ส่อง RMF-Thai ESG กองเด่น ! รับโค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปี 68

Share on Line Share on Facebook Share on X
ส่อง RMF-Thai ESG กองเด่น ! รับโค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษีปี 68

เข้าสู่โค้งสุดท้ายการวางแผนลดหย่อนภาษีกันแล้ว สำหรับคนทำงานและผู้มีรายได้ประจำ  ที่มองหากองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2568 ไม่ควรพลาดในการเลือกซื้อกองทุน เพื่อเป็นตัวช่วยลดภาระจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว ยังสร้างผลตอบแทนในระยะยาว กับผู้ซื้อกองทุน โดยปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษี มีอยู่  2 ประเภท ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ThaiESG  

ข้อแตกต่างหลักระหว่าง RMF และ Thai ESG

ระยะเวลาการลงทุน

  • RMF: ถือจนถึงอายุ 55 ปี และซื้อครบ 5 ปีต่อเนื่องหรือปีเว้นปี
  • Thai ESG: ถือครอง 5 ปีแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อทุกปี

วงเงินลดหย่อนภาษี 

  • RMF: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับประกันแบบบำนาญและ PVD)
  • Thai ESG: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 300,000 บาท (วงเงินแยกต่างหาก)

สินทรัพย์ที่ลงทุนได้ 

  • RMF: หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
  • Thai ESG: เฉพาะหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG

ข้อดีและข้อควรระวังของแต่ละกองทุนลดภาษี

RMF - เหมาะสำหรับการเกษียณ 

  • ข้อดี: วงเงินสูง, หลากหลายการลงทุน, เหมาะกับการวางแผนเกษียณ
  • ข้อควรระวัง: ผูกมัดระยะยาว, ต้องซื้อต่อเนื่อง, ถอนยากก่อนเกษียณ

Thai ESG - ความยืดหยุ่นสูง:

  • ข้อดี: ถือแค่ 5 ปี, ไม่บังคับซื้อทุกปี, วงเงินแยกต่างหาก, สนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
  • ข้อควรระวัง: จำกัดการลงทุนในประเทศไทย, ความเสี่ยงจากการกระจุกตัว

การเลือกลงทุนในกองทุนลดภาษีควรพิจารณา 5 ปัจจัยหลัก 

  1.อายุและระยะเวลาจนเกษียณ - หากอายุต่ำกว่า 45 ปี กองทุนลดภาษี Thai ESG อาจเหมาะสมกว่า

  2.เป้าหมายการเงิน - เพื่อเกษียณเลือก RMF, เพื่อความยืดหยุ่นเลือกกองทุนลดภาษี Thai ESG

  3.รายได้และฐานภาษี - รายได้สูงควรใช้สิทธิทั้งสองประเภท

  4.ความเสี่ยงที่รับได้ - กองทุนลดภาษี RMF กระจายความเสี่ยงได้มากกว่า

  5.ความต้องการสภาพคล่อง - Thai ESG ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า

 

ปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษีมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ  ในวันนี้ TNN Online พาไปส่องกองทุน  RMF- Thai ESG ที่เด่นให้ผลตอบแทนที่ดี- มีตัวไหนน่าซื้อลดหย่อนภาษีบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ 

กองทุน Thai ESG

1. กองทุนเปิดเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน (KKP GB THAI ESG) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เช่น ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

- ระดับความเสี่ยง 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทอื่น จุดเด่นคือผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงสั้นๆ อย่าง 1-3 เดือนอาจเห็นผันผวนบ้าง เพราะรับแรงกดดันจากทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่โดยรวมถือว่านิ่งกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gb-thai-esg

2. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนไทย หรือ K-ESGSI-ThaiESG   เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน เช่น Green Bond, Sustainability Bond และมีเป้าหมายให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีชี้วัด พร้อมสิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษี สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว (ถือครอง 8 ปี) โดยนำเงินไปใช้สนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

- ระดับความเสี่ยง: 3 (ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ)  เหมาะกับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้ไม่สูงและต้องการกระจายความเสี่ยงผ่านตราสารหนี้ในพอร์ต ESG

