจากแหล่งรับซื้ออาหารทะเลด้วยตัวเอง ส่วนอาหารทะเลบางอย่าง เช่น หอยนางรม ก็จะสั่งซื้อจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นแหล่งขึ้นชื่อของหอยนางรมและจะเลือกจากเจ้าที่ใส่ใจในขั้นตอนการจัดส่งเพื่อให้ได้วัตถุดิบที่สดใหม่ เหมือนเพิ่งขึ้นมาจากทะเล ส่วนน้ำยำก็เป็นสูตรเด็ดเฉพาะของทางร้านที่คิดค้นขึ้นเอง ทีเด็ดคือการใช้น้ำมะนาวแท้จึงได้ความหอม และความเปรี้ยวจากธรรมชาติ ปรุงใหม่แบบจานต่อจาน ทำเอาลูกค้าที่ได้มาลองยำที่ร้านต่างติดใจ จนกลายเป็นลูกค้าประจำและเกิดการแชร์ รีวิวต่อๆกันไปบนสื่อโซเชียลฯ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะมาจากการตามรอยรีวิว

สำหรับ บรรยากาศภายในร้าน จะเป็นแบบโอเพ่นแอร์ เน้นความโล่ง โปร่ง รับลมเย็นธรรมชาติ ให้บรรยากาศสบายๆคล้ายกับนั่งกินข้าวอยู่ริมชายหาด โดยช่วงเย็นวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ จะได้รับความนิยมจากลูกค้ามากที่สุด ส่วนในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ ยอดออร์เดอร์จะมาจากบริการจัดส่งแบบเดลิเวอรี่ ที่ทางร้านร่วมจัดโปรโมชั่นกับ Line man ถัวเฉลี่ยกันแล้วทั้งสัปดาห์ ออร์เดอร์จากหน้าร้านและ Line man ก็จะคิดเป็นสัดส่วน 50: 50 ซึ่งร้านจะถูกหักเปอร์เซ็นต์จากยอดขาย 26% ของทุกเดือน

ศิริลักษณ์ บอกว่า หลังจากนี้ก็จะเดินหน้าทำการตลาด โดยใช้ช่องทางออนไลน์เป็นหลัก พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่นสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละเดือนไม่ซ้ำกัน ขณะเดียวกัน จะคิดเมนูใหม่ๆเพิ่มขึ้นจากเมนูเดิมที่มีอยู่ เพื่อเอาใจลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่

ขณะที่ เป้าหมายของ"บ้านยำปูไข่" ได้ตั้งเป้ากำไรช่วง 3 เดือนแรก ไว้ที่ 1 แสนบาท/ เดือน หลังจากนั้น จึงจะมีการปรึกษาร่วมกันระหว่างหุ้นส่วนทั้ง 4 คน เพื่อวางแผนและวางเป้าหมายในไตรมาสถัดไป
หลายคนอาจมองว่า "ทำร้านยำ ไม่เห็นจะยาก" แต่ในมุมของคนทำธุรกิจเป็นเรื่องไม่ง่ายที่จะเอาชนะใจผู้บริโภค จนสามารถทำให้ธุรกิจยืนอยู่ในตลาดได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น "ก่อนที่จะทำธุรกิจ หรือแม้แต่การเปิดร้านยำเอง นอกจากเรื่องคุณภาพ และรสชาติแล้ว ก็ควรมีการวางแผนให้รอบคอบ ต้องคำนึงถึงต้นทุน กำไร และวิธีบริหารจัดการให้ดี ธุรกิจถึงจะอยู่ได้ " ศิริลักษณ์ กล่าว

-Unseen JOB: ชานมไข่มุก 19 บาท ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม
-Exclusive Content : เปิดศึก"เวนดิ้งแมชีน 2019"ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติในไทย
-Unseen Job: แกร็บไบค์วิน ผู้บกพร่องการได้ยิน ให้บริการด้วยใจ ไม่ใช้เสียง
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand
ที่มาข้อมูล : -
TNNThailand