
เข้าสู่โค้งสุดท้ายการวางแผนลดหย่อนภาษีกันแล้ว สำหรับคนทำงานและผู้มีรายได้ประจำ ที่มองหากองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2568 ไม่ควรพลาดในการเลือกซื้อกองทุน เพื่อเป็นตัวช่วยลดภาระจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว ยังสร้างผลตอบแทนในระยะยาว กับผู้ซื้อกองทุน โดยปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษี มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ThaiESG
ข้อแตกต่างหลักระหว่าง RMF และ Thai ESG
ระยะเวลาการลงทุน
- RMF: ถือจนถึงอายุ 55 ปี และซื้อครบ 5 ปีต่อเนื่องหรือปีเว้นปี
- Thai ESG: ถือครอง 5 ปีแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อทุกปี
วงเงินลดหย่อนภาษี
- RMF: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับประกันแบบบำนาญและ PVD)
- Thai ESG: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 300,000 บาท (วงเงินแยกต่างหาก)
สินทรัพย์ที่ลงทุนได้
- RMF: หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
- Thai ESG: เฉพาะหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
ข้อดีและข้อควรระวังของแต่ละกองทุนลดภาษี
RMF - เหมาะสำหรับการเกษียณ
- ข้อดี: วงเงินสูง, หลากหลายการลงทุน, เหมาะกับการวางแผนเกษียณ
- ข้อควรระวัง: ผูกมัดระยะยาว, ต้องซื้อต่อเนื่อง, ถอนยากก่อนเกษียณ
Thai ESG - ความยืดหยุ่นสูง:
- ข้อดี: ถือแค่ 5 ปี, ไม่บังคับซื้อทุกปี, วงเงินแยกต่างหาก, สนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
- ข้อควรระวัง: จำกัดการลงทุนในประเทศไทย, ความเสี่ยงจากการกระจุกตัว
การเลือกลงทุนในกองทุนลดภาษีควรพิจารณา 5 ปัจจัยหลัก
1.อายุและระยะเวลาจนเกษียณ - หากอายุต่ำกว่า 45 ปี กองทุนลดภาษี Thai ESG อาจเหมาะสมกว่า
2.เป้าหมายการเงิน - เพื่อเกษียณเลือก RMF, เพื่อความยืดหยุ่นเลือกกองทุนลดภาษี Thai ESG
3.รายได้และฐานภาษี - รายได้สูงควรใช้สิทธิทั้งสองประเภท
4.ความเสี่ยงที่รับได้ - กองทุนลดภาษี RMF กระจายความเสี่ยงได้มากกว่า
5.ความต้องการสภาพคล่อง - Thai ESG ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า
ปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษีมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ ในวันนี้ TNN Online พาไปส่องกองทุน RMF- Thai ESG ที่เด่นให้ผลตอบแทนที่ดี- มีตัวไหนน่าซื้อลดหย่อนภาษีบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ
กองทุน Thai ESG
1. กองทุนเปิดเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน (KKP GB THAI ESG) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เช่น ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- ระดับความเสี่ยง 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทอื่น จุดเด่นคือผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงสั้นๆ อย่าง 1-3 เดือนอาจเห็นผันผวนบ้าง เพราะรับแรงกดดันจากทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่โดยรวมถือว่านิ่งกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gb-thai-esg
2. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนไทย หรือ K-ESGSI-ThaiESG เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน เช่น Green Bond, Sustainability Bond และมีเป้าหมายให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีชี้วัด พร้อมสิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษี สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว (ถือครอง 8 ปี) โดยนำเงินไปใช้สนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
- ระดับความเสี่ยง: 3 (ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้ไม่สูงและต้องการกระจายความเสี่ยงผ่านตราสารหนี้ในพอร์ต ESG
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/k-esgsi-thaiesg.aspx
3. กองทุนเปิดเค บาลานซ์ 30 ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน K-BL30-THAIESG กองทุนผสม เน้นตราสารหนี้และมีกระจายการลงทุนในหุ้นไทย 30% มีความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างโอกาสเติบโตและการบริหารความผันผวนของพอร์ต ให้ผลลัพธ์ที่เสถียรกว่ากองทุนหุ้นล้วนในช่วงตลาดผันผวน และยังคงมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ล้วนในระยะกลางถึงยาวในเชิงกลยุทธ์