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/k-esgsi-thaiesg.aspx

 3. กองทุนเปิดเค บาลานซ์ 30 ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน  K-BL30-THAIESG  กองทุนผสม เน้นตราสารหนี้และมีกระจายการลงทุนในหุ้นไทย 30% มีความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างโอกาสเติบโตและการบริหารความผันผวนของพอร์ต ให้ผลลัพธ์ที่เสถียรกว่ากองทุนหุ้นล้วนในช่วงตลาดผันผวน และยังคงมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ล้วนในระยะกลางถึงยาวในเชิงกลยุทธ์

- ระดับความเสี่ยง 5  เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูงเหมาะ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งและต้องการผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป โดยลงทุนผสมผสานระหว่างตราสารหนี้ไทยที่เน้นความยั่งยืนและหุ้นไทยไม่เกิน 30% เพื่อกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสสร้างผลตอบแทน 

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-BL30-ThaiESG.aspx

 

4. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่าหรือ SCBTP (ThaiESGA)  เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานธุรกิจมั่นคง และมีมาตรฐานด้าน ESG ที่ดี กองทุนมีลักษณะเป็น Equity Exposure มากกว่ากองทุนผสม ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ขณะเดียวกันอาจจะก็ต้องแลกมากับความผันผวนที่สูงขึ้นในระยะสั้น

-  ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงสูงสุดของกองทุนประเภทนี้ เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น จึงมีความผันผวนสูงและเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดย นโยบายการลงทุน: เน้นลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ของบริษัทในประเทศไทยที่คำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG ไม่ต่ำกว่า 80% โดยลงทุนแบบ Passive (ตามดัชนี)

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scbam.com/fund/tax-thai-esg/fund-information/scbtpthaiesga


5.  กองทุนเปิด วรรณ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (ONE-THAIESG) คือกองทุนรวมประเภท ตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีแนวคิดอย่างยั่งยืน เน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนหรือมีแผนควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ดี โดยเฉพาะบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้าน ESG อย่างเป็นรูปธรรม

- ระดับความเสี่ยง 6  = เสี่ยงสูง  เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของตลาดหุ้นได้ โดยลงทุนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับการประเมินว่ามีแนวทางด้าน ESG ดีหรือมีแผนควบคุมส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.one-asset.com/home 

 

สรุปข่าว

โค้งสุดท้ายสำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีทั้ง Thai ESG และ RMF เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ถ้ารับความเสี่ยงได้ต่ำ เน้นกองทุนตราสารหนี้ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หรือหุ้นกู้คุณภาพดี แต่ถ้ารับความเสี่ยงได้มากขึ้น เน้นกองทุนลงทุนในหุ้น ทั้งหุ้นไทย หุ้นโลก และทองคำ หรือสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเติบโตสูง หรือกลุ่มอุตสาหกรรมเฉพาะที่เติบโตเร็ว เช่น เทคโนโลยี, พลังงานสะอาด, Healthcare

เข้าสู่โค้งสุดท้ายการวางแผนลดหย่อนภาษีกันแล้ว สำหรับคนทำงานและผู้มีรายได้ประจำ  ที่มองหากองทุนลดหย่อนภาษี ปี 2568 ไม่ควรพลาดในการเลือกซื้อกองทุน เพื่อเป็นตัวช่วยลดภาระจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว ยังสร้างผลตอบแทนในระยะยาว กับผู้ซื้อกองทุน โดยปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษี มีอยู่  2 ประเภท ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ThaiESG  

ข้อแตกต่างหลักระหว่าง RMF และ Thai ESG

ระยะเวลาการลงทุน

  • RMF: ถือจนถึงอายุ 55 ปี และซื้อครบ 5 ปีต่อเนื่องหรือปีเว้นปี
  • Thai ESG: ถือครอง 5 ปีแบบวันชนวัน ไม่บังคับซื้อทุกปี

วงเงินลดหย่อนภาษี 

  • RMF: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับประกันแบบบำนาญและ PVD)
  • Thai ESG: สูงสุด 30% ของรายได้แต่ไม่เกิน 300,000 บาท (วงเงินแยกต่างหาก)

สินทรัพย์ที่ลงทุนได้ 

  • RMF: หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
  • Thai ESG: เฉพาะหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG

