
ต่างชาติทะลักลักลอบเข้าไทย จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นหลักร้อย ทั้งยังพบหลากหลายสัญชาติ บางคนข้ามมาพบถูกทำร้ายร่างกาย เป็นเหยื่อค้ามนุษย์จากฝั่งเมียนมา ทำให้ทางการไทยเร่งตรวจสอบ
เกิดอะไรขึ้นที่แม่สอด และชายฝั่งเมียนมา ต่างชาติข้ามแดนเข้ามามากแค่ไหน ทำไมถึงหลบหนีเข้ามาในไทย ?
เหตุการณ์นี้เริ่มเกิดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 กองกำลังพิทักษ์ชายแดนของเมียนมา (BGF) เข้าควบคุมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK-Park บ้านเองจีเมี่ยง อำเภอเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา และเตรียมส่งเจ้าหน้าที่เมียนมาเข้าตรวจสอบภายในพื้นที่โครงการฯ
ซึ่งนี่ส่งผลให้กลุ่มทุนและพนักงานใน KK-Park รวมถึงชาวต่างชาติภายในโครงการฯ เกิดความหวาดกลัว ข้ามแม่น้ำเมย และได้ลักลอบหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยจำนวนมาก
ล่าสุด จากรายงานตรวจคนเข้าถึงสถิติการควบคุมบุคคลต่างชาติ และชาวไทย พบว่า มียอดรวมทะลุ 1,600 รายแล้ว โดยเป็นชาวอินเดียมาก รองลงมาคือ จีน และเวียดนาม รวมถึงยังมีชาวไทยและมีหลายรายที่มาจากแอฟริกาด้วย ซึ่งก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยนำตัวเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง NRM (National Referral Mechanism) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก และ ร้อย.ตชด.346
ทั้งยังมีรายงานว่า ต่างชาติที่ข้ามมามีทั้งเหยื่อ และผู้กระทำผิด หนึ่งในเหยื่อพบเป็นชายชาวเอธิโอเปียวัย 26 ปี 1 ราย ที่ข้ามแดนมาก่อนหมดสติ จนต้องนำส่งโรงพยาบาล โดยเพื่อนเจ้าตัวเล่าว่า ชายคนนี้มีประวัติถูกเครื่องช็อตไฟฟ้า ในระหว่างทำงานในกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ ในฝั่งเมียนมา จึงทำให้ไม่ค่อยสบายด้วย
รวมถึงชาวไทย ที่เล่าว่า ถูกเอเจนซี่หลอกไปทำงานโดยชักจูงว่ารายได้ดีกว่าไทย แต่กลับถูกกักขัง และบังคับไม่ให้ออกจาก KK-Park ถูกบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์ และหากไม่ได้ยอดที่กำหนดไว้ก็จะถูกลงโทษด้วย
ขณะที่ผู้กระทำผิดนั้น จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังพบว่า ชาวจีนหลายคนไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางติดตัว และเมื่อเทียบข้อมูลลายนิ้วมือ และอัตลักษณ์บุคคล ยังพบว่าบางรายมีประวัติต้องห้ามในระบบ ซึ่งทำให้ต้องตรวจสอบข้อมูลหมายจับระหว่างประเทศเพิ่มเติมด้วย โดยเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยชี้ว่า หากการตรวจสอบแล้วพบว่าบุคคลต่างชาติไม่ได้เข้าข่ายว่าอาจตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ก็จะดำเนินการทางกฎหมาย
ซึ่งประเด็นนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ให้สัมภาษณ์ โดยชี้ว่าจะนำประเด็นนี้ถกเถียงในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน
"เมื่อวานมีคนหลายสัญชาติ หลบหนีเข้ามาในไทย แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหา ดังนั้นจะทำยังไง ที่เรื่องนี้ไม่ใช่วาระของอาเซียน แต่ควรจะเป็นวาระระหว่างประเทศ อาเซียนให้ความสำคัญต่อเนื่อง มีการประชุมระดับรัฐมนตรีในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ มีการจัดตั้งคณะทำงานของอาเซียนในการปราบปรามสแกมโดยเฉพาะ ไทยเรามีศูนย์ที่ปราบปรามขบวนการเหล่านี้ และใช้เป็นแกนกลางในการร่วมมือประเทศต่างๆในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ทำยังไงเพื่อใช้กลไกให้มีประสิทธภาพ" นายสีหศักดิ๋กล่าว ทั้งยังย้ำว่า จะคุ้มครองดูแลคนเหล่านี้ พร้อมการาสอบสวน และเร่งส่งกลับประเทศต้นทาง
สรุปข่าว
ต่างชาติทะลักลักลอบเข้าไทย จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นหลักร้อย ทั้งยังพบหลากหลายสัญชาติ บางคนข้ามมาพบถูกทำร้ายร่างกาย เป็นเหยื่อค้ามนุษย์จากฝั่งเมียนมา ทำให้ทางการไทยเร่งตรวจสอบ
เกิดอะไรขึ้นที่แม่สอด และชายฝั่งเมียนมา ต่างชาติข้ามแดนเข้ามามากแค่ไหน ทำไมถึงหลบหนีเข้ามาในไทย ?
