
สถานการณ์น้ำทั่วประเทศ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น.
รายงานภาพรวมล่าสุดจากหน่วยงานด้านน้ำ ระบุว่าประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพฯ–ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ยังคงเต็มเกือบทั้งหมด ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด
1. ภาพรวมสภาพอากาศ
มวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และคาดว่าจะขยายตัวลงสู่ภาคอีสานตอนล่างและทะเลจีนใต้ ทำให้ช่วง 14–15 พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มแรงขึ้นและร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง
ช่วงวันที่ 16–18 พฤศจิกายน มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จะเสริมกำลังลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้จะมีฝนมากขึ้นและอาจมีฝนหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ขณะที่คลื่นลมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงต่อเนื่อง
2. อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมอยู่ที่ 89% ของความจุ หรือ 71,988 ล้าน ลบ.ม.
น้ำใช้การได้อยู่ที่ 83% หรือ 47,865 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าอยู่ในระดับสูง ต้องบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มน้ำสำคัญอย่างระมัดระวัง
สรุปข่าว
สถานการณ์น้ำทั่วประเทศ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น.
รายงานภาพรวมล่าสุดจากหน่วยงานด้านน้ำ ระบุว่าประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพฯ–ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ยังคงเต็มเกือบทั้งหมด ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด
1. ภาพรวมสภาพอากาศ
มวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และคาดว่าจะขยายตัวลงสู่ภาคอีสานตอนล่างและทะเลจีนใต้ ทำให้ช่วง 14–15 พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มแรงขึ้นและร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลาง
ช่วงวันที่ 16–18 พฤศจิกายน มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จะเสริมกำลังลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้จะมีฝนมากขึ้นและอาจมีฝนหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ขณะที่คลื่นลมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงต่อเนื่อง
2. อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ
ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมอยู่ที่ 89% ของความจุ หรือ 71,988 ล้าน ลบ.ม.
น้ำใช้การได้อยู่ที่ 83% หรือ 47,865 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าอยู่ในระดับสูง ต้องบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มน้ำสำคัญอย่างระมัดระวัง
3. สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูล 13 พ.ย. 68 เวลา 06.00 น.)
เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่งมีปริมาณน้ำเก็บกักใกล้เต็มทุกแห่ง และยังคงมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่อง
- เขื่อนภูมิพล 13,406 ล้าน ลบ.ม. (100%)
น้ำไหลเข้า 65.28 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 55.05 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
- เขื่อนสิริกิติ์ 9,309 ล้าน ลบ.ม. (98%)
น้ำไหลเข้า 13.59 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.01 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
- เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 953 ล้าน ลบ.ม. (101%)
น้ำไหลเข้า 5.35 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
- เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 920 ล้าน ลบ.ม. (96%)
น้ำไหลเข้า 11.76 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 15.11 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
สถานีสำคัญในลุ่มเจ้าพระยา
- สถานี C.2 นครสวรรค์ อัตราการไหล 2,976 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.89 ม.
- เขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาท ระบาย 2,900 ลบ.ม./วินาที
ระดับน้ำเหนือเขื่อน +17.540 ม.รทก.
ระดับน้ำท้ายเขื่อน +16.670 ม.รทก.
- สถานี C.29B สามโคก ปทุมธานี ไหลผ่าน 2,427 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.28 ม.
4. ความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำลุ่มโขง
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 สทนช.จัดประชุมสรุปการทำงานของ “ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว)” ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ โดยที่ผ่านมาได้บูรณาการข้อมูลน้ำจากหลายหน่วยงาน รวมถึง MRC และมีการวางแผนรับมือทั้งการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ พนังกั้นน้ำชั่วคราว และการแจ้งเตือนล่วงหน้าให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง
จากการประเมินล่าสุด สถานการณ์ฝนกลับสู่ปกติ แม่น้ำโขงมีระดับต่ำกว่าตลิ่งตลอดสาย แหล่งน้ำขนาดใหญ่มีน้ำต้นทุนเพียงพอสำหรับฤดูแล้ง จึงมีมติ ปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ตั้งแต่วันที่ 12 พฤศจิกายนเป็นต้นไป
- “ชัยนาท” พนังกั้นน้ำ มวลน้ำทะลักท่วม 1,000 หลังคาเรือน
- เปิดสาเหตุน้ำท่วมกทม. เกิดจากฝนตกหนักระยะเวลาสั้น ไม่เกี่ยวน้ำเหนือ-น้ำเจ้าพระยา
- "ปลอดประสพ" สรุปเรื่องน้ำ 8 ข้อ เตือนอีก 15 วันน้ำถึงกรุงเทพฯ ชี้ชาวบ้านเดือดร้อนราวกับอยู่ในสงคราม
- อยุธยา-อ่างทอง-สุพรรณบุรี-นครปฐม น้ำท่วมกว่า 8 แสนไร่ พื้นที่เกษตร-ชุมชนริมแม่น้ำกระทบหนัก
- ปภ. แนะประชาชนระวังอันตรายช่วงน้ำท่วมและวิธีปฏิบัติตนอย่างปลอดภัย
ที่มาข้อมูล : TNN
ที่มารูปภาพ : กรมชลประทาน
บรรณาธิการออนไลน์
