
สรุปข่าว
นักธุรกิจรุ่นใหญ่ "วีรชัย มั่นสินธร" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุตสาหกรรมไทยบรรจุภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPAK เขาผ่านสนามการค้าการลงทุนมาหลายสิบปี มีหนี้กว่า 1,800 ล้านบาท แต่ก็สามารถแก้ไขและพลิกฟื้นธุรกิจกล่องกระดาษลูกฟูก ให้กลับมาเป็นหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรม ทำรายได้กว่า 3,000 ล้านบาทในปัจจุบัน
"วีระชัย" บอกว่า อุตสาหกรรมกระดาษบรรจุภัณฑ์ กล่องกระดาษลูกฟูก เป็นอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน จากประสบการณ์ที่อยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 30 ปี ยังไม่มีอะไรที่จะมาแทนกล่องกระดาษลูกฟูกได้เลย โดยเฉพาะในยุคปัจจุบัน ที่ชาวโลกพยายามรณรงค์ลดใช้พลาสติก แม้ตลอดการทำงานที่ผ่านมา จะต้องเจอวิกฤตเศรษฐกิจเล่นงานอย่างหนัก แต่อุตสาหกรรมนี้ก็ยังสามารถอยู่รอดได้ และเป็นที่ต้องการของตลาด แถมยังมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นด้วยซ้ำ จากการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่ทำให้ความต้องการกล่องกระดาษลูกฟูก เพื่อจัดส่งสินค้า เป็นที่ต้องการมากขึ้น
วิกฤตเศรษฐกิจที่ TIPAK เจอมา "วีระชัย" บอกว่า เขาในฐานะผู้บริหาร ก็ต้องบริหารนำพาองค์กรไปให้ได้ โดยสิ่งที่ผู้นำคนนี้ยึดมั่นคือ "ความอดทน" และ "ความซื่อสัตย์" ต่อทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสีย
จริงๆ ผู้บริหารคนนี้ เจอวิกฤตมาตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำธุรกิจ เขาถูกเรียกตัวกลับจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นช่วงที่เขาไปเรียนต่อ และต้องกลับมาช่วยครอบครัวสะสางปัญหาหนี้จนลุล่วง และบริหารธุรกิจต่อมาเรื่อยๆ จนมาเจอวิกฤตใหญ่ต้มยำกุ้ง
เหตุการณ์ในช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ประมาณปี พ.ศ.2537 "วีระชัย" เริ่มขยายธุรกิจรอบใหม่ สร้างโรงงานที่ปราจีนบุรี จากเงินกู้ 20 ล้านเหรียญไปสร้างโรงงานใหม่ เป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างเสร็จประมาณปี 2540 ก็เจอลดค่าเงินบาท โรงงานยังเทสต์์รันอยู่เลย ทุกอย่างอีรุงตุงนังไปหมด ยอดขายประมาณ 400-500 ล้านบาท มีหนี้รวมกว่า 1,800 ล้านบาท ต้องจ่ายดอกเบี้ยเกว่า 100 ล้านบาท
"วีระชัย" บอกว่า ช่วงนั้นไม่ไหวจริงๆ ต้องขอหยุดแบงก์หมด เพื่อเอาเงินมาทำธุรกิจก่อน เพราะธุรกิจยังพอไปได้ หลังจากนั้น ก็ปรับโครงสร้างหนี้ และใช้หนี้มาเรื่อยๆ กว่า 10 ปีจนหมด ด้วยหลักที่ยึดมั่นคือความซื่อสัตย์ ซื่อตรง และอดทน จ่ายดอกเบี้ยตรงเวลาไม่มีตุกติก ทำให้ได้รับความเชื่อใจจากธนาคาร
หลังจากนั้น เขาเริ่มกลับมาลงทุนใหม่อีก 500 ล้านบาท เพราะกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างสะดุด ไมไ่ด้ลงทุนเลย แผนที่เคยคิดจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็นำกลับมาปัดฝุ่นใหม่ และเล็งหาพาร์ทเนอร์ เพื่อขยายธุรกิจให้รองรับความต้องการของตลาด ทั้งการทำกล่องสำหรับบรรจุอาหาร และกล่องใส่เวชภัณฑ์