เหตุการณ์นี้เริ่มเกิดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 กองกำลังพิทักษ์ชายแดนของเมียนมา (BGF) เข้าควบคุมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK-Park บ้านเองจีเมี่ยง อำเภอเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา และเตรียมส่งเจ้าหน้าที่เมียนมาเข้าตรวจสอบภายในพื้นที่โครงการฯ
ซึ่งนี่ส่งผลให้กลุ่มทุนและพนักงานใน KK-Park รวมถึงชาวต่างชาติภายในโครงการฯ เกิดความหวาดกลัว ข้ามแม่น้ำเมย และได้ลักลอบหลบหนีข้ามมายังฝั่งไทยจำนวนมาก
ล่าสุด จากรายงานตรวจคนเข้าถึงสถิติการควบคุมบุคคลต่างชาติ และชาวไทย พบว่า มียอดรวมทะลุ 1,600 รายแล้ว โดยเป็นชาวอินเดียมาก รองลงมาคือ จีน และเวียดนาม รวมถึงยังมีชาวไทยและมีหลายรายที่มาจากแอฟริกาด้วย ซึ่งก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยนำตัวเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง NRM (National Referral Mechanism) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก และ ร้อย.ตชด.346
ทั้งยังมีรายงานว่า ต่างชาติที่ข้ามมามีทั้งเหยื่อ และผู้กระทำผิด หนึ่งในเหยื่อพบเป็นชายชาวเอธิโอเปียวัย 26 ปี 1 ราย ที่ข้ามแดนมาก่อนหมดสติ จนต้องนำส่งโรงพยาบาล โดยเพื่อนเจ้าตัวเล่าว่า ชายคนนี้มีประวัติถูกเครื่องช็อตไฟฟ้า ในระหว่างทำงานในกลุ่มแก๊งสแกมเมอร์ ในฝั่งเมียนมา จึงทำให้ไม่ค่อยสบายด้วย
รวมถึงชาวไทย ที่เล่าว่า ถูกเอเจนซี่หลอกไปทำงานโดยชักจูงว่ารายได้ดีกว่าไทย แต่กลับถูกกักขัง และบังคับไม่ให้ออกจาก KK-Park ถูกบังคับให้ทำงานสแกมเมอร์ และหากไม่ได้ยอดที่กำหนดไว้ก็จะถูกลงโทษด้วย
ขณะที่ผู้กระทำผิดนั้น จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ยังพบว่า ชาวจีนหลายคนไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางติดตัว และเมื่อเทียบข้อมูลลายนิ้วมือ และอัตลักษณ์บุคคล ยังพบว่าบางรายมีประวัติต้องห้ามในระบบ ซึ่งทำให้ต้องตรวจสอบข้อมูลหมายจับระหว่างประเทศเพิ่มเติมด้วย โดยเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยชี้ว่า หากการตรวจสอบแล้วพบว่าบุคคลต่างชาติไม่ได้เข้าข่ายว่าอาจตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ก็จะดำเนินการทางกฎหมาย
ซึ่งประเด็นนี้ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ให้สัมภาษณ์ โดยชี้ว่าจะนำประเด็นนี้ถกเถียงในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กำลังเกิดขึ้นเช่นกัน
"เมื่อวานมีคนหลายสัญชาติ หลบหนีเข้ามาในไทย แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของปัญหา ดังนั้นจะทำยังไง ที่เรื่องนี้ไม่ใช่วาระของอาเซียน แต่ควรจะเป็นวาระระหว่างประเทศ อาเซียนให้ความสำคัญต่อเนื่อง มีการประชุมระดับรัฐมนตรีในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ มีการจัดตั้งคณะทำงานของอาเซียนในการปราบปรามสแกมโดยเฉพาะ ไทยเรามีศูนย์ที่ปราบปรามขบวนการเหล่านี้ และใช้เป็นแกนกลางในการร่วมมือประเทศต่างๆในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ทำยังไงเพื่อใช้กลไกให้มีประสิทธภาพ" นายสีหศักดิ๋กล่าว ทั้งยังย้ำว่า จะคุ้มครองดูแลคนเหล่านี้ พร้อมการาสอบสวน และเร่งส่งกลับประเทศต้นทาง
เกิดอะไรขึ้นในฝั่งเมียนมา ? ทหารปฏิบัติการอะไรบ้างใน KK-Park
ตามที่มีรายงานว่า กองกำลังพิทักษ์ชายแดนของเมียนมา (BGF) เข้าควบคุมพื้นที่ในโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจีน KK-Park หรือเรียกได้ว่าบุกทลายรังสแกมเมอร์ ได้เข้ายึดอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม Starlink 30 ชุด และอุปกรณ์เสริมที่เกี่ยวข้องสําหรับการสื่อสารที่ผิดกฎหมาย แต่ถึงอย่างนั้นทหารก็อ้างว่าไม่พบหลักฐานของกิจกรรมที่ผิดกฎหมายทางอาญา รวมถึงการดําเนินการหลอกลวงที่ KK Park