- ระดับความเสี่ยง 5 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูงเหมาะ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งและต้องการผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป โดยลงทุนผสมผสานระหว่างตราสารหนี้ไทยที่เน้นความยั่งยืนและหุ้นไทยไม่เกิน 30% เพื่อกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสสร้างผลตอบแทน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-BL30-ThaiESG.aspx
4. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า) หรือ SCBTP (ThaiESGA) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานธุรกิจมั่นคง และมีมาตรฐานด้าน ESG ที่ดี กองทุนมีลักษณะเป็น Equity Exposure มากกว่ากองทุนผสม ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ขณะเดียวกันอาจจะก็ต้องแลกมากับความผันผวนที่สูงขึ้นในระยะสั้น
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงสูงสุดของกองทุนประเภทนี้ เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น จึงมีความผันผวนสูงและเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดย นโยบายการลงทุน: เน้นลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ของบริษัทในประเทศไทยที่คำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG ไม่ต่ำกว่า 80% โดยลงทุนแบบ Passive (ตามดัชนี)
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scbam.com/fund/tax-thai-esg/fund-information/scbtpthaiesga
5. กองทุนเปิด วรรณ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (ONE-THAIESG) คือกองทุนรวมประเภท ตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีแนวคิดอย่างยั่งยืน เน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนหรือมีแผนควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ดี โดยเฉพาะบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้าน ESG อย่างเป็นรูปธรรม
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของตลาดหุ้นได้ โดยลงทุนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับการประเมินว่ามีแนวทางด้าน ESG ดีหรือมีแผนควบคุมส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.one-asset.com/home
สรุปข่าว
เข้าสู่โค้งสุดท้ายการวางแผนลดหย่อนภาษีกันแล้ว สำหรับคนทำงานและผู้มีรายได้ประจำ ที่มองหากองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2568 ไม่ควรพลาดในการเลือกซื้อกองทุน เพื่อเป็นตัวช่วยลดภาระจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว ยังสร้างผลตอบแทนในระยะยาว กับผู้ซื้อกองทุน โดยปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษี มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ThaiESG
ข้อแตกต่างหลักระหว่าง RMF และ Thai ESG
ระยะเวลาการลงทุน
- RMF: ถือจนถึงอายุ 55 ปี และซื้อครบ 5 ปีต่อเนื่องหรือปีเว้นปี
- Thai ESG: ถือครอง 5 ปีแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อทุกปี
วงเงินลดหย่อนภาษี
- RMF: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับประกันแบบบำนาญและ PVD)
- Thai ESG: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 300,000 บาท (วงเงินแยกต่างหาก)
สินทรัพย์ที่ลงทุนได้
- RMF: หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
- Thai ESG: เฉพาะหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
ข้อดีและข้อควรระวังของแต่ละกองทุนลดภาษี
RMF - เหมาะสำหรับการเกษียณ
- ข้อดี: วงเงินสูง, หลากหลายการลงทุน, เหมาะกับการวางแผนเกษียณ
- ข้อควรระวัง: ผูกมัดระยะยาว, ต้องซื้อต่อเนื่อง, ถอนยากก่อนเกษียณ
Thai ESG - ความยืดหยุ่นสูง:
- ข้อดี: ถือแค่ 5 ปี, ไม่บังคับซื้อทุกปี, วงเงินแยกต่างหาก, สนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
- ข้อควรระวัง: จำกัดการลงทุนในประเทศไทย, ความเสี่ยงจากการกระจุกตัว
การเลือกลงทุนในกองทุนลดภาษีควรพิจารณา 5 ปัจจัยหลัก
1.อายุและระยะเวลาจนเกษียณ - หากอายุต่ำกว่า 45 ปี กองทุนลดภาษี Thai ESG อาจเหมาะสมกว่า
2.เป้าหมายการเงิน - เพื่อเกษียณเลือก RMF, เพื่อความยืดหยุ่นเลือกกองทุนลดภาษี Thai ESG
3.รายได้และฐานภาษี - รายได้สูงควรใช้สิทธิทั้งสองประเภท
4.ความเสี่ยงที่รับได้ - กองทุนลดภาษี RMF กระจายความเสี่ยงได้มากกว่า
5.ความต้องการสภาพคล่อง - Thai ESG ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า
ปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษีมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ ในวันนี้ TNN Online พาไปส่องกองทุน RMF- Thai ESG ที่เด่นให้ผลตอบแทนที่ดี- มีตัวไหนน่าซื้อลดหย่อนภาษีบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ
กองทุน Thai ESG
1. กองทุนเปิดเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน (KKP GB THAI ESG) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เช่น ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- ระดับความเสี่ยง 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทอื่น จุดเด่นคือผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงสั้นๆ อย่าง 1-3 เดือนอาจเห็นผันผวนบ้าง เพราะรับแรงกดดันจากทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่โดยรวมถือว่านิ่งกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gb-thai-esg
2. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนไทย หรือ K-ESGSI-ThaiESG เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน เช่น Green Bond, Sustainability Bond และมีเป้าหมายให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีชี้วัด พร้อมสิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษี สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว (ถือครอง 8 ปี) โดยนำเงินไปใช้สนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
- ระดับความเสี่ยง: 3 (ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ) เหมาะกับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้ไม่สูงและต้องการกระจายความเสี่ยงผ่านตราสารหนี้ในพอร์ต ESG
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/k-esgsi-thaiesg.aspx
3. กองทุนเปิดเค บาลานซ์ 30 ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน K-BL30-THAIESG กองทุนผสม เน้นตราสารหนี้และมีกระจายการลงทุนในหุ้นไทย 30% มีความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างโอกาสเติบโตและการบริหารความผันผวนของพอร์ต ให้ผลลัพธ์ที่เสถียรกว่ากองทุนหุ้นล้วนในช่วงตลาดผันผวน และยังคงมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ล้วนในระยะกลางถึงยาวในเชิงกลยุทธ์
- ระดับความเสี่ยง 5 เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูงเหมาะ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งและต้องการผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป โดยลงทุนผสมผสานระหว่างตราสารหนี้ไทยที่เน้นความยั่งยืนและหุ้นไทยไม่เกิน 30% เพื่อกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสสร้างผลตอบแทน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-BL30-ThaiESG.aspx
4. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่า) หรือ SCBTP (ThaiESGA) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานธุรกิจมั่นคง และมีมาตรฐานด้าน ESG ที่ดี กองทุนมีลักษณะเป็น Equity Exposure มากกว่ากองทุนผสม ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ขณะเดียวกันอาจจะก็ต้องแลกมากับความผันผวนที่สูงขึ้นในระยะสั้น
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงสูงสุดของกองทุนประเภทนี้ เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น จึงมีความผันผวนสูงและเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดย นโยบายการลงทุน: เน้นลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ของบริษัทในประเทศไทยที่คำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG ไม่ต่ำกว่า 80% โดยลงทุนแบบ Passive (ตามดัชนี)
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scbam.com/fund/tax-thai-esg/fund-information/scbtpthaiesga
5. กองทุนเปิด วรรณ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (ONE-THAIESG) คือกองทุนรวมประเภท ตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีแนวคิดอย่างยั่งยืน เน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนหรือมีแผนควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ดี โดยเฉพาะบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้าน ESG อย่างเป็นรูปธรรม
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของตลาดหุ้นได้ โดยลงทุนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับการประเมินว่ามีแนวทางด้าน ESG ดีหรือมีแผนควบคุมส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.one-asset.com/home
6. กองทุนเปิด แอสเซทพลัส หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ASP-THAIESG เน้นลงทุนในหุ้นจดทะเบียนใน SET และ mai ที่ได้รับการคัดเลือกและยอมรับว่ามีความโดดเด่น ESG หรือมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีการจัดอันดับ SET ESG Rating ต้ังแต่ BBB ขึ้นไป
ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของตลาดหุ้นได้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะยาว
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม :ASP-THAIESG https://www.assetfund.co.th/home/fundfact-template01.aspx?id=205
7. กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG หรือ KT ESGSI-ThaiESG เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) จากบลจ.กรุงไทย (KTAM) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีความมั่นคงสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน รวมถึง Green/Sustainability Bonds
- ระดับความเสี่ยง 3 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวพร้อมลดหย่อนภาษี โดยเน้นสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.ktam.co.th/rmf-ltf-fund-detail-document.aspx?IdF=82&lang=th&Intro=1
8. กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ TSIThaiESG เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้ เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน
- ระดับความเสี่ยง 3 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ระยะยาว มากกว่าความผันผวนสูงของหุ้น และนักลงทุนที่ต้องการใช้กองทุนเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตเพื่อ เกษียณหรือออมยาว แทนเงินฝากออมทรัพย์ พันธบัตรธรรมดา
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://fund.tiscoasset.com/fund-information?sub_state=&sec_id=2594293D-E806-460A-853B-81BE039718AE
9. กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นปันผลไทยเพื่อความยั่งยืน TDSThaiESG-Dเ ป็นกองทุนรวมหุ้นไทยที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลที่เข้าเกณฑ์ความยั่งยืน (ESG) และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน โดยบลจ.ทิสโก้เป็นผู้จัดการกองทุน ซึ่งกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน และมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 80%ของ NAV
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เหมาะสำหรับ ผู้มีฐานภาษีสูง เช่น 20% 25% ขึ้นไป คนที่ต้องการประหยัดภาษีได้มากขึ้นจากวงเงินลดหย่อนภาษีเดิม นักลงทุนที่คาดหวังโอกาสผลตอบแทนระยะกลาง‑ยาว และได้รับเงินปันผลระหว่างทาง
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tiscoasset.com/mutualfunds/products/t-thaiesg/
10. กองทุนรวมบัวหลวงตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน B-SI-THAIESG ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตร หรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน ( หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV
- ระดับความเสี่ยง 3 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ) เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะกลาง‑ยาว แทนการเก็งกำไรในตลาดหุ้น
กองทุน RMF ลดหย่อนภาษี
1.กองทุนเปิดเคเคพี โกลบอล นิว เพอร์สเปกทีฟ เพื่อการเลี้ยงชีพ เฮดจ์และ กองทุน เปิดเคเคพี โกลบอล นิว เพอร์สเปกทีฟ เพื่อการเลี้ยงชีพ อันเฮดจ์ KKP GNP RMF-H และ KKP GNP RMF-UH ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Capital Group New Perspective Fund เน้นลงทุนในบริษัทข้ามชาติที่แข็งแกร่ง และได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจการค้าโลกผ่านการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Bottom-up) บริหารด้วยผู้จัดการกองทุน 10 ท่าน กลยุทธ์การบริหารกองมี Track Record ยาวนานกว่า 50 ปี เหมาะกับการจัดเป็น Core Port มีให้เลือกลงทุนทั้งแบบที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-UH) และแบบป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-H)
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง ลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยกองทุน KKP GNP RMF-UH เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาว มากกว่ากำไรระยะสั้น กองทุนลงทุนในหุ้นทั่วโลก → ราคาผันผวน เป็นผู้ที่รับความเสี่ยงค่าเงินได้ ถ้าค่าเงินต่างประเทศแข็งค่าเมื่อเทียบกับบาท → ผลตอบแทนอาจเพิ่ม แต่ถ้าค่าเงินอ่อนค่า → ผลตอบแทนจะลดลงได้เช่นกัน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่รับความผันผวนไม่ได้ กังวลเรื่องค่าเงินมาก และอาจต้องใช้เงินก่อนอายุเกษียณ
