'บิ๊กตู่' ไฟเขียวกรอบงบปี63 วงเงิน3.2ล้านล้านบาท

วันนี้ (1ส.ค.62) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เปิดเผยหลังการประชุมพิจารณากำหนดวงเงินงบประมาณปี 2563 วันนี้ (1 ส.ค.) ว่า รัฐบาลยังคงกรอบวงเงินไว้ที่เท่าเดิม คือ 3.2 ล้านล้านบาท แต่ได้ปรับลดประมาณการรายได้สุทธิลงเหลือ 2.731 ล้านล้านบาท จากเดิมที่ 2.75 ล้านล้านบาท ส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มเป็น 4.69 แสนล้านบาท จากเดิม 4.5 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ จะมีการเสนอกรอบวงเงินงบประมาณปี 2563 ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติในวันที่ 6 ส.ค.นี้ ก่อนจัดทำเป็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 และจะเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยคาดว่าจะนำขึ้นทูลเกล้าฯได้ในประมาณเดือน ม.ค.2563

ขณะที่นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า กรอบงบประมาณปี 2563 แบ่งเป็นงบรายจ่ายประจำ 2.393 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 74.7% ของงบทั้งหมด ,งบลงทุน 6.5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 20.5% ของงบทั้งหมด และงบชำระคืนต้นเงินกู้อยู่ที่ประมาณ 8.9 หมื่นล้านบาท

ส่วนสาเหตุที่ต้องปรับลดประมาณการรายได้ลง และทำให้การขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นนั้น เป็นเพราะสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะนำส่งรายได้ลดลง 1.9 หมื่นล้านบาท หลังจากมีการยกเว้นค่าใบอนุญาตให้กับภาคเอกชน  

สำหรับปฏิทินการจัดทำงบประมาณปี 2563 นั้น หลังจากเสนอกรอบงบประมาณให้ครม.อนุมัติในวันที่ 6 ส.ค.นี้ แล้ว หน่วยงานต่างๆจะส่งคำของบประมาณไปยังสำนักงบประมาณภายในวันที่ 9 ส.ค.62 และตามกำหนดจะเข้าร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 จะสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระที่ 1 ในวันที่ 17 ต.ค.2562 จากนั้นคาดว่าจะพิจารณาวาระ 2 และ 3 ราวต้นเดือน ม.ค.2563 และเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภากลางเดือน ม.ค.2563

นายเดชาภิวัฒน์ ยังระบุด้วยว่า จะมีการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลต่อเนื่องไปอีกหลายปี และคาดว่าจะมีการจัดทำงบประมาณแบบสมดุลได้ในปี 2573 แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับสภานการณ์เศรษฐกิจด้วย