ข้อดีและข้อควรระวังของแต่ละกองทุนลดภาษี

RMF - เหมาะสำหรับการเกษียณ 

  • ข้อดี: วงเงินสูง, หลากหลายการลงทุน, เหมาะกับการวางแผนเกษียณ
  • ข้อควรระวัง: ผูกมัดระยะยาว, ต้องซื้อต่อเนื่อง, ถอนยากก่อนเกษียณ

Thai ESG - ความยืดหยุ่นสูง:

  • ข้อดี: ถือแค่ 5 ปี, ไม่บังคับซื้อทุกปี, วงเงินแยกต่างหาก, สนับสนุนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน
  • ข้อควรระวัง: จำกัดการลงทุนในประเทศไทย, ความเสี่ยงจากการกระจุกตัว

การเลือกลงทุนในกองทุนลดภาษีควรพิจารณา 5 ปัจจัยหลัก 

  1.อายุและระยะเวลาจนเกษียณ - หากอายุต่ำกว่า 45 ปี กองทุนลดภาษี Thai ESG อาจเหมาะสมกว่า

  2.เป้าหมายการเงิน - เพื่อเกษียณเลือก RMF, เพื่อความยืดหยุ่นเลือกกองทุนลดภาษี Thai ESG

  3.รายได้และฐานภาษี - รายได้สูงควรใช้สิทธิทั้งสองประเภท

  4.ความเสี่ยงที่รับได้ - กองทุนลดภาษี RMF กระจายความเสี่ยงได้มากกว่า

  5.ความต้องการสภาพคล่อง - Thai ESG ให้ความยืดหยุ่นมากกว่า

 

ปัจจุบันกองทุนลดหย่อนภาษีมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนผสม กองทุนหุ้น ทั้งในและต่างประเทศ  ในวันนี้ TNN Online พาไปส่องกองทุน  RMF- Thai ESG ที่เด่นให้ผลตอบแทนที่ดี- มีตัวไหนน่าซื้อลดหย่อนภาษีบ้างตามไปดูกันเลยค่ะ 

กองทุน Thai ESG

1. กองทุนเปิดเคเคพี พันธบัตรรัฐบาลไทยเพื่อความยั่งยืน (KKP GB THAI ESG) ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐไทย และตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน เช่น ตราสารเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green bond) ตราสารเพื่อความยั่งยืน (Sustainability bond) และตราสารส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-linked bond) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

- ระดับความเสี่ยง 3 (เสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เมื่อเทียบกับกองทุนประเภทอื่น จุดเด่นคือผลตอบแทนที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้ในช่วงสั้นๆ อย่าง 1-3 เดือนอาจเห็นผันผวนบ้าง เพราะรับแรงกดดันจากทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่โดยรวมถือว่านิ่งกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gb-thai-esg

2. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืนไทย หรือ K-ESGSI-ThaiESG   เน้นลงทุนใน พันธบัตรรัฐบาลไทย และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน เช่น Green Bond, Sustainability Bond และมีเป้าหมายให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนีชี้วัด พร้อมสิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษี สำหรับผู้ลงทุนระยะยาว (ถือครอง 8 ปี) โดยนำเงินไปใช้สนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

- ระดับความเสี่ยง: 3 (ความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ)  เหมาะกับนักลงทุนที่รับความผันผวนได้ไม่สูงและต้องการกระจายความเสี่ยงผ่านตราสารหนี้ในพอร์ต ESG

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/k-esgsi-thaiesg.aspx

 3. กองทุนเปิดเค บาลานซ์ 30 ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน  K-BL30-THAIESG  กองทุนผสม เน้นตราสารหนี้และมีกระจายการลงทุนในหุ้นไทย 30% มีความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่างโอกาสเติบโตและการบริหารความผันผวนของพอร์ต ให้ผลลัพธ์ที่เสถียรกว่ากองทุนหุ้นล้วนในช่วงตลาดผันผวน และยังคงมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้ล้วนในระยะกลางถึงยาวในเชิงกลยุทธ์

