
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (28 พ.ค.) ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบเช่นกัน หลังจากนักลงทุนซึมซับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ
ดาวโจนส์ปิดที่ 42,098.70 จุด ลดลง 244.95 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,098.70 จุด ลดลง 244.95 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,888.55 จุด ลดลง 32.99 จุด หรือ -0.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,100.94 จุด ลดลง 98.23 จุด หรือ -0.51%
สรุปข่าว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (28 พ.ค.) ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบเช่นกัน หลังจากนักลงทุนซึมซับรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ
ดาวโจนส์ปิดที่ 42,098.70 จุด ลดลง 244.95 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,098.70 จุด ลดลง 244.95 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,888.55 จุด ลดลง 32.99 จุด หรือ -0.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,100.94 จุด ลดลง 98.23 จุด หรือ -0.51%
คณะกรรมการเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 6-7 พ.ค.โดยระบุว่า เฟดอาจเผชิญกับการตัดสินใจที่ยากลำบากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่เงินเฟ้อปรับสูงขึ้นในเวลาเดียวกับที่อัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ รายงานการประชุมยังสะท้อนให้เห็นว่ากรรมการเฟดมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลังและความตึงเครียดด้านการค้า
นักวิเคราะห์จากบริษัท Spartan Capital Securities กล่าวว่า รายงานการประชุมเฟดไม่ได้เผยให้เห็นถึงสิ่งใหม่ และเมื่อดูในภาพรวมแล้ว เฟดยังคงใช้ท่าทีรอดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมทั้งรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการครั้งที่ 2) และยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ส่วนในวันศุกร์จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ทั้งนี้ ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)