"วีระชัย" เล่าว่า จากช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง ธุรกิจของ TIPAK มีรายได้ราว 400-500 ล้านบาท เขาสามารถทำให้ขยับขึ้นมาเป็น 1,000 -3,000 ล้านบาท แต่ช่วงวิกฤต ทำให้ธุรกิจสะดุดไปถึง 10 ปี ไม่เช่นนั้นธุรกิจน่าจะทำรายได้ทะลุหมื่นล้านไปแล้ว ซึ่งในปี 2566 คาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 3,000 ล้านบาทแน่นอน
"ธุรกิจเราโลว์เทค ไม่กำไรเยอะ ไม่ค่อยหวือหวา วัตถุดิบก็ทรงๆ ลูกค้าที่อยู่กับเราไม่ค่อเยปลี่ยนแปลง...แต่ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา ราคาน้ำมัน ราคากระดาษขึ้น ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเร็ว...แต่พนักงานก็ปรับตัว ตอนนี้รับมือได้แล้ว ด้วยการบริหารสต๊อก บริหารต้นทุน วางแผนทกุอย่างใก้กระชับรัดกุม เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ราคากระดาษขึ้นสูง เราปรับตัวไม่ทัน ก็ขาดทุนไปเลยปีนั้น แต่ตอนนี้เราปรับตัวได้แล้ว อยู่ที่ว่า กำไรมากหรือกำไรน้อยเท่านั้นเอง"
"วีระชัย" ย้ำว่า อุตสาหกรรมกล่องกระดาษลูกฟูก เป็นอุุตสาหกรรมที่ไม่ตาย เพียงแต่ต้องปรับตัวไปตามสภาวะตลาดให้ทัน และนั่นคือ ที่มาที่ทำให้เขามองหาพาร์ทเนอร์ ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความแข็งแกร่ง ต่อยอดธุรกิจให้ขยายตัวต่อไป ซึ่งหากมองภาพรวมของอุตสาหกรรมทั้งประเทศ ไทยถือเป็นประเทศที่มีโอกาสเติบโต ประเมินได้จากวิกฤตการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของจีน พอถูกกีดกัน อุตสาหกรรมก็ย้ายฐาน ไหลออกมาทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยและเวียดนาม ก็ได้รับอานิสงส์
รวมไปถึงสงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยังไม่ยุติ ประเทศไทย ในฐานะครัวของโลก และยังเป็นประเทศที่โดดเด่นในเรื่องสุขภาพ อาหารเสริม ความสวยความงาม และเวชภัณฑ์ ทำให้นานาประเทศมองไทยเป็นหมุดหมายของการลงทุน
ขณะเดียวกัน เมื่อจีนกลับมาเปิดประเทศ โอกาสของนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปค้าขายกับจีนก็เปิดกว้างขึ้น ในฐานะที่ "วีระชัย" คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมมานาน และยังรู้ภาษาจีน เนื่องจกาเคยเรียนที่ปีนัง รวมทั้งเขายังเคยเป็นนายกสมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย ปี 2540-2543 ปัจจุบันยังเป็นที่ปรึกษาและสมาชิกกิตติมศักดิ์ สมาคมบรรจุภัณฑ์กระดาษลูกฟูกไทย ดูแลสถาบันความร่วมมือกับจีน
เขาได้นำความรู้และประสบการณ์ที่มี สร้างโปรเจคขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่อยากไปลงทุนในจีน ด้วยการอบรมให้ความรู้ฟรีกับผู้ที่สนใจ ซึ่งงานส่วนนี้ "วีระชัย" มองว่า เป็นส่วนในการช่วยเหลือสังคม และยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัว
ที่มาข้อมูล : -

TNNThailand