- ระดับความเสี่ยง 5  เสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูงเหมาะ สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับหนึ่งและต้องการผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ทั่วไป โดยลงทุนผสมผสานระหว่างตราสารหนี้ไทยที่เน้นความยั่งยืนและหุ้นไทยไม่เกิน 30% เพื่อกระจายความเสี่ยงและหาโอกาสสร้างผลตอบแทน 

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-BL30-ThaiESG.aspx

 

4. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นไทยยั่งยืนพาสซีฟ (ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืนแบบสะสมมูลค่าหรือ SCBTP (ThaiESGA)  เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฐานธุรกิจมั่นคง และมีมาตรฐานด้าน ESG ที่ดี กองทุนมีลักษณะเป็น Equity Exposure มากกว่ากองทุนผสม ทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ขณะเดียวกันอาจจะก็ต้องแลกมากับความผันผวนที่สูงขึ้นในระยะสั้น

-  ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง ซึ่งเป็นระดับความเสี่ยงสูงสุดของกองทุนประเภทนี้ เนื่องจากเป็นการลงทุนในหุ้น จึงมีความผันผวนสูงและเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง โดย นโยบายการลงทุน: เน้นลงทุนในตราสารทุน (หุ้น) ของบริษัทในประเทศไทยที่คำนึงถึงปัจจัยด้าน ESG ไม่ต่ำกว่า 80% โดยลงทุนแบบ Passive (ตามดัชนี)

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scbam.com/fund/tax-thai-esg/fund-information/scbtpthaiesga


5.  กองทุนเปิด วรรณ หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน (ONE-THAIESG) คือกองทุนรวมประเภท ตราสารทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยที่มีแนวคิดอย่างยั่งยืน เน้นลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกว่ามีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนหรือมีแผนควบคุมผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่ดี โดยเฉพาะบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการจัดการด้าน ESG อย่างเป็นรูปธรรม

- ระดับความเสี่ยง 6  = เสี่ยงสูง  เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของตลาดหุ้นได้ โดยลงทุนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยเฉพาะหุ้นที่ได้รับการประเมินว่ามีแนวทางด้าน ESG ดีหรือมีแผนควบคุมส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.one-asset.com/home 

 

6. กองทุนเปิด แอสเซทพลัส หุ้นไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ ASP-THAIESG เน้นลงทุนในหุ้นจดทะเบียนใน SET และ  mai ที่ได้รับการคัดเลือกและยอมรับว่ามีความโดดเด่น ESG  หรือมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะเน้นการลงทุนในบริษัทที่มีการจัดอันดับ SET ESG Rating ต้ังแต่ BBB ขึ้นไป

ระดับความเสี่ยง 6  =  เสี่ยงสูง  เหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความผันผวนของตลาดหุ้นได้ เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงกว่าในระยะยาว

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม :ASP-THAIESG  https://www.assetfund.co.th/home/fundfact-template01.aspx?id=205


7. กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG หรือ KT ESGSI-ThaiESG เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ เพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) จากบลจ.กรุงไทย (KTAM) ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐที่มีความมั่นคงสูง เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน รวมถึง Green/Sustainability Bonds 

- ระดับความเสี่ยง  3 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ) เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะยาวพร้อมลดหย่อนภาษี โดยเน้นสร้างสมดุลระหว่างผลตอบแทนและผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.ktam.co.th/rmf-ltf-fund-detail-document.aspx?IdF=82&lang=th&Intro=1


8. กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ TSIThaiESG  เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้ เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) หรือเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน  

- ระดับความเสี่ยง 3  (ปานกลางค่อนข้างต่ำ)  เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ผลตอบแทนจากตราสารหนี้ระยะยาว มากกว่าความผันผวนสูงของหุ้น  และนักลงทุนที่ต้องการใช้กองทุนเป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตเพื่อ เกษียณหรือออมยาว แทนเงินฝากออมทรัพย์ พันธบัตรธรรมดา

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://fund.tiscoasset.com/fund-information?sub_state=&sec_id=2594293D-E806-460A-853B-81BE039718AE


9. กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นปันผลไทยเพื่อความยั่งยืน TDSThaiESG-Dเ ป็นกองทุนรวมหุ้นไทยที่เน้นลงทุนในหุ้นปันผลที่เข้าเกณฑ์ความยั่งยืน (ESG) และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน โดยบลจ.ทิสโก้เป็นผู้จัดการกองทุน ซึ่งกองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน และมุ่งหวังให้ผลประกอบการสูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management) ลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก โดยเฉลี่ยในรอบปีไม่น้อยกว่า 80%ของ NAV

 - ระดับความเสี่ยง  6 = เสี่ยงสูง เหมาะสำหรับ  ผู้มีฐานภาษีสูง เช่น 20% 25% ขึ้นไป  คนที่ต้องการประหยัดภาษีได้มากขึ้นจากวงเงินลดหย่อนภาษีเดิม นักลงทุนที่คาดหวังโอกาสผลตอบแทนระยะกลาง‑ยาว และได้รับเงินปันผลระหว่างทาง

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม  https://www.tiscoasset.com/mutualfunds/products/t-thaiesg/


10. กองทุนรวมบัวหลวงตราสารภาครัฐไทยเพื่อความยั่งยืน   B-SI-THAIESG  ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย หรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ย แต่ไม่รวมถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นพันธบัตร หรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (green bond) พันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่อความยั่งยืน (  หรือพันธบัตรหรือหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน   โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

- ระดับความเสี่ยง 3 (ปานกลางค่อนข้างต่ำ) เหมาะสำหรับ นักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะกลาง‑ยาว แทนการเก็งกำไรในตลาดหุ้น

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Save-And-Invest/Mutual-Funds/Thai-ESG-Funds/B-SI-THAIESG

กองทุน RMF ลดหย่อนภาษี

1.กองทุนเปิดเคเคพี โกลบอล นิว เพอร์สเปกทีฟ เพื่อการเลี้ยงชีพ เฮดจ์และ กองทุน เปิดเคเคพี โกลบอล นิว เพอร์สเปกทีฟ เพื่อการเลี้ยงชีพ อันเฮดจ์ KKP GNP RMF-H และ KKP GNP RMF-UH ลงทุนในหุ้นทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Capital Group New Perspective Fund เน้นลงทุนในบริษัทข้ามชาติที่แข็งแกร่ง และได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจการค้าโลกผ่านการคัดเลือกหุ้นรายตัว (Bottom-up) บริหารด้วยผู้จัดการกองทุน 10 ท่าน กลยุทธ์การบริหารกองมี Track Record ยาวนานกว่า 50 ปี เหมาะกับการจัดเป็น Core Port มีให้เลือกลงทุนทั้งแบบที่ไม่ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-UH) และแบบป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (KKP GNP RMF-H)

 - ระดับความเสี่ยง 6 = เสี่ยงสูง ลงทุนในหุ้นทั่วโลก โดยกองทุน KKP GNP RMF-UH เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนระยะยาว มากกว่ากำไรระยะสั้น กองทุนลงทุนในหุ้นทั่วโลก → ราคาผันผวน เป็นผู้ที่รับความเสี่ยงค่าเงินได้  ถ้าค่าเงินต่างประเทศแข็งค่าเมื่อเทียบกับบาท → ผลตอบแทนอาจเพิ่ม แต่ถ้าค่าเงินอ่อนค่า → ผลตอบแทนจะลดลงได้เช่นกัน  ซึ่งอาจไม่เหมาะกับคนที่รับความผันผวนไม่ได้ กังวลเรื่องค่าเงินมาก และอาจต้องใช้เงินก่อนอายุเกษียณ 

- ขณะที่ KKP GNP RMF-H จุดเด่นคือ ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Hedged) เป็นหลัก เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนเพื่อเกษียณระยะยาว และสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ไม่ใช่เก็งกำไรสั้น ๆ  และผู้ที่ต้องการลงทุนหุ้นต่างประเทศ แต่ไม่อยากรับความเสี่ยงค่าเงิน  ซึ่งไม่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการรับความเสี่ยงสูงสุดเพื่อหวังผลตอบแทนจากทั้งหุ้นและค่าเงิน


 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม

KKP GNP RMF-UH : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gnp-rmf-uh

KKP GNP RMF-H : https://am.kkpfg.com/th/mutual-fund/kkp-gnp-rmf-h


2. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ K-FIRMF เน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดีภายในประเทศเป็นหลัก  ทั้งพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง  โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอสำหรับการออมเงินระยะยาวเพื่อวัยเกษียณ และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

