

สรุปข่าว
วันนี้ (28ส.ค.62) น.ส.วชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ได้ติดตามผลของมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาทหลังจากมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา พบว่าผลที่ได้เริ่มเป็นไปในทิศทางที่ธปท.คาดหวัง ซึ่งมาตรการดังกล่าวช่วยลดการเก็งกำไรให้ลดลง และปริมาณการเข้ามาเก็งกำไรน้อยลง ผ่านบัญชีที่นักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาพักในตราสารหนี้ เพราะการลดวงเงินคงค้างบัญชีของต่างชาติทำให้นักลงทุนบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนยากลำบากขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังแสดงความกังวล และยิ่งระมัดระวังในการเข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาธปท.มีการส่งสัญญาณออกไปชัดเจน ว่าต้องการป้องปรามการเข้ามาเก็งกำไรค่าเงินบาท และในอนาคตอาจมีมาตรการออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากสถานการณ์ค่าเงินบาทยังผิดปกติ จึงทำให้นักลงทุนระวังตัวเองมากขึ้นในการเข้ามาลงทุนแต่ละครั้ง
สำหรับมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรค่าเงินบาท เช่น ปรับยอดคงค้างบัญชีเงินฝากสกุลบาทของต่างชาติ จากเดิม 300 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาทต่อรายต่อประเภทบัญชี ส่วนมาตรการที่ธปท.ให้มีการเปิดเผยชื่อของต่างชาติที่ต้องการเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ไทย ถือเป็นเรื่องปกติ ที่จำเป็นต้องทราบว่าคนที่เข้ามาลงทุนคือใคร เพื่อให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของนักลงทุนมากขึ้น ซึ่งแนวทางนี้ถือว่าเป็นทิศทางเดียวกันกับหลายประเทศ ที่ให้นักลงทุนต่างชาติมีการรายงานตัวตน ในการเข้ามาลงทุนประเทศนั้น ๆ ซึ่งถือว่าดีต่อระบบของธปท. ในแง่ของการติดตาม และเฝ้าระวังให้ดีขึ้น
นายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า มาตรการธปท.ที่ออกมาหวังลดการเก็งกำไรค่าเงินบาทจากต่างชาติในช่วงที่เงินบาทแข็งค่านั้น ถือว่าเห็นผลในช่วงแรกของมาตรการเท่านั้นเพื่อให้เงินบาทอ่อนค่าลง เมื่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป ด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนมีทีท่าว่าจะปะทุและมีแนวโน้มยืดเยื้ออีกครั้ง ทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าอีกรอบ
ที่มาข้อมูล : -