- ขณะที่ KKP GNP RMF-H จุดเด่นคือ ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedged) เป็นหลัก เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนเพื่อเกษียณระยะยาว และสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ไม่ใช่เก็งกำไรสั้น ๆ และผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่ไม่อยากรับความเสี่ยงค่าเงิน ซึ่งไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรับความเสี่ยงสูงสุดเพื่อหวังผลตอบแทนจากทั้งหุ้นและค่าเงิน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
KKP GNP RMF-UH : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gnp-rmf-uh
KKP GNP RMF-H : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gnp-rmf-h
2. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ K-FIRMF เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีภายในประเทศเป็นหลัก ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอสำหรับการออมเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
- ระดับความเสี่ยง 4 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวและเน้นความไม่ต้องการรับความเสี่ยงสูงมาก ๆ แต่ยังอยากได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากธนาคาร
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-FIRMF.aspx
3. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET50 INDEX เพื่อการเลี้ยงชีพ SCBRMS50 (SCB) ซึ่งมีนโยบายลงทุนล้อตามหุ้น 50 ตัวที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 มากที่สุดโดยอาจใช้อนุพันธ์เพื่อบริหารจัดการพอร์ต
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เพราะลงทุนหลักในหุ้นใหญ่ไทย ซึ่งมีความผันผวนของราคาตามภาวะตลาดหลักทรัพย์ เหมาะกับการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าในระยะยาว
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scbam.com/th/fund/rmf/fund-information/scbrms50
4. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ K-FIRMF ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน และเงินฝากในประเทศ ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการได้ไม่เกิน 60% ของ NAV และกองทุนรวมอื่นนั้นมีการลงทุนในกองทุนรวมใด ๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการเดียวกันต่อได้อีกไม่เกิน 1 ทอด
- ระดับความเสี่ยง 4 ปานกลางค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความผันผวนสูง แต่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-FIRMF.aspx
5. กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ UGISRMF เน้นสร้างกระแสรายได้มั่นคงผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยส่งเงินไปบริหารต่อผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้อันดับต้นๆ ของโลก ช่วยเสริมเสถียรภาพให้พอร์ตโดยรวม กระจายความเสี่ยงออกนอกตลาดไทย และเน้นสร้างรายได้สม่ำเสมอ
- ระดับความเสี่ยง 5 (ปานกลางค่อนข้างสูง) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ มองภาพรวมเศรษฐกิจโลก มากกว่าลงทุนเฉพาะในตลาดไทย
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.settrade.com/th/mutualfund/quote/ugisrmf/performance
6.กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Quality Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ ES-GQGRMF เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงจากทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Wellington Global Quality Growth หนึ่งในทีมบริหารสินทรัพย์ชื่อดังที่มีประสบการณ์ยาวนาน และยังได้รับเรตติ้งระดับ 5 ดาวจาก Morningstar คัดหุ้นแบบละเอียดทีละตัว เน้นบริษัทที่มีความแข็งแรงจริงๆ ทั้งในเรื่องกำไรที่เติบโตดี และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอนาคต
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เหมาะกับนักลงทุนเป้าหมายการเกษียณหรือการเพิ่มพอร์ตระยะยาว มากกว่าเป้าหมายระยะสั้น เพราะหุ้นคุณภาพทั่วโลกมักสะท้อนการเติบโตของธุรกิจและเศรษฐกิจโลก
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.eastspring.co.th/funds/mutual-funds/funddetails?fundcode=RGQ
7. กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100 เพื่อการเลี้ยงชีพ K-USXNDQRMF ลงทุนหุ้นอิงดัชนี NASDAQ 100 รวมสุดยอดหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสหรัฐฯ เช่น Apple, Microsoft, Nvidia, Amazon เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนตรงธีม หุ้นผู้นำโลก แบบระยะยาว กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและเติบโตสูง
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-USXNDQRMF.aspx
8.กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล สมาร์ท แอลโลเคชั่น เพื่อการเลี้ยงชีพ TGSMARTRMF-A เน้น ลงทุนกระจายตัวในสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลก ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ เงินสด และสินทรัพย์ทางเลือก ผ่านกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Global Target Return โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เงินลงทุนเติบโตและสร้างผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ +5% ต่อปี ในระยะยาว
- ระดับความเสี่ยง 5 (ปานกลางค่อนข้างสูง) เหมาะสำหรับผู้ที่รับความผันผวนจากต่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนได้ และต้องการวางแผนภาษีระยะยาว
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.tiscoasset.com/mutualfunds/products/tgsmart/
9. กองทุนเปิดกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ KFAFIXRMF เน้นลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศ หรือเงินฝาก ตราสารหนี้เทียบเท่าเงินฝาก ที่ออกรับรองรับอาวัลหรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน หรือภาคเอกชน
- ระดับความเสี่ยง 4 ปานกลางค่อนข้างต่ำ เหมาะกับคนที่อยากได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ไม่ต้องการความผันผวนสูงแบบหุ้น
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.krungsriasset.com/TH/FundDetail/?fund=KFAFIXRMF
10. กองทุนเปิดเคแทม Global Climate Change เพื่อการเลี้ยงชีพ KT-CLIMATE RMF เน้นลงทุนใน ธีมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลักคือ Schroder ISF Global Climate Change Equity Fund เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นทั่วโลกของบริษัทที่ได้รับประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
- ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอยากกระจายพอร์ตไปยัง หุ้นต่างประเทศตัวเลือกภูมิภาค อุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจง ยกระดับพอร์ตเกษียณให้รับโอกาสเติบโตทั่วโลก
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.ktam.co.th/rmf-ltf-fund-detail-document.aspx?IdF=52&lang=th&Intro=1
สำหรับการเลือกซื้อกองทุน เพื่อลดหย่อนภาษีต้องดูก่อนว่าจุดมุ่งหมายเป้าหมายที่ต้องการคืออะไร เพื่อเกษียณอายุ หรือเป็นเงินออมในระยะสั้น-กลาง-ยาว และสร้างรายได้ระหว่างทางจากปันผล ขณะเดียวกันต้องพิจารณาความเสี่ยงด้วยว่าสามารถรับได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าระดับ 1–2 = ความเสี่ยงต่ำ ระดับ 3–4 = กลางถึงค่อนข้างต่ำ ระดับ 5–6 = กลางถึงสูง ระดับ 7 = สูงมาก
- คนที่ รับความเสี่ยงได้น้อย → เลือกตราสารหนี้ / กองทุนผสม
- คนที่ รับความเสี่ยงได้สูง → กองทุนหุ้น / ThaiESG หุ้น
- คนที่ ต้องการ รายได้ระหว่างทาง → Fund ที่ปันผล
โดยสามารถดูผลตอบแทนย้อนหลังและความผันผวนได้ที่ Morningstar, Finnomena , Fact Sheet ของ บลจ.แต่ละบริษัท
ทั้งนี้นักลงทุนสามารถซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี RMF และ Thai ESG ได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค. นี้ โดยการลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้นต้องศึกษารายละเอียดอย่างรอบทิศก่อนตัดสินใจลงทุน และต้องคำนึงถึง เป้าหมายทางการเงิน ระยะเวลาถือ และความเสี่ยงที่รับได้ ควบคู่กับ สิทธิ์ลดหย่อนภาษี....
- หุ้นไทยวันนี้ 8 ธันวาคม 2568 ลดลง 12.38 จุด แรงขาย DELTA–แบงก์กดดัน
- โบรกคาดหุ้นไทยฟื้นตัว! แรงหนุนเฟด-กนง.หั่นดอกเบี้ย ชูหุ้นปันผลสูง-มีปัจจัยบวกเฉพาะ
- ส่องหุ้นไทยส่งท้ายปี 68 ลุ้นฟื้นตัวหาก "เฟด" ลดดอกเบี้ย มองหุ้น "ปันผล" แบงก์-สื่อสารเด่น
- "น้ำท่วมภาคใต้" กระทบหุ้น "ไฟแนนซ์" ไม่มาก "หยวนต้า" มองภาพรวมยังเติบโตได้ดี
- บล.กรุงศรี มอง SET สิ้นปีลุ้น 1,370 จุด รับเทรนด์ดอกเบี้ยขาลง แนะเก็บ SAWAD, CPALL, KTB เข้าพอร์ต หุ้นปันผลน่าถือข้ามปี
ที่มาข้อมูล : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.),บลจ.กสิกรไทย,บลจ.ทิสโก้,บลจ.กรุงศรี,บลจ.ไทยพาณิชย์, บลจ.กรุงไทย
ที่มารูปภาพ : Getty Images
นักข่าวอาวุโส ประสบการณ์มากกว่า 25ปี ด้านข่าวการเงิน การคลัง การลงทุน