- ระดับความเสี่ยง 4  (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวและเน้นความไม่ต้องการรับความเสี่ยงสูงมาก ๆ แต่ยังอยากได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากธนาคาร

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม  : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-FIRMF.aspx


3.  กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ SET50 INDEX เพื่อการเลี้ยงชีพ SCBRMS50 (SCB)    ซึ่งมีนโยบายลงทุนล้อตามหุ้น 50 ตัวที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) เพื่อให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 มากที่สุดโดยอาจใช้อนุพันธ์เพื่อบริหารจัดการพอร์ต

- ระดับความเสี่ยง  6 = เสี่ยงสูง  เพราะลงทุนหลักในหุ้นใหญ่ไทย ซึ่งมีความผันผวนของราคาตามภาวะตลาดหลักทรัพย์ เหมาะกับการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าในระยะยาว

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.scbam.com/th/fund/rmf/fund-information/scbrms50


4. กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ K-FIRMF ลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชน และเงินฝากในประเทศ  ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอื่น ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารจัดการได้ไม่เกิน 60% ของ NAV และกองทุนรวมอื่นนั้นมีการลงทุนในกองทุนรวมใด ๆ ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทจัดการเดียวกันต่อได้อีกไม่เกิน 1 ทอด

- ระดับความเสี่ยง 4 ปานกลางค่อนข้างต่ำ  เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบความผันผวนสูง แต่ต้องการผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-FIRMF.aspx

 

5. กองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล อินคัม สตราทีจิค บอนด์ ฟันด์ เพื่อการเลี้ยงชีพ UGISRMF  เน้นสร้างกระแสรายได้มั่นคงผ่านการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วโลก โดยส่งเงินไปบริหารต่อผ่านกองทุนหลัก PIMCO GIS Income Fund ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้อันดับต้นๆ ของโลก ช่วยเสริมเสถียรภาพให้พอร์ตโดยรวม กระจายความเสี่ยงออกนอกตลาดไทย และเน้นสร้างรายได้สม่ำเสมอ

- ระดับความเสี่ยง 5 (ปานกลางค่อนข้างสูง)  เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ มองภาพรวมเศรษฐกิจโลก มากกว่าลงทุนเฉพาะในตลาดไทย

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.settrade.com/th/mutualfund/quote/ugisrmf/performance


6.กองทุนเปิดอีสท์สปริง Global Quality Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ  ES-GQGRMF เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพสูงจากทั่วโลก ผ่านกองทุนหลัก Wellington Global Quality Growth หนึ่งในทีมบริหารสินทรัพย์ชื่อดังที่มีประสบการณ์ยาวนาน และยังได้รับเรตติ้งระดับ 5 ดาวจาก Morningstar คัดหุ้นแบบละเอียดทีละตัว เน้นบริษัทที่มีความแข็งแรงจริงๆ ทั้งในเรื่องกำไรที่เติบโตดี และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอนาคต

- ระดับความเสี่ยง  6 = เสี่ยงสูง   เหมาะกับนักลงทุนเป้าหมายการเกษียณหรือการเพิ่มพอร์ตระยะยาว มากกว่าเป้าหมายระยะสั้น เพราะหุ้นคุณภาพทั่วโลกมักสะท้อนการเติบโตของธุรกิจและเศรษฐกิจโลก

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม https://www.eastspring.co.th/funds/mutual-funds/funddetails?fundcode=RGQ


7. กองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100 เพื่อการเลี้ยงชีพ K-USXNDQRMF  ลงทุนหุ้นอิงดัชนี NASDAQ 100 รวมสุดยอดหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมของสหรัฐฯ เช่น Apple, Microsoft, Nvidia, Amazon เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนตรงธีม หุ้นผู้นำโลก แบบระยะยาว  กองทุนจะป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน

- ระดับความเสี่ยง  6 = เสี่ยงสูง   เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีและเติบโตสูง

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kasikornasset.com/kasset/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-USXNDQRMF.aspx