กลุ่มกองกำลังยังพบอาคารกว่า 250 หลัง คนงานมากกว่า 2,000 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 98 คนในคอมเพล็กซ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่พบกรรมสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน รวมถึงล่าสุด ยังมีการเผาอาคารที่เป็นจุดเก็บเอกสาร รวมถึงสถานที่บางจุด และวางระเบิด 3 จุดใน KK-Park ด้วย
ถึงอย่างนั้น สำนักข่าว The Irrawaddy ของเมียนมา ก็รายงานอ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญกรรมข้ามชาติ ว่าการโจมตีล่าสุดนั้น เป็นเพียงการโจมตีที่วางแผนไว้แล้ว เพื่อหลอกลวงประชาคมระหว่างประเทศก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่จะเกิดขึ้นในกัวลาลัมเปอร์ช่วงวันที่ 26-28 ตุลาคมนี้
“ทั้งกองทัพและกองกําลังรักษาการณ์ชายแดนไม่สนใจที่จะรื้อเครือข่ายศูนย์หลอกลวงที่สร้างรายได้ที่ผิดกฎหมายหลายพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี” เจสัน จี. ทาวเวอร์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสของ Global Initiative Against Transnational Organized Crime (GI-TOC) ให้สัมภาษณ์
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับกองกำลังพิทักษ์ชายแดนเองก็บอกว่า การโจมตีนั้น มีการปรึกษากันล่วงหน้าแล้ว ทั้งรัฐบาลทหารเองยังได้รับแรงกดดันจากตำรวจสากล ไปถึงการตรวจสอบอินเทอร์เน็ต Starlink ของสภาสหรัฐฯ จึงเกิดปฏิบัติการเพื่อป้องกันการครหาจากนานาชาติ ขณะที่ปฏิบัติการอาชญากรรมไซเบอร์ใน KK-Park ยังดำเนินไปตามปกติ และไม่มีใครถูกจับกุม รวมไปถึงศูนย์สแกมเมอร์อื่นๆ ในเมียนมา ไม่ว่าจะเป็นที่ชเวโก๊กโก่, เขตดงเหมย และไถ่จาง เป็นต้น
แหล่งข่าวท้องถิ่นที่ใกล้ชิดกับ BGF บอกกับ The Irrawaddy ว่าระบอบการปกครองได้โจมตีศูนย์กลางการหลอกลวงปลอมหลังจากปรึกษากับเจ้าหน้าที่ BGF ล่วงหน้า เนื่องจากมีรายงานว่าระบอบการปกครองกําลังเผชิญกับแรงกดดันจากองค์การตํารวจสากล
รายงานของสื่อเมียนมายังชี้อีกว่า กองกำลังพิทักษ์ชายแดนเริ่มขนส่งชาวจีนออกจาก KK-Park ตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม และเปิดประตูถึงเช้าวันที่ 22 เพื่อให้คนงานออกเป็นกลุ่มใหญ่ ซึ่งแรงงานต่างชาติต่างไปรอที่ชายแดนเพื่อข้ามสู่ประเทศไทย
KK-Park ถือว่าเป็นพื้นที่รวมของสแกมเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เมียวดี ประเทศเมียนมา ติดกับชายแดนไทย โดยถูกก่อตั้งโดย KNU หรือสหภาพแก่งชาติกะเหรี่ยง ทั้งยังเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารเมียนมาด้วย ในบริเวณนี้มีทั้งคาสิโน โรงแรม ร้านอาหาร ไนท์คลับ และศูนย์สแกมเมอร์ที่หลอกลวงเงินคนทั่วโลกเป็นจำนวนมาก
- สื่อเกาหลีรายงาน มี 11 เคสที่ชาวเกาหลีถูกลักพาตัวในไทย กระทบความปลอดภัย และการท่องเที่ยว ?
- นักวิชาการ แนะรัฐบาลใช้เวทีโลก ชักชวน “นานาชาติ” ลงขันปราบสแกมเมอร์
- หน่วยข่าวกรองเกาหลี เผยการสืบสวนสแกมเมอร์กัมพูชาอะไรบ้าง ? หลังพบเชื่อมโยงคดียาเสพติดในกังนัม
- "พล.อ.วิชญ์" ปัดเอี่ยวแก๊งสแกมเมอร์ ส่งทนายฟ้องเพจดัง โพสต์ภาพปั่นสังคมเข้าใจผิด
- คนตกงาน เหยื่อชั้นดีของสแกมเมอร์ Gen Z โดนหลอกเยอะที่สุด
ที่มาข้อมูล : The Irrawaddy, กองกำลังนเรศวร, กองทัพบก
ที่มารูปภาพ : ประชาสัมพันธ์จังหวัดตาก
