อนุสรณ์ชี้บทเรียนหาดใหญ่ เตือนกรุงเทพฯ เสี่ยงวิกฤตซ้ำซาก–ต้องเร่งป้องกัน

Share on Line Share on Facebook Share on X
อนุสรณ์ชี้บทเรียนหาดใหญ่ เตือนกรุงเทพฯ เสี่ยงวิกฤตซ้ำซาก–ต้องเร่งป้องกัน

เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหาดใหญ่และหลายจังหวัดภาคใต้ช่วงปลายปี 2568 กลายเป็น “คลื่นเตือนครั้งสำคัญ” ต่อความสามารถของไทยในการบริหารจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ความเสียหายด้านชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ไม่ได้อิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ ทั้งที่มีการคาดการณ์ปรากฏการณ์ลานีญาล่วงหน้ามากกว่า 1 ปีจากแบบจำลองภูมิอากาศ

จากข้อมูลวิจัย ปรากฏการณ์ลานีญาของไทยอาจทำให้ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นกว่า 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะเดียวกันภาวะโลกร้อนทำให้ฝนตกหนักสุดขีดและน้ำท่วมฉับพลันเกิดถี่ขึ้น ทั้งยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ทำลายพื้นที่สีเขียว บริโภคพลังงานฟอสซิล และปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้ยิ่งกระทบประชาชนฐานราก โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานที่สูญเสียรายได้ทันทีเมื่อพื้นที่ทำกินถูกน้ำท่วม

สรุปข่าว

น้ำท่วมหาดใหญ่สะท้อนจุดอ่อนระบบรับมือภัยพิบัติไทย นายอนุสรณ์เตือนกรุงเทพฯ เสี่ยงวิกฤตใหญ่จากน้ำเหนือ–ทะเลหนุน หากไม่ลงทุนป้องกันอย่างจริงจัง พร้อมเสนอ 6 นโยบายเชิงโครงสร้าง รวมถึงการศึกษาแผนย้ายเมืองหลวงเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต

เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหาดใหญ่และหลายจังหวัดภาคใต้ช่วงปลายปี 2568 กลายเป็น “คลื่นเตือนครั้งสำคัญ” ต่อความสามารถของไทยในการบริหารจัดการภัยพิบัติขนาดใหญ่ นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ความเสียหายด้านชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น สะท้อนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายที่ไม่ได้อิงข้อมูลวิทยาศาสตร์ ทั้งที่มีการคาดการณ์ปรากฏการณ์ลานีญาล่วงหน้ามากกว่า 1 ปีจากแบบจำลองภูมิอากาศ

จากข้อมูลวิจัย ปรากฏการณ์ลานีญาของไทยอาจทำให้ปริมาณฝนเพิ่มขึ้นกว่า 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะเดียวกันภาวะโลกร้อนทำให้ฝนตกหนักสุดขีดและน้ำท่วมฉับพลันเกิดถี่ขึ้น ทั้งยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ทำลายพื้นที่สีเขียว บริโภคพลังงานฟอสซิล และปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้ยิ่งกระทบประชาชนฐานราก โดยเฉพาะเกษตรกรและผู้ใช้แรงงานที่สูญเสียรายได้ทันทีเมื่อพื้นที่ทำกินถูกน้ำท่วม

นายอนุสรณ์ชี้ว่า วิกฤตในหาดใหญ่สะท้อนความเปราะบางของกรุงเทพฯ อย่างชัดเจน เพราะหากน้ำเหนือไหลหลากและน้ำทะเลหนุนสูงเกิดขึ้นพร้อมกัน ความเสียหายในเมืองหลวงจะรุนแรงกว่าหลายเท่า ข้อมูลจากกรีนพีซและ IPCC คาดว่า ภายในปี 2573–2643 กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เสี่ยงสูงต่อสถานการณ์ “จมน้ำมากกว่า 80%” ความเสียหายอาจสูงถึง 18.6 ล้านล้านบาท กระทบประชาชนกว่า 10 ล้านคน เนื่องจากพื้นที่กว่า 96% เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ

สัญญาณเหล่านี้ทำให้ภาครัฐต้องทบทวนยุทธศาสตร์ป้องกันภัยพิบัติทั้งระบบ มิใช่เฉพาะการเร่งระบายน้ำในแต่ละครั้ง แต่ต้องยกระดับการวางแผนเชิงโครงสร้างเหมือนหลายประเทศที่เริ่มวางแผนย้ายเมืองหลวง เช่น อินโดนีเซียที่สร้างเมืองหลวงใหม่ “นูซันตารา” เพื่อรับมือจาร์กาตาที่กำลังทรุดตัวและเสี่ยงจมน้ำ

นายอนุสรณ์เสนอ 6 นโยบายเร่งด่วนในการบริหารจัดการระยะยาว ได้แก่ การสร้างเขื่อนกั้นน้ำหรือถนนชายฝั่งยกระดับ การปลูกป่าชายเลนตลอดแนวชายฝั่ง การจัดระเบียบพื้นที่ติดทะเล การกระจายการลงทุนสู่ภูมิภาค การเร่งใช้พลังงานหมุนเวียน และการเริ่มศึกษาแผนย้ายเมืองหลวงอย่างจริงจัง เพื่อให้ประเทศมี “เมืองศูนย์กลางสำรอง” หากกรุงเทพฯ เผชิญวิกฤตใหญ่ในอนาคต

นักเศรษฐศาสตร์ย้ำว่า การป้องกันกรุงเทพฯ ต้องเป็นภารกิจสำคัญของรัฐบาลชุดใหม่หลังการเลือกตั้ง เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมและการเพิ่มระดับน้ำทะเลเป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจรอการแก้ไขได้อีกต่อไป หากไม่เริ่มลงมือวันนี้ ประเทศอาจต้องเผชิญความเสียหายที่ใหญ่กว่าเหตุการณ์ปี 2554 และวิกฤตที่หาดใหญ่หลายเท่า

ที่มาข้อมูล : TNN

ที่มารูปภาพ : ประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

บรรณาธิการออนไลน์