8.กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล สมาร์ท แอลโลเคชั่น เพื่อการเลี้ยงชีพ  TGSMARTRMF-A  เน้น ลงทุนกระจายตัวในสินทรัพย์หลากหลายทั่วโลก ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ เงินสด และสินทรัพย์ทางเลือก ผ่านกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Global Target Return โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เงินลงทุนเติบโตและสร้างผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ +5% ต่อปี ในระยะยาว 

- ระดับความเสี่ยง  5  (ปานกลางค่อนข้างสูง)  เหมาะสำหรับผู้ที่รับความผันผวนจากต่างประเทศและอัตราแลกเปลี่ยนได้ และต้องการวางแผนภาษีระยะยาว  

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.tiscoasset.com/mutualfunds/products/tgsmart/


9.  กองทุนเปิดกรุงศรีแอคทีฟตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ KFAFIXRMF  เน้นลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในและต่างประเทศ หรือเงินฝาก ตราสารหนี้เทียบเท่าเงินฝาก ที่ออกรับรองรับอาวัลหรือค้ำประกันการจ่ายเงิน โดยรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน หรือภาคเอกชน

- ระดับความเสี่ยง 4 ปานกลางค่อนข้างต่ำ เหมาะกับคนที่อยากได้ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้น แต่ไม่ต้องการความผันผวนสูงแบบหุ้น 

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม :  https://www.krungsriasset.com/TH/FundDetail/?fund=KFAFIXRMF


10. กองทุนเปิดเคแทม Global Climate Change เพื่อการเลี้ยงชีพ  KT-CLIMATE RMF เน้นลงทุนใน ธีมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) โดยจะลงทุนผ่านกองทุนหลักคือ Schroder ISF Global Climate Change Equity Fund เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นทั่วโลกของบริษัทที่ได้รับประโยชน์หรือเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

- ระดับความเสี่ยง  6 = เสี่ยงสูง  เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอยากกระจายพอร์ตไปยัง หุ้นต่างประเทศตัวเลือกภูมิภาค อุตสาหกรรมที่เฉพาะเจาะจง ยกระดับพอร์ตเกษียณให้รับโอกาสเติบโตทั่วโลก

 ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม :  https://www.ktam.co.th/rmf-ltf-fund-detail-document.aspx?IdF=52&lang=th&Intro=1

สำหรับการเลือกซื้อกองทุน เพื่อลดหย่อนภาษีต้องดูก่อนว่าจุดมุ่งหมายเป้าหมายที่ต้องการคืออะไร เพื่อเกษียณอายุ  หรือเป็นเงินออมในระยะสั้น-กลาง-ยาว และสร้างรายได้ระหว่างทางจากปันผล  ขณะเดียวกันต้องพิจารณาความเสี่ยงด้วยว่าสามารถรับได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าระดับ 1–2 = ความเสี่ยงต่ำ ระดับ  3–4 = กลางถึงค่อนข้างต่ำ ระดับ 5–6 = กลางถึงสูง ระดับ 7 = สูงมาก 

  • คนที่ รับความเสี่ยงได้น้อย  เลือกตราสารหนี้ / กองทุนผสม
  • คนที่ รับความเสี่ยงได้สูง  กองทุนหุ้น / ThaiESG หุ้น
  • คนที่ ต้องการ รายได้ระหว่างทาง  Fund ที่ปันผล

โดยสามารถดูผลตอบแทนย้อนหลังและความผันผวนได้ที่   Morningstar,  Finnomena , Fact Sheet ของ บลจ.แต่ละบริษัท

ทั้งนี้นักลงทุนสามารถซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี RMF และ Thai ESG ได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค. นี้ โดยการลงทุนมีความเสี่ยง ผลตอบแทนในอดีตไม่ได้การันตีผลตอบแทนในอนาคต ดังนั้นต้องศึกษารายละเอียดอย่างรอบทิศก่อนตัดสินใจลงทุน และต้องคำนึงถึง เป้าหมายทางการเงิน ระยะเวลาถือ และความเสี่ยงที่รับได้ ควบคู่กับ สิทธิ์ลดหย่อนภาษี....

 

 

 

 

นักข่าวอาวุโส ประสบการณ์มากกว่า 25ปี ด้านข่าวการเงิน การคลัง การลงทุน